ศรีสะเกษ- ทีมสู้คดีปราสาทพระวิหารลงพื้นที่บ้านภูมิซรอลใกล้เขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเยี่ยมเหยื่อจรวด BM 21 ทหารเขมร ย้ำกับชาวบ้านถึงผลตัดสินคดีเขาพระวิหารออกมาอย่างไรรัฐบาลไทยกับกัมพูชาจะเจรจากันให้เกิดความสงบสุขบริเวณเขาพระวิหาร ด้าน “วีรชัย พลาศรัย” เชื่อศาลโลกจะพิพากษาเป็นผลดีต่อทั้ง 2 ประเทศ
เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (5 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายณัฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ และคณะผู้แทนจากกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางมาพบกับผู้นำชุมชนและชาวบ้านในเขต ต.เสาธงชัย เพื่อประชุมชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบถึงสถานการณ์บริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา และแนวทางที่ศาลโลกจะมีการพิพากษาออกมา ซึ่งโดยสรุปจะมี 4 แนวทาง ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนในเขต ต.เสาธงชัยได้รับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมี นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ รองผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ และผู้นำชุมชนในเขต ต.เสาธงชัย ให้การต้อนรับ
นายณัฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศได้ลงพื้นที่เพื่อชี้แจงให้ประชาชนชาวไทยได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องกรณีที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก จะมีการพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ซึ่งตนได้ย้ำให้ชาวบ้านภูมิซรอลได้เข้าใจว่า แม้ว่าผลการพิพากษาของศาลโลกจะออกมาเช่นไร รัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาก็จะมีการเจรจาหารือกันเพื่อให้เกิดความสงบสุขบริเวณเขาพระวิหาร และประชาชนทั้งสองประเทศจะได้ไปมาหาสู่กันตามปกติ ซึ่งต้องเฝ้ารอดูว่าศาลโลกจะมีคำพิพากษาออกมาอย่างไรบ้าง
นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า ในการต่อสู้คดีที่ศาลโลกกรณีคดีปราสาทพระวิหารนี้ ฝ่ายไทยได้พยายามเอาข้อมูลหลักฐานต่างๆ เข้าชี้แจงต่อศาลโลก และเป็นไปได้ว่าศาลโลกจะมีแนวทางการพิพากษาออกมา 4 แนวทาง ซึ่งรายละเอียดต่างๆ จะอยู่ในหนังสือการ์ตูน เรื่อง ปริศนาคดีปราสาทพระวิหาร ที่ได้แจกจ่ายแก่ประชาชนในเขต ต.เสาธงชัย ได้รับทราบแล้ว ขอให้ประชาชนทุกคนเฝ้ารับฟังการพิพากษาของศาลโลก และฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น ไม่ให้เชื่อข่าวลือใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตนเชื่อว่าศาลโลกน่าจะมีการพิพากษาออกมาที่เป็นผลดีต่อทั้งสองประเทศอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันได้มีกลุ่มธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทยในกรณีเขาพระวิหารมลฑลบูรพา นำโดย นายผัน กิ่งแสง อายุ 79 ปี และคณะ นำเอาหนังสือแนวทางการแก้ไขปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา ด้วยอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ. 1941 ไปมอบแก่นายณัฐวุฒิ และนายวีรชัย
จากนั้นคณะของรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 288 ม.13 บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ของนางสัมฤทธิ์ แก้วสง่า อายุ 42 ปี ชาวบ้านภูมิซรอล ที่ถูกจรวด BM 21 ของฝ่ายกัมพูชาถล่มทำให้ไฟไหม้บ้านเสียหายทั้งหลัง ซึ่งนายณัฐวุฒิ และนายวีรชัยได้ให้กำลังใจนางสัมฤทธิ์ว่า เหตุการณ์เหมือนปี 2554 คงจะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาได้มีการเจรจาหารือกันกรณีปราสาทพระวิหารกันอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณเขาพระวิหาร ซึ่งเชื่อมั่นได้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอีกต่อไป