ศรีสะเกษ - "ชาวบ้านภูมิซรอล" เริ่มอพยพหนีภัยสงครามไทย-เขมรบนเขาวิหารไปพักอาศัยอยู่บ้านญาติในตัวเมืองกันทรลักษ์ให้พ้นรัศมีกระสุนปืนใหญ่ ขณะที่ครู-นักเรียนชายแดนบุรีรัมย์ซ้อมวิ่งเข้าหลุมหลบภัย ผวาเหตุสู้รบซ้ำรอยปี 54 ที่ถูก BM-21ถล่มกว่า 40 ลูก เช่นเดียวกับชาวบ้านตาเมียง สุรินทร์ เร่งบรรจุดินใส่กระสอบปุ๋ยเสริมกั้นรอบหลุมหลบภัยคอนกรีตเพื่อป้องกันวิถีกระสุนและสะเก็ดระเบิด
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (5 พ.ย.) ที่ห้องลำดวนทองโรงแรมพรหมพิมาน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายณัฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ พล.ท.บุญชู เกิดโชค เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมกันจัดเวทีเสวนา เรื่อง "การบูรณาการในการเสริมสร้างความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา" เพื่อให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีคดีปราสาทพระวิหาร แก่ประชาชนทุกภาคส่วนใน จ.ศรีสะเกษ และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเป็นการเตรียมการรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือ ศาลโลก อ่านคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ในวันที่ 11 พ.ย.นี้
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องของการเตรียมความพร้อมในการรักษาอธิปไตยเป็นเรื่องของทหาร และในขณะเดียวกัน ทหารยังต้องมีหน้าที่ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น ซึ่งปัญหาทุกอย่างควรแก้ด้วยสันติวิธี ทั้งนี้ ในส่วนของกระทวงการต่างประเทศได้จัดทำเอกสาร เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเ ให้กับประชาชนทั่วไปได้รับทราบ ซึ่งจะออกในวันที่ 7- 8 พ.ย.56 นี้
สำหรับบรรยากาศที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ นางสัมฤทธิ์ แก้วสง่า อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 288 หมู่ 13 บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ซึ่งบ้านถูกกระสุนปืนใหญ่กัมพูชาไฟไหม้ทั้งหลัง กล่าวว่า ตนยังคงหวาดผวากับเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เมื่อช่วงปี 54 ซึ่งขณะนี้ได้มีชาวบ้านบางส่วนพากันอพยพครอบครัวเข้าไปอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องในเขตตัวเมือง อ.กันทรลักษ์ เพื่อให้ห่างไกลจากกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชา โดยอพยพไปแล้วหลายครอบครัว เนื่องจากเกรงว่าหากอพยพในช่วงวันที่ 11 พ.ย.อาจจะเกิดความโกลาหลขึ้นมาได้
วันเดียวกัน ที่ จ.บุรีรัมย์ นายพิทยา รัตนกาญจน์ ผอ.โรงเรียนบ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด พร้อมคณะครูได้นำนักเรียนซักซ้อมวิ่งลงหลุมหลบภัยที่มีอยู่ภายในโรงเรียน พร้อมแนะนำวิธีการหลบภัยอย่างปลอดภัยเพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดน ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นโรงเรียนเคยได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะระหว่างทหารไทย กับฝ่ายกัมพูชา เมื่อวันที่ 26 เม.ย.54 ที่ได้มีลูกระสุนปืนใหญ่ ลูกจรวด BM-21 ฝ่ายทหารกัมพูชา เข้ามาตกในหมู่บ้าน วัด และโรงเรียนกว่า 40 ลูก
ขณะที่ภายในโรงเรียนบ้านโคกกระชาย มีหลุมหลบภัยอยู่เพียง 6 หลุม และมีสภาพทรุดโทรมยังไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร ทั้งไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียนที่มีอยู่มากกว่า 220 คน จึงร้องขอให้ทางภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งจัดสรรงบประมาณมาดำเนินการซ่อมแซม และก่อสร้างให้ได้มาตรฐานและเพียงพอกับจำนวนนักเรียนด้วย
ส่วนที่ จ.สุรินทร์ ชาวบ้านตาเมียง หมู่ 1 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก กว่า 30 คน ได้ช่วยกันบรรจุดินใส่กระสอบปุ๋ยเพื่อเสริมกั้นรอบหลุมหลบภัยคอนกรีตให้มีความหนาแน่นและสามารถป้องกันวิถีกระสุนและสะเก็ดระเบิดได้รอบทิศทางที่อาจจะเกิดขึ้น หากเกิดสถานการณ์การสู้รบ
นายอภินพ อนุกูล ผู้ใหญ่บ้านตาเมียง กล่าวว่า การซ่อมแซมปรับปรุงหลุมหลบภัยทั้ง 3 แห่ง เพื่อรองรับ 269 ครัวเรือน 1,612 คน โดยชาวบ้านรวมลงแขกทั้งปัจจัยและแรงกายแรงใจ ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 2-3 วัน ถึงจะสร้างเสร็จ แต่ยังขาดแคลนถุงปุ๋ยสำหรับบรรจุดินอีกจำนวนมาก เพราะใช้ไปกว่า 500 ถุงแล้ว แต่ยังไม่พอ
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (5 พ.ย.) ที่ห้องลำดวนทองโรงแรมพรหมพิมาน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายณัฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ พล.ท.บุญชู เกิดโชค เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมกันจัดเวทีเสวนา เรื่อง "การบูรณาการในการเสริมสร้างความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา" เพื่อให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีคดีปราสาทพระวิหาร แก่ประชาชนทุกภาคส่วนใน จ.ศรีสะเกษ และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเป็นการเตรียมการรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือ ศาลโลก อ่านคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ในวันที่ 11 พ.ย.นี้
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องของการเตรียมความพร้อมในการรักษาอธิปไตยเป็นเรื่องของทหาร และในขณะเดียวกัน ทหารยังต้องมีหน้าที่ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น ซึ่งปัญหาทุกอย่างควรแก้ด้วยสันติวิธี ทั้งนี้ ในส่วนของกระทวงการต่างประเทศได้จัดทำเอกสาร เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเ ให้กับประชาชนทั่วไปได้รับทราบ ซึ่งจะออกในวันที่ 7- 8 พ.ย.56 นี้
สำหรับบรรยากาศที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ นางสัมฤทธิ์ แก้วสง่า อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 288 หมู่ 13 บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ซึ่งบ้านถูกกระสุนปืนใหญ่กัมพูชาไฟไหม้ทั้งหลัง กล่าวว่า ตนยังคงหวาดผวากับเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เมื่อช่วงปี 54 ซึ่งขณะนี้ได้มีชาวบ้านบางส่วนพากันอพยพครอบครัวเข้าไปอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องในเขตตัวเมือง อ.กันทรลักษ์ เพื่อให้ห่างไกลจากกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชา โดยอพยพไปแล้วหลายครอบครัว เนื่องจากเกรงว่าหากอพยพในช่วงวันที่ 11 พ.ย.อาจจะเกิดความโกลาหลขึ้นมาได้
วันเดียวกัน ที่ จ.บุรีรัมย์ นายพิทยา รัตนกาญจน์ ผอ.โรงเรียนบ้านโคกกระชาย ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด พร้อมคณะครูได้นำนักเรียนซักซ้อมวิ่งลงหลุมหลบภัยที่มีอยู่ภายในโรงเรียน พร้อมแนะนำวิธีการหลบภัยอย่างปลอดภัยเพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดน ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นโรงเรียนเคยได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะระหว่างทหารไทย กับฝ่ายกัมพูชา เมื่อวันที่ 26 เม.ย.54 ที่ได้มีลูกระสุนปืนใหญ่ ลูกจรวด BM-21 ฝ่ายทหารกัมพูชา เข้ามาตกในหมู่บ้าน วัด และโรงเรียนกว่า 40 ลูก
ขณะที่ภายในโรงเรียนบ้านโคกกระชาย มีหลุมหลบภัยอยู่เพียง 6 หลุม และมีสภาพทรุดโทรมยังไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร ทั้งไม่เพียงพอกับจำนวนนักเรียนที่มีอยู่มากกว่า 220 คน จึงร้องขอให้ทางภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งจัดสรรงบประมาณมาดำเนินการซ่อมแซม และก่อสร้างให้ได้มาตรฐานและเพียงพอกับจำนวนนักเรียนด้วย
ส่วนที่ จ.สุรินทร์ ชาวบ้านตาเมียง หมู่ 1 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก กว่า 30 คน ได้ช่วยกันบรรจุดินใส่กระสอบปุ๋ยเพื่อเสริมกั้นรอบหลุมหลบภัยคอนกรีตให้มีความหนาแน่นและสามารถป้องกันวิถีกระสุนและสะเก็ดระเบิดได้รอบทิศทางที่อาจจะเกิดขึ้น หากเกิดสถานการณ์การสู้รบ
นายอภินพ อนุกูล ผู้ใหญ่บ้านตาเมียง กล่าวว่า การซ่อมแซมปรับปรุงหลุมหลบภัยทั้ง 3 แห่ง เพื่อรองรับ 269 ครัวเรือน 1,612 คน โดยชาวบ้านรวมลงแขกทั้งปัจจัยและแรงกายแรงใจ ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 2-3 วัน ถึงจะสร้างเสร็จ แต่ยังขาดแคลนถุงปุ๋ยสำหรับบรรจุดินอีกจำนวนมาก เพราะใช้ไปกว่า 500 ถุงแล้ว แต่ยังไม่พอ