นายกฯ อ้างอาศัยเวที กก.ร่วมไทย-เขมร กลไกคุยสันติภาพไม่ว่าคำพิพากษาพระวิหารจะเป็นยังไง ยกประชาคมอาเซียนต้องรักษาบรรยากาศ บอกต่อสู้เต็มกำลัง พร้อมปกป้องอธิปไตยต้องก็อยากรักษาความสัมพันธ์
วันนี้ (22 ต.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย เวลา 16.00 น.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) มีตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ทางรัฐบาลจะอาศัยเวทีของคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-กัมพูชา (เจซี) เป็นกลไกในการพูดคุยเพื่อให้บรรยากาศตามแนวชายแดน เป็นไปอย่างสงบและราบรื่น โดยได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศนัดหมายในการพูดคุยกัน และมอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงดูแลความสงบนพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ในส่วนของการวิเคราะห์แนวโน้มของคำพิพากษาจะมีทีมงานนำโดยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ วิเคราะห์รายละเอียดในส่วนของกฎหมาย และวันที่ 11 พ.ย.ที่ศาลมีคำตัดสินจะมีการถ่ายทอดสดแปลทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้ประชาชนได้รับฟังด้วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งว่า แนวทางคำตัดสินจะออกมาทั้งหมด 4 แนวทาง โดยไม่ทราบว่าจะออกมาในทิศทางใด แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรรัฐบาลต้องรักษาบรรยากาศความสัมพันธ์ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องรักษาสันติภาพในภูมิภาค โดยเฉพาะกำลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าในส่วนของรัฐบาลได้ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถในการต่อสู้ทางด้านกฎหมายและรักษาอธิปไตยของประเทศ
“เมื่อผลออกมาต้องมีคณะกรรมการที่จะรอฟังผลก่อน จริงๆ แล้ว มีขั้นตอนอีกเยอะ ดังนั้นสถานการณ์ในพื้นที่ เราต้องขอความร่วมมือ เนื่องจากเป็นจุดที่อ่อนไหวจริงๆ เพราะรัฐบาลเองต้องทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยอยู่เเล้ว แต่ขณะเดียวกันเราอยากรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ยังคงอยู่ด้วย” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
