“ปานเทพ” อวยพร ปชป.นำมวลชนต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมได้สำเร็จ หวังมีความตั้งใจจริงไม่ใช่แค่แผนหาเสียง ชี้หากปล่อยผ่านเข้าสู่ขั้นตอนทรงลงพระปรมาภิไธยจะเป็นการกดดัน “ในหลวง” และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือโจมตีสถาบันฯ พร้อมวิเคราะห์รัฐบาลเร่งกฎหมายล้างผิดอาจเพราะล็อบบี้ศาล รธน.ได้แล้ว หรือมีแผนรัฐประหารตัวเอง ด้าน “พิชาย” เชื่อ ปชช.ลุกฮือหากนิรโทษกรรมผ่านสภา และเมื่อนั้นจะเป็นจุดจบของระบอบทักษิณ
วันที่ 29 ต.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ ผศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
โดยนายปานเทพกล่าวว่า ที่เพื่อไทยเร่งรัด พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทั้งที่มีความแน่ชัดว่าขัดรัฐธรรมนูญ เป็นไปได้คือ 1. มั่นใจว่าเสียงตัวเองมีมากกว่าในตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและเสียงคัดค้านภายนอกตอนนี้ไม่มีพลังมากพอ และต้องเร่งทำก่อน 11 พ.ย. วันตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร รวมถึงการแก้มาตรา 190 ด้วย เพราะมันเชื่อมโยงกัน เชื่อว่าเขาประเมินแล้วว่า 11 พ.ย. ประชาชนกลุ่มหนึ่งจะรู้เท่าทัน 2. เขาอาจลองยื่นไปเผื่อศาลตีตก ก็จะอ้างเหตุระดมมวลชนครั้งใหญ่ เพื่อให้เกิดกระบวนการล้มศาลรัฐธรรมนูญในที่สุด น่ากลัวกว่านั้นอีกถ้ามั่นใจว่าศาลปล่อยผ่าน อะไรจะเกิดขึ้น มันหนีไม่พ้นที่ประชาชนต้องออกมาชุมนุมคัดค้าน จุดนั้นอาจมีประชาชนไปถวายฎีกาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งน่าห่วงว่าสถาบันฯ จะถูกกดดัน แต่ถ้าไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย รัฐบาลก็จะนำไปใช้เป็นเกมการเมืองโจมตีสถาบันฯ ต่อไป ฉะนั้นการเร่งรัดกฎหมายนิรโทษกรรมนี้มันลึกซึ้งและไม่ธรรมดา เดินหน้าทั้งที่รู้ว่าปฏิกิริยาจะเป็นอย่างไร 3. ความรู้สึกของรัฐบาลที่กุมอำนาจอยู่ ยื่นกฎหมายนี้ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าจะเกิดความวุ่นวาย รัฐบาลอาจฉวยโอกาสรัฐประหารตัวเอง เป้าประสงค์เพื่อให้เกิดรัฏฐาธิปัตย์ลบล้างความผิดตัวเอง
นายปานเทพกล่าวต่อว่า เมื่อประชาธิปัตย์ตัดสินใจชุมนุม 31 ต.ค. ตนก็อยากเห็นว่าเป้าหมายในการเชิญชวนประชาชนมาเพื่อทำอะไร ตนไม่อยากเห็นแบบเดิมคือแค่เดินไปส่ง ส.ส.เข้าสภาเหมือนรอบที่แล้ว เพราะเที่ยวนี้มีเดิมพันประเทศ เพราะถ้านายทักษิณมั่นว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะอยู่ข้างตัวเอง เราหวังพึ่งตุลาการศาล 9 คนอาจไม่ได้ แต่ถ้านายสุเทพ นายอภิสิทธิ์ เชื่อมั่นว่าต้องใช้พลังประชาชน ต้องใช้ในรูปของการปฏิบัติการ ไม่ใช่เป็นการส่งเสริมมาตรการการขายว่าตัวเองจะกลับมาเลือกตั้งครั้งหน้าให้มาเลือกตนเยอะๆ ไม่เช่นนั้นจะทำประชาชนผิดหวังได้ เที่ยวนี้อวยพรให้นายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ใช้กำลังมวลชนปฏิบัติการขัดขวางกฎหมายที่ไม่ชอบนี้ และขอให้สำเร็จทุกประการ
ตนเชื่อว่าคนจะมาเยอะมาก เพราะรับไม่ได้กับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ถ้าบวกกับการจัดตั้งของประชาธิปัตย์ ถ้าจะมาจริงๆ มาได้เป็นแสนคน แต่ปัญหาคือจะทำหรือเปล่า ถ้าไม่จัดตั้งอย่างเข้มแข็งแสดงว่าเขาไม่คิดแตกหัก แล้วตนก็เชื่อว่าประชาธิปัตย์ยังไม่แตกหัก ฟังจากนายอภิสิทธิ์น่าจะคาดหวังที่ศาลรัฐธรรมนูญมากกว่าใช้มวลชนยับยั้ง พ.ร.บ. การเรียกชุมนุมครั้งนี้น่าจะเป็นสัญลักษณ์แสดงความไม่พอใจมากกว่า แล้วไปสู้เอาในขั้นตอนศาลรัฐธรรมนูญ เขาไม่เสี่ยงใช้มวลชนดำเนินการปิดล้อมสภา แต่จะอธิบายให้มวลชนได้หรือเปล่าถ้ามาเยอะ เพราะเท่ากับว่าโอกาสที่จะนำมวลชนต่อไปเป็นเรื่องไม่ง่ายแล้ว เราก็จะดูได้ว่าตั้งเกณฑ์มวลชนไว้ระดับไหน ถ้าทำได้เยอะแสดงว่าตั้งใจจริงที่จะใช้มวลชนปฏิบัติการ แต่ถ้าไม่ใช่ก็เป็นแค่เวทีหาเสียงเพิ่มคะแนนเลือกตั้งในอนาคต
เมื่อถามว่าแกนนำพันธมิตรฯจะทบทวนท่าทีอีกครั้งหรือไม่ เมื่อเป็นจุดชี้เป็นชี้ตาย นายปานเทพกล่าวว่า ตนเอาแถลงการณ์สุดท้ายของพันธมิตรฯ มาพูดให้ฟังว่าให้ประชาชนใช้วิจารณญาณตัวเอง ทุกคนทำได้อย่างอิสระเสรีเต็มที่ แต่ใครที่เข้าใจแถลงการณ์พันธมิตรฯ อย่างชัดเจนจะเข้าใจว่าควรทำอย่างไร
นายปานเทพยังกล่าวด้วยว่า ถ้าต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสำเร็จ ประเทศก็เดินเข้าสู่ระบอบทักษิณเหมือนเดิม เพราะมีกฎหมายอื่นตามมาแทน ถ้าจะยกระดับ ชั่วโมงนี้ถ้าประชาธิปัตย์เสียสละนิดเดียวทำสัญญาประชาคมว่าจะทำอะไรบ้าง เพื่อปฏิรูปการเมืองควบคู่ไปกับการขับไล่รัฐบาล สถานการณ์จะเปลี่ยนเลยทันที สุดท้ายตนหวังว่าประชาธิปัตย์ไม่ใช่แค่เอามวลชนไปเชียร์ แล้วปล่อยผ่านวาระ 3 เพื่อไปยัง ส.ว. และศาล เพราะถ้านายทักษิณเขามั่นใจว่าล็อบบี้ศาลได้จะเลวร้ายมาก เพราะทุกอย่างจะไปอยู่ที่การตัดสินพระทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ด้านนายพิชายกล่าวถึงการนัดชุมนุมของประชาธิปัตย์ว่า บอกให้ชัดว่าเป้าหมายการชุมนุมคืออะไร จะยับยั้ง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอย่างไร เพราะเข้าไปอยู่ในสภาแล้ว จะนำมวลชนไปล้อมสภาหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นแบบเดิมคือให้ประชาชนเดินไปส่ง ส.ส.เข้าสภา ถ้าวางเกมแบบนี้อย่าเรียกคนมาชุมนุมเลย แต่ก็ต้องอย่าเพิ่งดูเบา บางทีประชาธิปัตย์อาจมีแผนอะไรก็ได้
นายพิชายกล่าวต่อว่า เกมยุบสภาที่รัฐบาลมองว่าเป็นไม้เด็ดเมื่อโดนประชาชนไล่มากๆ เขาอาจประเมินผิดก็ได้ เพราะยุบสภาอีกด้านเป็นจังหวะที่ดีของประชาชนในการกำจัดการเมืองแบบนี้ เพราะช่วงยุบสภาไปอำนาจรัฐจะอ่อนลง ประชาชนอาจไล่ต่อไปเลย ซึ่งอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ความไม่แน่นอนสูง ที่คิดว่าเป็นไม้เด็ดก็อาจกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำลายรัฐบาลก็ได้
นายพิชายกล่าวด้วยว่า ถ้าต้านกฎหมายนิรโทษกรรมไม่ได้ก็ไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ สมมติผ่านก็ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธย กระบวนการนั้นอาจมีการถวายฎีกาจากประชาชน ในที่สุดภาระการตัดสินใจจะอยู่ที่องค์ประมุขของประเทศ เกิดการล่อแหลมต่อสถาบันเบื้องสูง เพราะไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เป็นปมปัญหาทั้งสิ้น ตอนนี้คนอาจยังไม่ครุ่นคิดถึงปัญหานี้มากนัก แต่ต่อไปจะเห็นว่ากฎหมายนี้กระทบต่อความมั่นคงของสถาบันเบื้องสูง จะทำให้ประชาชนอีกจำนวนมากเริ่มเห็นมหันตภัยของกฎหมายนี้ อีกทั้งชื่อเสียงของประเทศไทยคงป่นปี้เพราะไม่มีประเทศไหนล้างกฎหมายทุจริต ภาพลักษณ์ต่อต่างประเทศก็เสีย ตนอยากฝากบอกทหารด้วยถ้าปล่อยกฎหมายนี้ผ่านจะกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
แต่ถ้ากฎหมายนิรโทษกรรมไม่สามารถผ่านไปได้ แน่นอนสิ่งที่ตนพูดมาอาจยังไม่เกิดในปัจจุบัน แต่ระบอบทักษิณ หรือระบอบทรราชย์ใหม่จะขยับทำเรื่องอื่นอย่างแนบเนียนซึมลึก ทำให้ยืดอายุระบอบทักษิณไปได้อีกระยะหนึ่ง แต่ตนทำนายได้เลยว่าถ้ากฎหมายนี้ผ่านสภาเมื่อไหร่ เมื่อนั้นคือจุดจบของระบอบทักษิณ