ส.ว.เพชรบุรี ขอบคุณกรมอุทยานฯ ให้ช้างกลับมาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ห้ามไม่ให้เป็นสัตว์พาหนะ ปชช.ห้ามเป็นเจ้าของ “ส.ว.สุธรรม” จวก ปลัด พณ.โกหกตัวเลขเงินเฟ้อ เลียนแบบ รมว.คลัง ชี้เศรษฐกิจกำลังวิกฤต หนี้สาธารณะอื้อ เสี่ยงล้มละลายแบบมะกัน “ส.ว.พิเชต” ฝากนายกฯ ปัญหาโรฮิงญาหนักขึ้น เผยลงพื้นที่ จนท.เกินกำลังแก้ปัญหา ดักอย่าคิดสั้นเปิดศูนย์ลี้ภัยตามยูเอ็นเอชซีอาร์ ชี้เปิดช่องให้หนีเข้าไทยไม่รู้จบ
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ในการประชุม ทั้งนี้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ โดย น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวว่า ต้องขอบคุณกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ปลดล็อกช้างไม่ให้เป็นสัตว์พาหนะ กลับมาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง และให้กรมอุยานฯ ดูแลเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะที่ผ่านมาประชาชนมีสิทธิ์เลี้ยงช้าง ซื้อขายได้ตามกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย และยังมีการลักลอบนำลูกช้างสัตว์ป่ามาสวมตั๋วรูปพรรณ ทั้งที่อายุยังน้อย พลัดพรากจากแม่ทำให้ช้างไม่สามารถมีอายุอยู่ได้ จึงมีช้างเร่รอน ดังนั้น การที่กรมอุทยานฯ หยิบเรื่องนี้เป็นนิมิตหมายที่ดี แม้จะมีคนเลี้ยงช้างคัดค้านก็ต้องไม่ย้อนหลังใครมีอยู่แล้วก็ไม่ว่า แต่นับจากนี้ไปประชาชนจะเป็นเจ้าของช้างไม่ได้ เพราะเป็นสัตว์คุ้มครองแล้ว
ส่วนนายสุธรรม พันธุศักดิ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตนเป็นห่วงเรื่องค่าครองชีพที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์แถลงว่าอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยอยู่ที่ 2.4 เปอร์เซ็นต์ เป็นการโกหกทั้งสิ้น ไม่ทราบว่าปลัดลอกเลียนแบบของ รมว.การคลังหรือไม่ ตัวเลขที่แท้จริงอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะสินค้าแพงไปหมด แต่ปลัดบอกว่าเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในสองปีของประเทศไทย อยากเรียนว่าตอนนี้เศรษฐกิจประเทศกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤต เพราะเลียนแบบสหรัฐฯ ขณะนี้หนี้สหรัฐฯ อยู่ที่ 17 ล้านล้านเหรียญ หนี้อยู่นอกบัญชี เช่น ประกันสังคม รักษาพยาบาล จำนวน 200 ล้านล้านเหรียญ พูดง่ายๆ คือสหรัฐฯ จะอยู่รอดหรือไม่ หรือจะล้มละลาย และประเทศไทยมีหนี้สาธารณะมากมาย ในโครงการจำนำข้าว เงินกู้ 2 ล้านล้าน ต่อไปธนาคารแห่งประเทศไทยต้องพิมพ์เงินมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อพยุงอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ ดังนั้นขอให้กระทรวงพาณิชย์อย่าแถลงผิดๆ ให้ประชาชนเข้าใจผิด
ขณะที่นายพิเชต สุนทรพิพิธ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ฝากไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ กรณีของชาวโรฮิงญานับวันจะทวีความรุนแรงและมีผลกระทบต่อความมั่นคงเรื่อยๆ เมื่อสัปดาห์ผ่านมาคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ได้ลงพื้นที่ติดตามข้อเท็จจริงที่จังหวัดพังงา และสงขลา พบว่า ปัญหาสะสมเกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจะแก้ปัญหาได้ โดยเฉพาะห้องกักกันของ ตม.ทำไว้สำหรับ 40 คน แต่ใช้กักกันชาวโรฮิงญากว่า 100 คน ทำให้มีการทำลายห้องขังทั้งจังหวัดพังงา และสงขลา ต้องกระจายชาวโรฮิงญาไปฝากขังตามโรงพักต่างๆ ทั่วจังหวัด ส่งผลให้เกิดปัญหาเดือดร้อนนำไปกักกันรวมกับนักโทษพม่า และชาวไทยไม่ได้ ความจริงชาวโรฮิงญาถือประเทศไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศมาเลเซียและออสเตรเลีย แต่ทั้งสองประเทศไม่รับ แต่ชาวโรฮิงญาต้องการเดินทางกลับบ้านก็ไม่ให้กลับ เพราะไม่มีนโยบายชัดเจนจากรัฐบาล ต้องกักกันไว้โดยไม่มีอนาคต จนทำให้เกิดความเครียด ทั้งเจ้าหน้าที่และผู้กักกัน
“หน่วยปฏิบัติในพื้นที่มีข้อเสนอ 2-3 ประการอยากให้ สมช.นำไปพิจารณา มอบเป็นนโยบายลงไปโดยเร็ว เพราะหมดฤดูมรสุมจะมีชาวโรฮิงญาทยอยมาอีกแน่นอน และที่สำคัญรัฐบาลไม่น่าจะคิดสั้นเปิดศูนย์ลี้ภัยขึ้นอย่างเป็นทางการตามที่ยูเอ็นเอชซีอาร์ได้มีการผลักดัน เท่ากับเป็นการเปิดประตูให้ชาวโรฮิงญาล้านคนเศษในจังหวัดยะไข่ และอีกเป็นล้านคนจากบังกลาเทศหลั่งไหลเข้าประเทศไทยมีปัญหาไม่รู้จบ” นายพิเชตกล่าว