xs
xsm
sm
md
lg

“องอาจ” จี้นายกฯ กำชับลูกพรรคอย่ากร่าง ลิดรอนสิทธิฝ่ายค้าน ท้าเปิดสัญญาซื้อข้าวกับจีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายองอาจ  คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ภาพจากแฟ้ม)
ประธาน ส.ส.ปชป.โวยชำเรา รธน. เสียงข้างมากกร่างคับซอย ดักคอวิปรัฐฯ ปิดปากพูดร่างเงินกู้ 2 ล้านล้าน วาระ 2 แนะนายกฯ กำชับลูกพรรคยอมรับคำวินิจฉัยศาล รธน. หากตัดสินประเด็นที่มาของ ส.ว.ขัด รธน. อย่าลิดรอนสิทธิฝ่ายค้าน อีกด้านจี้รัฐเปิดสัญญาซื้อขายข้าวกับจีน ลบครหาไม่โปร่งใส ย้ำโครงการจำนำข้าวขาดทุนมหาศาล



วันนี้ (15 ก.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับประเด็นที่มาของ ส.ว. ที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตีความว่าขัดต่อมาตรา 68 หรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่มีความชัดเจน คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการกระทำที่ลุแก่อำนาจของฝ่ายเสียงข้างมาก ที่ครอบงำฝ่ายนิติบัญญัติวินิจฉัยอย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมอันธพาล กร่างทับซอยและจะก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ดังนั้นพรรคจึงอยากฝาก 3 ประเด็น ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลอาจกระทำอีกในอนาคต คือ 1. ใช้เสียงข้างมากอภิปรายปิดปากสมาชิก หากมีการพูดกระทบรัฐบาล 2. เป็นเผด็จการรัฐสภาปิดปากไม่ให้ฝ่ายค้านทำงานได้ และ 3. ประธานรัฐสภาใช้อำนาจเกินขอบเขตและสุ่มเสี่ยงที่จะขัดรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเหตุให้พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนที่รัฐบาลและเสียงข้างมากพยายามบอกว่า แต่ละองค์กรควรที่จะมีบทบาทแยกออกจากกัน

ทั้งนี้ ตนอยากถามว่าในเมื่อประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดความขัดแย้งที่แต่ละฝ่ายมองไม่เหมือนกัน และหากไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ แล้วจะมีหน่วยงานไหนจะมายุติข้อพิพาทได้ จะมาอ้างว่าฝ่ายนิติบัญญัติทำอะไรก็ได้นั้น ตนมองว่าไม่ถูกต้อง จึงอยากฝากไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ไปกำชับสมาชิกพรรคเพื่อไทยให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าวรวมทั้งทุกฝ่ายยอมรับคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือว่าเป็นที่สิ้นสุด และไม่ควรมีพฤติกรรมใดๆที่ออกมาขัดขวาง หรือจะหักดิบโหวตวาระ 3 หากมีคำวินิจฉัยอย่างหนึ่งอย่างใดในอนาคต

นายองอาจยังกล่าวถึงการพิจารณาออก พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ว่าพรรคเห็นด้วยกับการดำเนินโครงการ โครงสร้างพัฒนาพื้นฐานคมนาคม แต่ต้องดำเนินการถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งที่ผ่านมาในชั้นรับหลักการและชั้นกรรมาธิการวิสามัญนั้น พรรคเห็นว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมายหลายประการ คือ 1. มีความพยายามกระทำการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 169 หมวด 8 และ 2. เอกสารแนบท้ายตามร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ในโครงการไม่มีความชัดเจนไม่มีการศึกษาคุ้มค่าอัตราการเงินและเศรษฐกิจ

3. หากกฎหมายดังกล่าวผ่านจะไม่สามารถตรวจสอบ การกู้เงินได้เลยและมีโอกาสที่จะปกปิดอัมพรางซ่อนเร้นข้อมูลต่างๆได้โดยง่าย 4. การดำเนินการส่อที่จะทุจริตได้โดยง่าย ทั้งนี้ใน 4 ประเด็ฯดังกล่าว จะมีการอภิปรายในวาระ 2 วันที่ 19-20 ก.ย.นี้ เพื่อให้สังคมรับทราบ นอกจากนี้ตนอยากเสนอไปที่รัฐบาลและเสียงข้างมากว่า ไม่ควรปิดอภิปรายเพื่อปิดปากฝ่ายค้าน เพราะมีผู้สงวนคำแปรญัติ 144 คนแบ่งเป็นพรรคประชาธิปัตย์ 106 คน พรรเพื่อไทย 37 คน โดยจะพิจารณาทั้งหมด 19 มาตรา และมีเอกสารประกอบอีก 31 หน้า จึงอยากให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพราะหากสมาชิกรัฐสภาไม่ได้อยู่ภายใต้อาณัติของใครก็จะเห็นว่า กฎหมายดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ และขอร้องนายกรัฐมนตรี ไปกำชับลูกพรรคอย่าลิดรอนการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน


กำลังโหลดความคิดเห็น