วิปรัฐลั่นไม่รอคำสั่งศาล รธน. ชี้ครบเงื่อนเวลาลุยโหวตผ่านวาระ 3 ทันที ขู่ ปชป.เตะถ่วงถก 2 ล้านล้านเจอเสนอปิดอภิปรายอีก “วรชัย” เหิมเตือนศาลเคารพหน้าที่ของแต่ละฝ่าย อย่าสร้างปัญหา บ้านเมืองกำลังเดินไปด้วยดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 14 ก.ย. นายอำนวย คลังผา ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว. ที่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาในวาระที่ 2 ไปแล้วว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องทิ้งไว้ 15 วันจึงจะสามารถลงมติในวาระที่ 3 ก็คือวันที่ 27 ก.ย. แต่อาจจะเหลื่อมเวลาไปได้นิดหน่อย เป็นวันที่ 1-2 ต.ค.ก็ได้ กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่ากระบวนการแก้ไขขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ถือเป็นสิทธิ แต่ยืนยันว่าได้ทำตามระเบียบข้อบังคับทุกประการ หากมีการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแต่ยังไม่มีคำวินิจฉัยใดๆ ออกมา เราก็จะเดินหน้าลงมติในวาระที่ 3 ต่อไป เราต้องทำตามขั้นตอนของเราให้ครบถ้วนก่อน ใช้สิทธิของเราให้เต็มที่ก่อน มิฉะนั้นจะเสียสิทธิ กฎหมายจะตกไปเลย
นายอำนวยกล่าวว่า ประเด็นเรื่องการปิดอภิปรายที่นำมาเป็นข้อร้องเรียนนั้น ยืนยันว่าดำเนินการไปตามข้อบังคับ เมื่อเห็นว่ามีการพิจารณาไปพอสมควรแล้ว ก็สามารถเสนอปิดอภิปรายได้ และคนที่เสนอเป็นสมาชิกรัฐสภา ไม่ใช่ประธานในที่ประชุม อีกทั้งการเสนอให้ปิดหลายครั้งก็มีคนเห็นต่างเสนอให้เปิดอภิปราย แต่พอเวลากดคะแนนกลับไม่กดโหวตเสนอให้อภิปรายต่อ อันนี้ต้องดูเจตนาด้วย ถ้าคิดว่าผิดก็ผิดกันทั้งรัฐสภา สำหรับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 2 นั้นคาดว่าจะพิจารณากันในวันที่ 19-20 ก.ย. หากการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ ยังมีรูปแบบคล้ายการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซ้ำซ้อน เยิ่นเย้อ ก็มีสิทธิที่จะขอให้ปิดอภิปรายเช่นเดียวกัน
ด้านนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบดูไม่มีบทบัญญัติใดให้อำนาจยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องของการทำผิดข้อบังคับ ก็ยืนยันว่าเราทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด และข้อบังคับเป็นอำนาจของสมาชิกรัฐสภา อย่างไรก็ตาม หากมีการยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตีความแต่มีการดองเรื่องไว้ ศาลรัฐธรรมนูญก็จะเสื่อมศรัทธาไปเอง ขอร้องว่าอย่าทำให้เกิดปัญหา เพราะบ้านเมืองกำลังเดินไปด้วยดี 3 อำนาจ บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ ต้องให้เกียรติและเคารพหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ถ้าก้าวก่ายกันก็ไม่จบ ยืนยันว่ารัฐสภาจะต้องเดินหน้าโหวตวาระ 3หลังจากทิ้งไว้ 15 วัน สำหรับการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนั้น เราให้โอกาสเยอะพอสมควรแล้ว ไม่ได้ออกเป็น พ.ร.ก. การอภิปรายในวาระ 2 ก็จะปล่อยให้ฝ่ายค้านว่ากันเต็มที่ แต่ขอว่าอย่าวนไปวาระ 1 อย่าลากยาวเหมือนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้ามีเจตนาดึงเกม พูดวนเวียน ซ้ำซาก ตีรวนพาดพิง คนฟังเขารู้ ก็อาจจะมีการเสนอให้ปิดอภิปรายได้
ขณะที่นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่ได้เปิดช่องเหมือนการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ต่างๆ ที่เปิดโอกาสส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ว่า พ.ร.บ.นั้นขัดหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมนั้นไม่ได้เขียนเรื่องนี้ไว้ เพราะจะเป็นการให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ก็ได้ ทั้งที่อำนาจสูงสุดต้องอยู่ที่รัฐสภา แต่ที่ผ่านมามีการตีความโดยอ้างมาตรา 68 ซึ่งตนยืนยันว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจทำอย่างนั้น เพราะการใช้อำนาจตามมาตรา 68 นั้นกำหนดให้ประชาชนใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญในกรณีที่เกิดปัญหาต่อระบบการปกครอง แต่ไม่ใช่กรณีที่สมาชิกรัฐสภาปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
นายพงศ์เทพกล่าวอีกว่า หากมีการยื่นจริง ผู้ที่เกี่ยวข้องก็จะต้องต่อสู้ทั้งข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงต่างๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภา และประธานรัฐสภา ส่วนที่มีการมองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น การแก้ไขกฎหมายอะไรก็ตาม สมาชิกรัฐสภาที่พิจารณาอาจจะเป็นไปได้ที่มีส่วนได้เสียและมีผลกระทบ แต่รัฐธรรมนูญจะเขียนไว้ชัดเจนว่าอะไรที่ไม่ให้เขามีส่วนร่วมในการพิจารณาลงมติ อาทิ สมาชิกรัฐสภาที่เป็นรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะลงมติไม่ได้ แต่ในกรณีอื่นหากไปห้ามไม่ให้มีส่วนได้เสียแล้วบางเรื่องสมาชิกรัฐสภาอาจไม่มีสิทธิ์พิจารณาเลย ดังนั้นเมื่อรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามสมาชิกรัฐสภาที่แม้จะมีส่วนได้เสียก็มีสิทธิ์ที่จะพิจารณาและลงมติ
“ที่ผ่านมา ส.ส.ได้ลงมติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หลังจากนั้นท่านเหล่านั้นก็ลงเลือกตั้งกันเกือบทั้งสิ้น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะหากไม่ให้คนมีส่วนได้เสียลงมติบางเรื่องทั้งสภาก็มีส่วนได้เสียกันทั้งหมด และในเรื่องที่มา ส.ว.เอง ส.ว.สรรหาก็มีส่วนได้เสียเพราะจะไม่ได้เป็น ส.ว.สรรหาอีก” นายพงศ์เทพกล่าว