xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” มอบ ผบ.ตร.คุมม็อบยาง ย้ำยังไม่ใช้ กม.พิเศษ เมินยุบสภา แม้เงินกู้ 2 ล้านล้านร่วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (แฟ้มภาพ)
“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” เผย ครม.มอบ ผบ.ตร.ดูแลม็อบยางนครศรีธรรมราช ยันยังไม่ใช้กฎหมายพิเศษ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ย้ำวงเงิน 2.7 แสนล้านบาทเพื่อรับจำนำข้าว ไม่เกินเพดานเงินกู้ 5 แสนล้าน พร้อมชี้แจงร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน 19-20 ก.ย.นี้ ปฏิเสธที่จะยุบสภา หากกฎหมายไม่ผ่านโหวตวาระ 3


น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ปิดถนนเอเชีย บริเวณสี่แยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพื่อชุมนุมเรียกร้องราคายางพาราว่า ได้ให้ ผบ.ตร.มารายงานความคืบหน้าเพื่อให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ ซึ่งเบื้องต้น ครม.ได้ฝากให้กำลังใจไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่พยายามดูแลพื้นที่และขอให้ใช้ความละมุนละม่อม ระมัดระวังเพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบอีกทั้งยังขอให้ใช้ความอดทน รวมถึงดำเนินการต่างๆ ตามขั้นตอนของกฎหมาย

ทั้งนี้ ครม.ได้หารือแล้วเห็นชอบให้ ผบ.ตร.ลงไปในพื้นที่วันนี้ (17 ก.ย.) เพื่อพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งในเบื้องต้นทางจังหวัดได้ประกาศ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีผู้ว่าฯ เป็นประธาน

ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงเช่นเผารถใครจะรับผิดชอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงต้องสืบไปตามขั้นตอนตามข้อเท็จจริง เมื่อถามต่อว่า มีความจำเป็นต้องใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่แล้ว เชื่อว่าผู้ว่าราชการจังหวัดจะดูแลได้ เพราะผู้ว่าฯ เป็น ผอ.ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการชุมนุมประท้วงราคายางพาราและปาล์มน้ำมันตกต่ำ โดยได้นำเอาฝ่ายกฎหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ที่เกี่ยวข้องมาอยู่ในศูนย์ฯ ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องให้ ผบ.ตร.ได้ลงพื้นที่ก่อนและต้องดูตามสถานการณ์ หากมีความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างไรก็คงต้องมาดูกัน เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่และให้ความเข้าใจต่อประชาชน

ส่วนเรื่องนี้คงจะจบลงเมื่อไรเพราะกระทบเศรษฐกิจของประเทศนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราก็อยากจะจบ เราไม่อยากให้มีเหตุการณ์อย่างนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าจบด้วยวิธีการที่รุนแรงก็ถือว่าไม่เป็นวิธีที่เหมาะสม เราไม่อยากจบด้วยการใช้กำลังตำรวจจัดการในพื้นที่แต่พยายามใช้วิธีการละมุนละม่อมยึดตามข้อกฎหมายให้มากที่สุด

ส่วนที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย เตรียมเดินทางไปพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงบ่าย วันนี้ (17 ก.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เมื่อถามว่าในเมื่อมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องรัฐบาลจะดูแลอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า หวังว่าสื่อมวลชนจะให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง และข้อมูลต่างๆ ที่ชัดเจนด้วย ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาและไม่อยากให้มีปัญหาอื่นๆ เข้ามาแทรกกับความเดือดร้อนของประชาชน เพราะจะทำให้แก้ปัญหาไม่ถูกจุด อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และนายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้เชิญผู้ประกอบการมาพูดคุยเพื่อเร่งรัดในเรื่องของยางพาราแปรรูป และจะทำอย่างไรในแผนระยะยาว และระยะกลาง สำหรับการใช้ยางพารา นอกจากนี้ยังเป็นการหารือในมาตรการอื่นๆด้วย

ส่วนกรณีปรากฏภาพชายแต่งกลายคล้ายตำรวจทำการทุบรถตำรวจในการปะทะของม็อบกับเจ้าหน้าที่ วานนี้ (16 ก.ย.) นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ชี้แจงไปแล้ว ต่อไปก็ต้องไปพิสูจน์กันตามขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีความพยายามที่จะสอบถามต่อถึงปัญหาม็อบยางพารา น.ส.ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามต่อ โดยระบุว่าพอได้แล้ว วันนี้ความมั่นใจประชาชนหายหมดเลย ไม่ถามถึงจังหวัดอื่นบ้างหรอค่ะ เป็นห่วงจังหวัดอื่นบ้างนะ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบฯ 2.7 แสนล้านบาทเมื่อต้นเดือนกันยายน เพื่อรับจำนำข้าวปีการผลิต 2556/2557 จะนำเงินในส่วนไหนมาจ่ายว่า สิ้นปีจะมีการปิดบัญชี ซึ่งตามหลัก ครม.ได้อนุมัติกรอบวงเงินกู้ไว้แล้วในเพดานไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ตรงนั้นจะเป็นกรอบเงินกู้ที่ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) จะทำหน้าที่ต่อ ซึ่งตามหลักจะต้องใช้วงเงินเดิมที่กรอบ ครม.เคยอนุมัติไว้

ผู้สื่อข่าวถามแย้งว่า แต่การอนุมัติงบประมาณของ ครม.ครั้งที่ผ่านมาเป็นการอนุมัติเงินกู้เกินเพดาน นายกรัฐมนตรีย้ำว่าไม่เกิน คือเป็นไปตามกรอบที่ ครม.อนุมัติในวงเงินประมาณ 5 แสนล้านบาท และวงเงินที่อนุมัติ 2.7 แสนล้านบาท ไม่ใช่กรอบเงินกู้ใหม่ ยังเป็นกรอบเดิม โดยทางกระทรวงพาณิชย์จะต้องมีการระบายข้าวเพื่อนำเงินกลับมาเข้าคลัง เพื่อที่จะใช้วงเงินนี้ ซึ่งวงเงินที่ ครม.ให้เป็นกรอบวงเงินหมุนเวียน ฉะนั้นจะต้องมีการนำเงินสดจากการระบายข้าวเข้ามา ตรงนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังที่จะประสานงานในการใช้เม็ดเงินตามที่ ครม.ได้ให้กรอบใหญ่ไว้นานแล้ว

การใช้เงินจะไม่เกิน 5 แสนล้านบาทในโครงการรับจำนำข้าวในรอบฤดูการผลิตใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ทั้งโครงการประกาศไปแล้วจะใช้งบประมาณ 2.7 แสนล้านบาทตามที่กระทรวงพาณิชย์วางไว้และเงินจำนวนนี้ถือว่าอยู่ในกรอบเดิม ซึ่งคาดว่าจะต้องมีการระบายข้าวเข้ามา เมื่อถามว่า การขายข้าวให้จีนเป็นการขายให้กับเอกชนหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ถามรายละเอียดจากนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ดีกว่าไหม ซึ่งจริงๆ แล้วเราทราบแต่ตัวเลข ส่วนรายละเอียดต้องให้กระทรวงพาณิชย์ชี้แจง

ผู้สื่อข่าวแย้งง่า แต่ตอนไปเจรจาขายข้าวนายกฯก็ไปด้วย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไปแต่พูดในเวทีหารือเฉยๆ แต่คณะกรรมการซื้อขายข้าวจะเป็นอีกชุดหนึ่ง เราพูดเป็นกรอบคร่าวๆ ว่าขอความร่วมมือในการซื้อขายสินค้าเกษตร ซึ่งหมายถึงข้าวและยางพาราด้วย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว.ขัดต่อหลักประชาธิปไตยว่า คงต้องให้ฝ่ายกฎหมายว่าไปตามขั้นตอนเพราะจริงๆ ทุกอย่างทำตามขั้นตอนของรัฐสภาอยู่ คงต้องว่าไปตามขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวถามถึงความพร้อมในการชี้แจง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านในวาระ 2 น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านเป็นวาระที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมาธิการ ซึ่งกรรมาธิการพร้อมที่จะให้ข้อมูลชี้แจงต่อรัฐสภา เป็นสิ่งที่เราอยากขอความร่วมมือเพราะอยากเห็นการที่ประเทศได้มีแผนการลงทุนที่ชัดเจน ซึ่งจะเป็นประโยชน์และช่วยในเรื่องเศรษฐกิจที่จะทำให้ขับเคลื่อนไปได้ โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจต่างๆต้องการความเติบโต ถ้ามีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะทำให้ทุกอย่างเดินได้ จริงๆ แล้วการลงทุนครั้งนี้อาจจะดูเป็นตัวเลขที่สูงแต่จริงๆแล้วการใช้วงเงินต่างๆ นั้นจะมีการใช้ตามความเป็นจริงซึ่งจะใช้เวลาถึง 7 ปี ที่สำคัญรัฐบาลคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง โดยที่ยึดกรอบหนี้สาธารณะไม่เกิน 50%

ส่วนที่ฝ่ายค้านยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความขัดรัฐธรรมนูญนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า การทำงานเรื่อง พ.ร.บ.เงินกู้นี้เราให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ร่างและทำตามขั้นตอนต่างๆ จริงๆแล้วทำตามขั้นตอนเช่นเดียวกับ พ.ร.บ.เงินกู้อื่นๆ อยู่แล้ว ทุกอย่างเราใช้ข้อมูลจากกฤษฎีกาและผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอน

ต่อข้อถามว่า มีแผนรองรับอย่างไรหากร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านไม่สามารถผ่านสภาได้จริงๆ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เราถือว่าเราทำเต็มที่แล้วให้กับประเทศ เราเกรงว่าจะเสียดายมากกว่า เราคงจะทำอย่างเต็มที่ในส่วนที่รัฐบาลทำได้ โอกาสที่เราจะทำให้ประเทศเราสามารถที่จะแข็งขันไปข้างหน้าเราจะไม่เกิดโอกาสนี้ ความมั่นใจแก่นักลงทุนที่เห็นว่าประเทศไทยประกาศการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เราจะเป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงอาเซียนคงจะเกิดได้ยาก อาจจะทำให้โอกาสที่เราควรจะได้อาจจะเป็นที่อื่น เราก็ถือว่าเราก็พยายามอย่างเต็มที่ แต่ตนก็หวังว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทุกๆ คนจะเข้าใจและช่วยกันให้โครงการนี้เป็นโครงการที่ก่อให้เกิดความภูมิใจให้แก่ลูกหลานของเรา และเรียนว่าตามกฎหมายเราใช้ พ.ร.บ.เงินกู้ แต่จริงๆ แล้วเม็ดเงินนี้คือการลงทุนสำหรับการสร้างรายได้ในระยะยาวในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจะเป็นการวัดขีดความสามารถของประเทศ ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยไม่ลงทุนอะไรเลยตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมาเราก็ไม่รู้ว่าจะแข่งขันอย่างไร ฉะนั้นตรงนี้เป็นโจทย์ที่ผู้ประกอบการ ภาคเอกชน การลงทุนจากต่างประเทศ ให้ความสำคัญ รวมทั้งการเกิดสร้างงานพัฒนาประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าไม่ผ่านก็ไม่ถึงขั้นต้องยุบสภาใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบเพียงว่า “จะยุบทำไมล่ะคะ” ก่อนที่จะเดินออกจากวงล้อมผู้สื่อข่าวไปทันที






กำลังโหลดความคิดเห็น