โฆษกเพื่อไทยตะแบงม็อบยางควนหนองหงส์ ตีค่าวัยรุ่นนอกพื้นที่-นักการเมือง-พ่อค้ายางหนุนหลังล้มรัฐบาล โวย ปชป.มี ส.ส.เต็มพื้นที่ไม่ช่วย แต่กลับซ้ำเติม เผยที่ประชุมพรรคกำชับ รัฐมนตรี-ส.ส.ร่วมถก พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้าน เหน็บ “จุรินทร์” แก้ กม.สุราหวังรีดภาษีแค่จินตนาการ ด่ากลับพวกค้าน พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ทำตัวเป็นลูกตุ้มถ่วงความเจริญ ยันไม่ปิดปากฝ่ายค้าน
วันนี้ (17 ก.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 15.30 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมพรรคเพื่อไทยว่า ที่ประชุมได้แสดงความเป็นห่วงการชุมนุมของพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง จึงได้มอบหมายให้ ส.ส.และสมาชิกพรรคไปชี้แจงเกษตรกรในพื้นที่ ทั้งภาคเหนือ กลาง อีสาน และภาคใต้ เราพบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 90 มีความพอใจต่อมาตรการของรัฐบาล มีเพียงส่วนน้อยที่ไม่พอใจ เราได้หารือถึงการชุมนุมที่แยกควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ที่มีการสร้างสถานการณ์ความรุนแรง เผารถ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บไป 70 กว่านาย ได้รับข้อมูลว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นนอกพื้นที่ โดยมีนักการเมืองหนุนหลัง และมีพ่อค้าได้ประโยชน์จากการกักตุนยางหลายแสนตัน เรียกร้องราคา 100 บาทต่อกิโลกรัม หากรัฐบาลยอมคนกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์ และอาจมีการเรียกร้องซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก
“วันนี้ไม่ใช่การเรียกร้องของเกษตรกรแล้ว น่าจะเป็นการใช้ความเดือดร้อนของประชาชนมาล้มรัฐบาลมากกว่า น่าสังเกตว่าภาคใต้มี 14 จังหวัด ทำไมจึงเกิดเหตุที่นครศรีธรรมราชที่เดียว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ตำรวจถูกกระทำมากกว่า พรรคประชาธิปัตย์ที่มี ส.ส.อยู่เต็มพื้นที่ภาคใต้ แทนที่จะช่วยคลี่คลายกลับซ้ำเติมปัญหา ขอร้องว่าอย่าเอาความเดือดร้อนประชาชนมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง” นายพร้อมพงศ์กล่าว
นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงการประชุมพรรคในวันนี้ ว่า ที่ประชุมพรรคได้หารือถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ย.) ที่จะมีการพิจารณา พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493 (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2556 โดยเฉพาะเป็นการประชุมแบบปกติ ซึ่งสิ่งสำคัญคือกำชับองค์ประชุม และจะมีการประชุมต่อเนื่อง เรื่อง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ....(พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ) ในวันที่ 19-20 ก.ย.ซึ่ง นายจารุพงศ์ ได้รับแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้งดประชุม ครม.สัญจรในวันที่ 19-20 ก.ย.เพื่อให้ ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรี ที่เป็นกรรมาธิการวิสามัญ(กมธ.) เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยขอให้ ส.ส.งดภารกิจในสัปดาห์นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมหากพิจารณาไม่เสร็จ เพราะพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำรัฐบาล ต้องเป็นหลักในองค์ประชุม
ส่วนกรณีที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ออกระบุว่า ในการแก้ไข พ.ร.บ.สุราฯ รัฐบาลจะสามารถเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เป็นการจินตนาการ ว่า ถังแตก หรือประสบปัญหาเรื่องรายได้ จึงมาแก้ พ.ร.บ.สุราฯ เพื่อเป็นเครื่องมือ และทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อน ก็ไม่เป็นความจริง เป็นการนำเสนอของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะมีความจำเป็นและมีความล่าหลัง เปรียบเทียบกับเพื่อนบ้าน และไม่ได้ปรับมานานแล้ว จึงไม่อยากให้บิดเบือน ทำลายภาพลักษณ์ของรัฐบาล ซึ่งการพิจาณาถือว่าเป็นเรื่องปกติ เป็นผลประโยนช์ประเทศชาติไม่ใช่ผลประโยชน์รัฐบาล และไม่มีการหมกเม็ด รีดภาษี
โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่าการประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน น่าจะมีการปิดปาดฝ่ายค้าน และเรียกร้องให้มีการถ่ายทอดสด ว่า เป็นการให้ข่าวที่บิดเบือน เพราะเราเปิดโอกาสเต็มที่ ไม่มีการปิดปาก และจะมีการควบคุมสมาชิกให้ทำงานเต็มที่ และจะมีการถ่ายทอดสดทางวิทยุและทีวีรัฐสภา ก็สามารถฟังได้ทั่วประเทศ ส่วนร่าง พ.ร.บ.นี้ จะสร้างภาระหนี้ในอนาคต และมีความไม่พร้อมในโครงการ และความไม่โปร่งใสของโครงการนั้น ก็ไม่เป็นความจริง พ.ร.บ.2 ล้านล้าน เป็นการพัฒนาระบบขนส่ง มีหนี้แต่มีรายรับ ซึ่งเป็นการพูดความจริงครึ่งเดียว และความไม่พร้อมของโครงการ ยืนยันว่า มีความพร้อมและศึกษามาแล้วในอดีตในการปรับปรุงระบอบราง และขยายถนน และความไม่โปร่งใส ก็ยืนยันว่า กระบวนการยังไม่ดำเนินการ และโครงการดำเนินการใน 7 ปี ถือว่ามีกระบวนการตรวจสอบ โดยเฉพาะสภาผู้แทนฯ วุฒิสภา องค์อิสระ คณะ กมธ.ต่างๆ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ฝ่ายค้าน ภาคประชาชน
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบหาก พ.ร.บ.ผ่านนั้น ถือว่าการทำงานไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้รวบรวมข้อมูล จากภาคธุรกิจ ภาคประชาชน ก็เห็นด้วย เพราะไม่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมา 10 ปีแล้ว ทำให้ประเทศและก้าวกระโดด เป็นผู้นำในอาเซียน แต่นายอภิสิทธิ์และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหา ทำตัวเป็นลูกตุ้ม ถ่วงความเจริญ และในอดีตพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยกู้ และไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณี นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มา ส.ว.ว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และมีผลประโยชน์ทับซ้อน รวบรัดวาระ 2 เป็นการล้มล้าง และทำลายดุลยภาพการตรวจสอบนั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นายวิรัตน์ ไม่คำนึงถึงเกียรติภูมิฝ่ายนิติบัญญัติ ใช้ศาลรัฐธรรมนูญจนฟุ่มเฟื่อย ทั้งนี้หากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะหลักใหญ่ในการล้มล้าง คือการรัฐประหาร แต่ที่เขียนให้มาจาก ส.ว.เลือกตั้งมาจากประชาชน ล้มล้างอย่างไร เพราะสภาก็มีอยู่ วุฒิสภาก็มีอยู่ องค์กรอิสระก็มี ทุกอย่างเหมือนเดิม พรรคประชาธิปัตย์ จึงมั่วเพื่อกล่าวอ้างโดยอคติ ไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ และจะได้รับโทษคำพิพากษาจากการเลือกตั้ง