xs
xsm
sm
md
lg

ไวต์ลายคาบิเนต แหลเงินจำนำข้าว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
รายงานการเมือง

นับถอยหลังข้าวจุกคอตายกันได้เลย สำหรับการบริหารประเทศภายใต้รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่กำลังจะจารึกในประวัติศาสตร์ว่า เป็นรัฐบาลที่ใช้งบบริหารประเทศได้มากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา แถมกำลังจะสร้างสถิติใหม่ด้วยการผลาญเงินประเทศแบบไม่ได้อะไรกลับมาสูงเป็นอันดับหนึ่ง

โดยเฉพาะงบประมาณที่ละเลงไปกับนโยบายโคตรประชานิยมอย่าง “โครงการรับจำนำข้าว” ที่ผลลัพธ์วันนี้เฉลยมาด้วยหลักฐานว่า กำลังล้มเหลวไม่เป็นท่า แถมเป็นภาระหนี้สินให้กับประเทศอีกทอด

เพราะตั้งแต่เริ่มต้นทำโครงการนี้มา รัฐบาลใช้งบประมาณไปแล้วถึง 6.7 แสนล้านบาท แต่เงินที่เทลงไปถึงมือชาวนาเพียงไม่กี่สตางค์เท่านั้น ส่วนใหญ่จะไปแช่อยู่ในท้องของบรรดาเจ๊บรรดาเฮียกันจนอิ่มแปล้

ขณะเดียวกัน บรรดาข้าวที่กองอยู่ในโกดังอีก 20-30 ล้านตันที่โพทะนาว่ารับจำนำมา วันนี้ก็ยังแช่รอวันเน่าไม่รู้จะขายได้เงินคืนเมื่อไร แถมฤดูกาลผลิต 2556/57 ก็จ่อคอหอยให้ต้องเร่งหาเงินมาอัดฉีด

เบื้องต้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบเอาไว้ใช้ในการดำเนินการสำหรับผลผลิตฤดูกาลใหม่ที่ 2.7 แสนล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ ครม.เคยวางกรอบเอาไว้ไม่ให้ใช้วงเงินกู้เกิน 5 แสนล้านบาท สำหรับโครงการรับจำนำพืชผลทางการเกษตร เพราะไม่ต้องการให้กระทบกับยอดหนี้สาธารณะของประเทศ

แต่ปัญหาคือ ยอดงบประมาณเดิมที่ใช้ไปแล้วในช่วง 2 ปีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ 6.7 แสนล้านบาท ซึ่งเกินกรอบที่วางเอาไว้มาไม่น้อยคือ 1.7 แสนล้านบาท ดังนั้น รอบใหม่ที่จะใช้ 2.7 ล้านบาท จะไปควานหางบมาจากไหน?

เพราะเท่าที่จับอารมณ์ฝ่ายประจำก็ยังส่ายหน้าหนี ตามคิวที่ น.ส.จุฬารัตน์ สุธีธร ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ออกมาระบุว่า มีการวงเงินในการรับจำนำข้าวทะลุเกิน 5แสนล้านบาทไปแล้ว ดังนั้น หากต้องการเงินก้อนใหม่จะต้องให้ครม.อนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มสถานเดียว

แถมปิดท้ายได้อย่างเห็นภาพว่า เจ้าเงินก้อนโตมูลค่า 2.7 แสนล้านบาท จะไปหามาจากที่ใด เพราะไม่ได้อยู่ในแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 2557 ดังนั้น ทางที่ดีกระทรวงพาณิชย์จะต้องเร่งระบายข้าวเพื่อหาเงินมา

ทิ้งบอมบ์ลูกเบ้อเริ่มให้แก่รัฐบาลที่เอางบประมาณไปผลาญเล่นได้ฟังแล้วถึงกับแน่นอก ยกไม่ออก!!

เพราะหากมองกันตามสภาพความเป็นจริง แทบจะเป็นไปได้ยากมาก หรือเป็นไปไม่ได้เลยที่กระทรวงพาณิชย์จะขายข้าวที่กองพะเนินเท่าภูเขาร้อยลูกได้ ดูแค่การเร่เปิดประมูลข้าวภายในประเทศให้กับเอกชนที่ผ่านมา แม้จะขายถูกแสนถูกขนาดไหน แทบไม่มีเอกชนรายใดรีบแจ้นเข้ามาแข่งประมูลเลย เพราะไม่มีใครกล้าวัดกับคุณภาพ

ชนิดการประมูลแต่ละครั้งนั้นล้มเหลวแบบหน้าแหกไม่มีชิ้นดี!!

หรือกรณีมอบหมายให้ “เสี่ยนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล” รองนายกรัฐมนตรี มานั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทำตัวเป็น “พ่อค้าหาบเร่” ตะลอนไปขายข้าวประเทศนั้นที ประเทศนี้ที เพื่อหวังเอาเงินมาลดยอดขาดทุน

แต่ปรากฏว่าไม่มีประเทศไหนฉลาดน้อยตกเป็นเหยื่อของรัฐบาลเลย เพราะราคาข้าวของเราสูงกว่าประเทศอื่นๆ มิหนำซ้ำ ยังเป็นข้าวที่อยู่ในโกดังมาเป็นเวลานาน ใครจะกล้ายอมเสี่ยงกับคุณภาพที่ดิ่งลงตรงกันข้ามกับราคา

มีแต่ “เสี่ยนิวัฒน์” เท่านั้นที่กล้าออกมาอ้าปากว่า ขายข้าวได้เท่านั้นเท่านี้ อย่างกรณี “หน้าแตกเที่ยวล่าสุด” ที่เปิดเผยว่า ขายข้าวให้จีนได้ 1.2 ล้านตัน แต่สุดท้ายโดนสำนักข่าวต่างประเทศชื่อดังชื่อแฉว่า จีนไม่เคยขอซื้อข้าวจากไทย กระนั้นก็ตาม เจ้าตัวก็ยังแถบอกเป็นการขายแบบ “จีทูจี” ให้กับเอกชน

มามุกนี้ทำเอาคนฟังงงกันเป็นไก่ตาแตกกันหมด ชนิดตั้งคำถามกันระงมมีด้วยหรือ “จีทูจี” กับเอกชน? เท่านั้นยังไม่สาหัสเท่าไร เพราะโดนถามเรื่องรายละเอียดเจ้าตัวตอบไม่ได้เลยสักคำว่า เอกชนที่ว่าเป็นบริษัทใด อยู่เมืองใด ขายตันละเท่าไร และส่งมอบกันเมื่อไร

ช็อตนี้ทำเอา “รมว.พาณิชย์” ใบ้รับประทานอย่างเดียว!!

เมื่ออกมาสภาพดังกล่าวเค้าลางว่า ยอดขาดทุนจะลดจากการขายข้าวได้อย่างที่รัฐบาลชอบอ้างจึงเลิกคิดไปได้ เหลือเพียงช่องทางเดียวที่จะทำให้มีเงินสำหรับฤดูกาลผลิตปี 2556/57 คือ การขยายกรอบใหม่

ซึ่งหากมีการขยายกรอบวงเงินใหม่จริงเพื่อหาเงินจำนวน 2.7 แสนล้านบาทมาดำเนินการไม่ให้เกินกรอบ 5 แสนล้านบาท เมื่อนำมารวมกับยอดขาดทุนเดิม 6.7 แสนล้านบาท ที่ไม่รู้จะลดยอดขาดทุนได้เท่าไร มิหนำซ้ำยังไม่รู้ด้วยปริมาณข้าวในโกดังจริงๆ มีถึง 20-30 ล้านตันหรือไม่

เพราะต้องอย่าลืมว่า ขบวนการเขมือบข้าวทำได้ทุกอย่าง ทั้งทำสต๊อกลม หรือแม้แต่เวียนเทียนขาย ตลอดจนความเสื่อมสภาพของข้าวที่เก็บไว้นาน

ฉะนั้น จึงเริ่มมองเห็นอนาคตแบบรำไร ว่า ตัวเลขขาดทุนจากโคตรนโยบายประชานิยมนี้กระโดดไปแตะเพดานเกือบ 1 ล้านล้านบาท ได้ไม่ยากเลย เรียกว่าน้องๆร่างพ.ร.บ.กู้ชาติหนี้ ใช้หนี้ชาติหน้า 2 ล้านล้านบาทกันทีเดียว!!

ขณะที่บรรดาผู้รับผิดชอบในรัฐบาลแต่ละรายก็เล่นบท “แหลไปเรื่อย” ได้ตลอด จนเชื่อไม่ได้ โดยเฉพาะ “โต้งไวต์ลาย-กิตติรัตน์ ณ ระนอง” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่เมื่อวันที่ 3 กันยายนยังสารภาพว่า เงินจำนวน 2.7 แสนล้านบาท เป็นการจัดหาวงเงินกู้ใหม่ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.)

เพราะรู้เต็มอกว่าวงเงินกูกว่าล้นไปตั้งนานแล้ว

เช่นเดียวกับ “เดอะต๋อง-วราเทพ รัตนากร” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่พูดสอดรับกันว่า วงเงินกู้ใหม่ที่ใช้ครั้งนี้จะแยกจากกรอบวงเงินหมุนเวียนในโครงการรับจำนำข้าวเดิมที่ครม.เคยอนุมัติไว้ไม่เกิน 5 แสนล้านบาท

ใครฟังก็ต้องเข้าใจตรงกันว่า 2.7 แสนล้านเป็นวงเงินกู้ใหม่แน่นอน

แต่พอมาสัปดาห์นี้เกมพลิกทันที เมื่อ “เลดี้ปู” กลับพลิกลิ้นว่า เป็นไปตามกรอบที่ ครม.อนุมัติในวงเงินประมาณ 5 แสนล้านบาท และวงเงินที่อนุมัติ 2.7 แสนล้านบาท ไม่ใช่กรอบเงินกู้ใหม่ ยังเป็นกรอบเดิม

เรียกว่าสวนทางกับสองรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเสียอย่างนั้น!!

เรื่องของเรื่องตามสภาพที่ทีมงานยัดปาก “เลดี้ปู” ให้ออกมาพูดแบบนี้ ก็หวัง “แก้ผ้าเอาหน้ารอด” ประคับประคองสถานการณ์ของรัฐบาลไปก่อน เนื่องจากหากพูดความจริงออกไปว่าต้องขยายกรอบเงินกู้ใหม่ อาจโดนฝ่ายต้านรุมยำซ้ำสอง ในประเด็นเรื่องการก่อหนี้สาธารณะ และหนีไม่พ้นวาทกรรม “ดีแต่กู้” ที่จะวนเวียนมาหลอกหลอนซ้ำอีก

เพราะอย่าลืมว่า สัปดาห์นี้รัฐบาลกำลังรับศึกหนักอยู่กับร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่ถูกขนานนามว่า “กฎหมายกู้ชาตินี้ ใช้หนี้ชาติหน้า” หากโดนพร้อมอีกดอกมีสิทธิ์เดี้ยงยาว

ทั้งที่ความเป็นจริงเป็นไปไม่ได้เลย หากจะยึดกรอบวงเงินกู้เดิม 5 แสนล้านบาท โดยไม่เริ่มกรอบใหม่ เพราะยากแสนยากที่รัฐบาลจะระบายข้าวให้ได้เงินมา “โปะหนี้” ลดยอดขาดทุนเพื่อรับจำนำฤดูใหม่ที่จะเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมนี้แล้ว

ก็ไม่รู้ป่านนี้ “เลดี้ปู” เข้าใจหรือยังว่า ตัวเองพูดอะไรออกไป

หรืออาจจะเข้าใจอยู่บ้าง แต่เลือกที่จะเจริญรอยตาม “พี่โต้ง” สวมบท “ไวต์ลาย” อีกคนซะแล้ว
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
กำลังโหลดความคิดเห็น