“จอมแฉจำนำข้าว” สวน “นิวัฒน์ธำรง” จวกเลื่อนลอย โชว์เอกสารสินค้านำกลับข้าว 32,000 ถุงจากสหรัฐฯ จี้ตามหามาสอบมีอันตรายหรือไม่ พร้อมเชิญมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคตรวจด้วย
วันนี้ (22 ส.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 14.10 น. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พร้อมด้วยนายกุลเดช พัวพัฒนกุล ส.ส.อุทัยธานี นายสุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ส.ส.กทม. กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาปฏิเสธการรับนำข้าวจากประเทศไทย ซึ่งส่งออกไปประมาณ 40,000 ถุง ซึ่งแต่ละถุงมีน้ำหนัก 10 กิโลกรัม แต่ถูกตีกลับมา 32,000 ถุง แต่แทนที่รัฐบาลจะตรวจสอบเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชน แต่นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กลับออกมากล่าวหาฝ่ายค้านว่าเป็นเหตุการณ์ที่เลื่อนลอย และกล่าวหาว่าทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียง ซึ่งตนยืนยันว่าคนที่ทำให้ข้าวไทยเสียชื่อคือรัฐบาล เพราะรัฐบาลพยายามปกปิดข้อมูลและข้อเท็จจริงทั้งหมด วันนี้ที่ตนเสนอเรื่องดังกล่าวเพราะต้องการยืนยันว่าการที่สหรัฐอเมริกาปฏิเสธข้าวจากประเทศไทย เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง โดยตนมีเอกสารใบส่งสินค้าเข้า แบบภาษีสรรพสามิต และภาษีศุลกากร จากทางกรมศุลกากรเพื่อยืนยันเรื่องดังกล่าว โดยมีการลบชื่อบริษัทและชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อความปลอดภัย
นพ.วรงค์กล่าวต่อว่า ข้าวที่ถูกตีกลับมานั้นมีผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป เนื่องจากว่า หน่วยงานของรัฐบาลต้องมีการเอาข้าวที่ถูกตีกลับมาตรวจสอบก่อนว่าข้าวเหล่านี้มีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อประชาชนหรือไม่ แต่กลับกลายเป็นว่าข้าวเหล่านี้มีการยักย้ายถ่ายเทออกจากสถานที่กักและกลับเข้าบริษัทไปแล้ว ซึ่งตนมีคำถามว่าในเมื่อสหรัฐฯ มีการห้ามไม่ให้พลเมืองของประเทศกินข้าว แต่ของเหล่านี้ยังไม่ได้มีการตรวจว่าเป็นอันตรายหรือไม่ แต่กลับเข้าสู่ประเทศไทยแล้ว และสิ่งที่น่ากังวลอีกอย่างก็คือ เกิดบริษัทข้าวเอาข้าวเหล่านี้ไปปนกับข้าวที่ขายตามท้องตลาด ก็จะเป็นอันตรายต่อประชาชนทั่วไป
นพ.วรงค์กล่าวว่า เพราะฉะนั้นตนอยากเรียกร้องรัฐบาลว่าขอให้รัฐบาลใจกว้างฟังคำแนะนำจากฝ่ายค้านบ้าง โดยขอให้นายนิวัฒน์ธำรงสั่งการให้มีการติดตามข้าวล็อตนี้ว่าขณะนี้ข้าวดังกล่าวอยู่ที่ใด และสั่งกักข้าวล็อตนี้ให้หมด เพื่อไม่ให้มีการปลอมปนข้าวเหล่านี้ไปขายกับประชาชน และเชิญหน่วยงานเอกชนและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง เช่น มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค มูลนิธิชีววิถี ร่วมกันตรวจสอบสิ่งพิษปกติในข้าวดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากตนกังวลว่าหน่วยงานราชการทั้งสองแห่งมีความกังวลถึงผลการตรวจสอบที่มีความคลาดเคลื่อน ซึ่งถ้าผลการตรวจสอบพบว่าถ้าเป็นอันตรายต่อประชาชน ตนเห็นว่าต้องมีการทำลายข้าวล็อตนี้ ดังนั้นตนอยากให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบในกรณีดังกล่าว
ทั้งนี้ ในระหว่างการแถลงข่าว นพ.วรงค์ได้แสดงเอกสารเกี่ยวกับใบส่งสินค้าเข้า และแบบภาษีสรรพสามิตและภาษีจากกรมศุลกากร เพื่อแสดงข้อเท็จจริงต่อกรณีดังกล่าว พร้อมนำตัวอย่างข้าวหอมมะลิอย่างดีพิเศษจำนวน 2 ถุง ที่ถูกตีกลับจากสหรัฐอเมริกา มายืนยันต่อสื่อมวลชนว่ามีจริง ซึ่งระหว่างแถลงข่าว นายแทนคุณและนายกุลเดชได้มีการสวมถุงมือพร้อมเปิดถุงข้าว พร้อมเทข้าวโชว์สื่อปรากฏว่าข้าวดังกล่าวไม่มีกลิ่นหอม แต่กลับมีกลิ่นสารเคมีที่อาจจะเป็นอันตรายต่อประชาชนทั่วไปด้วย