รมว.มหาดไทย ถาม “สุเทพ” รอนิรโทษกรรมผ่านวาระ 3 ลุยอะไร ชี้เป็นกฎหมายแล้วจะไม่เคารพหรือ ปัดเป็นเผด็จการรัฐสภา อ้างทำตาม รธน.แล้ว สั่ง “คุณชาย” เตรียมสุขาเจ้าหน้าที่ พร้อมเช็กวงจรปิดสถานที่ราชการ ด้านประธานสภาฯ ไม่หวั่นเหตุวุ่นวันเสียงปืนแตก พูดแปลกบอกพวกต้านชุมนุมกันตามธรรมชาติคงไม่ถึงหมื่น ขณะที่ “ธวัช” ยันปราบจลาจลพร้อมลุยหากบุกสภา จวก กทม.เป็นใจพวกสนามหลวง แฉมีปิดถนนใต้ แย้มย้อนรอยยุค “มาร์ค” จัดการแดง
วันนี้ (1 ส.ค.) ที่กรมโยธาธิการและผังเมือง พระราม 9 นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุจะเคลื่อนไหวคัดค้านมากขึ้นหากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผ่านความเห็นชอบในวาระ 3 ว่า ก็งงเพราะนายสุเทพ เป็น ส.ส. เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ มีหน้าที่ออกกฎหมาย แต่พอมาบอกว่าจะลุยถ้าผ่านวาระ 3 จึงสงสัยจะลุยอย่างไร เพราะถ้าผ่านเข้าวาระ 3 จนถึงการที่ร่างกฎหมายประกาศใช้แล้ว นายสุเทพจะลุยอย่างไร นายสุเทพจะไม่เคารพกฎหมายหรืออย่างไร นายสุเทพสมัครมาเป็น ส.ส.และจะละเมิดกติกา จะเปลี่ยนแปลงกติกาหรือ
“เขากำลังจะเปลี่ยนแปลงกติกา แล้วมันจะเป็นความวุ่นวาย คนที่ทำความวุ่นวายคือฝ่ายค้านไม่ใช้รัฐบาล จะมาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา ถามว่าเผด็จการอย่างรัฐธรรมนูญนี้รัฐบาลไม่ได้ทำขึ้นมา เราทำตามกติกาแล้วท่านจะไม่เอา แล้วจะเอายังไง” นายจารุพงศ์กล่าว
เมื่อถามว่าจะต้องจับตาการขนคนจากภาคใต้หรือไม่ นายจารุพงศ์กล่าวว่า มีรายงานความเคลื่อนไหว แต่ไม่แปลกอะไร เพราะฝ่ายค้านมีฐานเสียงอยู่ทางใต้เป็นส่วนใหญ่ การจะมาเชียร์เป็นเรื่องปกติ สำหรับการดูแลความเรียบร้อยในกรุงเทพฯ ตนได้ลงนามในหนังสือขอความร่วมมือไปยัง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ กทม.ชี้แจงประชาชนกรุงเทพฯโดยเฉพาะในเขตที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ 3 เขต นอกจากนี้ ให้ กทม.อำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยให้ประสานงานอำนวยความสะดวก ในการจัดรถน้ำรถสุขาให้กับเจ้าหน้าที่ จะมาอ้างว่าไม่มีแต่จัดไปให้ผู้ชุมนุมคงไม่ได้ ขอให้บริการอย่างเป็นกลาง และให้กทม.ตรวจสอบกล้องซีซีทีวีบริเวณพระบรมมหาราชวัง, สถานที่สำคัญทางราชการ, เขตพระราชฐาน ว่ากล้องทำงานได้หรือไม่ ถ้าเสียให้รีบซ่อมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหากมีเหตุขึ้น ขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่รักษาการตาม พ.ร.บ.มั่นคงฯ หากต้องการขอดูภาพจากกล้องขอให้ได้รับการอำนวยความสะดวก ทั้งนี้ ไม่ได้เป็นการขู่แต่ขอให้รู้ว่ารัฐบาลต้องการทำตามกฎหมาย
ด้านนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 7 ส..ค.นี้ ที่สภาฯ จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า ตนไม่รู้สึกกังวลว่าจะมีความวุ่นวาย เพราะเชื่อว่า ส.ส.ทุกคนมีวุฒิภาวะและจิตสำนึก เหตุการณ์ความวุ่นวายที่ผ่านมาก็ถือเป็นบทเรียน ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์เคลื่อนไหวการเมืองนอกสภาอยู่ในขณะนี้นั้น เห็นว่าเป็นเรื่องมองต่างมุม จะทำอะไรก็ขอให้อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ และตนก็ดูอยู่ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะคนในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีสถานะเป็น ส.ส. ส่วนการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ก็ไม่มีอะไรมาก แต่หากมาโดยธรรมชาติก็คงมีผู้มาร่วมชุมนุมไม่ถึงหมื่นคน ซึ่งคาดว่าการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อ
ขณะที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวถึงการดูแลความปลอดภัยในทำเนียบรัฐบาลในช่วงเปิดสมัยประชุมสภาว่า เมื่อมีการประกาศพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 แล้วก็จะมีการดำเนินการตามที่ได้เตรียมการไว้คือ ป้องกัน ปราบปราม และยังยั้ง ซึ่งในการใช้กำลังครั้งนี้มีการใช้กำลังจาก 2 ส่วน ส่วนแรกจำนวน 112 กองร้อย และส่วนที่สองอีก 112 กองร้อย แต่ในการใช้จริงคงใช้ไม่หมด โดยจะดูตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็จะดูว่าม็อบมาเท่ากับกำลังตำรวจที่จะดูแลก็ต้องใกล้เคียงกัน หรือสามารถดูแลได้ ไม่ให้เกิดความวุ่นวายหรือมีปัญหา ส่วนการใช้กำลังทหารก็เป็นไปตามข้อบังคับของกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะดูแลทั้ง 3 เขตที่มีการประกาศพื้นที่ความมั่นคงอย่างเข้มงวด แต่ก็รอบนอกเราก็เฝ้าติดตามอยู่ด้วย
พล.ต.ต.ธวัชยังได้กล่าวถึงพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษด้วยว่า ประกอบด้วย ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา โดยเฉพาะในส่วนของรัฐสภานั้นจะต้องมีหลักการว่าต้องปลอดภัยเมื่อมีการบุกเข้าไปในสภา นอกจากนี้ ส.ส.และส.ว.จะต้องเข้าออกได้ด้วยความปลอดภัย สำหรับกำลังปราบจลาจลนั้น ก็มีขั้นตอนและเป็นไปตามหลักสากลคือการเจรจาและดำเนินตามขั้นตอนและขั้นสุดท้ายถึงจะเข้าใช้กำลัง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีอดีตเสธ.ทหาร ออกมาท้าทายนั้น พล.ต.ต.ธวัชกล่าวว่า สิ่งที่เขาท้าทายนั้นเป็นสิ่งที่มีการประเมินมาก่อนหน้านี้แล้ว เราจึงได้ประกาศ ซึ่งเป็นการเตรียมการที่ไม่ประมาท เพราะหากประมาทและเกิดเหตุการณ์ขึ้น ก็จะทำให้เกิดความเสียหาย และบทเรียนในอดีตก็ถูกนำมาปรับแก้ไขในครั้งนี้ เมื่อถามว่า จะกลุ่มมวลชนที่ไปชุมนุมหน้ารัฐสภาอาจไม่ฟังและต้องการบุกเข้าไปในรัฐสภา พล.ต.ต.ธวัชกล่าวว่า ถ้าไม่ฟังก็คงมีการสกัดไม่ให้เข้า ซึ่งหน่วยปราบจลาจลคงไม่ให้เข้า คิดว่าคงเข้าไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงกลุ่มผู้ชุมนุมที่ยังปักหลักอยู่ที่สนามหลวง พล.ต.ต.ธวัชกล่าวว่า ตรงนี้เป็นไปตามที่สังคมรู้กันว่า ทาง กทม.รู้เห็นเป็นใจกับกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มนี้แน่นอน เพราะหากไม่รู้เห็นเป็นใจคงเข้าไม่ได้ เนื่องจากเป็นเขตหวงห้าม ถือเป็นเขตที่ กทม.บอกว่าเป็นไข่แดง แต่กลับมีการเพาะเชื้อโรค ก็คงต้องให้สังคมเป็นผู้ติดตามและมองว่า กทม. พรรคการเมืองฝ่ายค้าน มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ในการที่จะดำเนินการในเรื่องของการจัดม็อบครั้งนี้ ซึ่งทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายมีการรวมตัว มีการเตรียมการ มีการดำเนินการ โดยเฉพาะการประกาศเรียกร้อง 6 ข้อ ซึ่งไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่เป็นประชาธิปไตย แต่เป็นเรื่องของความไม่พอใจ เป็นเรื่องของความโกรธแค้นส่วนตัวกันทั้งนั้น
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ประสานเพื่อขอความร่วมมือกับ กทม.หรือไม่ พล.ต.ต.ธวัชกล่าวว่า ตามหลักการต้องขอความร่วมมือด้วย แต่เขาจะให้หรือไม่ หรือจะมีน้ำจิต น้ำใจแค่ไหนก็แล้วแต่เขา ซึ่ง กทม.โดยสายการบังคับบัญชาแล้วขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทยต้องเป็นผู้แจ้งหรือประสาน และเมื่อแจ้งไปแล้ว เขาไม่ให้ความร่วมมือก็ต้องว่ากันไปตามการปกครอง การบังคับบัญชาอีกครั้งของกระทรวงมหาดไทย แต่ที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า เมื่อมีการเตรียมการในการป้องกัน มีการข้อความร่วมมือ กทม.ไปทั้งน้ำ ไฟ รถสุขา โดยเฉพาะรถสุขา ให้แบบเสียไม่ได้ เอารถเก่าๆ ชำรุด และมีกลิ่นเหม็นมาให้ นี่คือน้ำจิตน้ำใจ หรือการมองเอาตัวเองเป็นใหญ่ และมองการเมืองเป็นหลัก ไม่ได้มองเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งสังคมรู้ดี
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์แสดงออกมาชัดเจนและจะระดมมวลชนเข้ามาด้วย รัฐบาลเตรียมการอย่างไร รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า ก็เฝ้าระวังติดตามอยู่ และได้สอบถามไปยังพรรคพวกทางใต้เขาก็บอกว่าได้มีการเตรียมการ รวบรวมคนจริง และอาจถึงขั้นปิดถนนด้วยซ้ำไปในแต่ละจุด นี่คือการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง โดยที่ผลักดันให้ประชาชนรับรู้ข่าวสารที่ไม่เป็นความจริง การพูดด้านเดียว ฝั่งเดียวและเป็นด้านที่ฝ่ายตัวเองต้องการนั้นเป็นการให้ข้อมูลที่ผิดกับสังคม ซึ่งตนยังเชื่อว่าสังคมส่วนใหญ่เข้าใจ
“การเตรียมการของรัฐบาลในการดำเนินการตรงนี้ เราก็ดูย้อนรอยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่ทำไว้ในอดีตว่าเขาเอามวลชนหรือกลุ่มที่ขัดขวางไปเก็บไว้ที่ไหน ขังไว้ที่ไหน ทุกอย่างก็จะย้อนรอยเดิมพรรคประชาธิปัตย์ กรรมใดใครก่อกรรมนั้นก็ต้องว่ากันไป” พล.ต.ต.ธวัชกล่าว