โฆษก ปชป.อัดพลพรคค พท.ใช้แต่ใช้คำพูดหยาบคายโจมตี “สุภา” โดยไม่มีหลักฐานมาหักล้าง ระบุมีประเทศเดียวในโลกที่ ขรก.ออกมาแฉการทุจริตแต่กลับโดนตั้ง กก.สอบ จี้ “นายกฯ-ขุนคลัง” ฟันแก๊งโกงทุจริตข้าว หลัง ปธ.อนุฯ ปิดบัญชีจำนำข้าวฯ เสนอรายการการคอร์รัปชันให้ตรวจสอบ ขู่พวกแร้งรุมทึ้งเงินกู้โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน เจอข้อหาขัด รธน.หนีไม่พ้นความผิด
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยโจมตี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว ในกรณีที่ไปเปิดเผยข้อเท็จจริงการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า แปลกใจในระยะนี้คนในพรรคเพื่อไทยออกมาดาหน้าถล่ม น.ส.สุภา แบบไร้หลักการและเหตุผล โดยมีการโจมตีว่า น.ส.สุภาเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์และเป็นไส้ศึกเข้ามาบ่อนทำลายรัฐบาล ซึ่งตนต้องถามกลับไปยังคนในพรรคเพื่อไทยว่า สิ่งที่ น.ส.สุภาเคยนำมาเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการขาดทุนและความเสียหายในโครงการดังกล่าว คนในพรรคเพื่อไทยเคยออกมาเถียงด้วยตัวเลขที่สามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ ดังนั้น ตนเห็นว่าวันนี้คนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยนอกจากใช้ปากทำงานไม่พอแล้ว ยังใช้ปากโจมตีข้าราชการประจำที่ทำงานให้กับรัฐบาล ซึ่งตนเพิ่งเคยเห็นในรัฐบาลชุดนี้
“วันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการตงฉินที่เปิดเผยการทุจริตคอร์รัปชัน ผมอยากให้ต่างชาติได้ยินบ้างว่าประเทศไทยมีรัฐบาลแบบนี้ ข้าราชการที่โดนสอบวันนี้ไม่ได้โดนสอบเพราะกระทำการทุจริต แต่ข้าราชการไทยวันนี้จะโดนสอบเพราะเปิดเผยเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน มีประเทศเดียวในโลกแน่นอน ผมยืนยันได้ และยังถูกโฆษกของทางฝั่งพรรคเพื่อไทยออกมาถล่มด้วยคำพูดหยาบคาย ด้วยคำพูดที่กักขฬะ แต่ไม่สามารถหักล้างสิ่งที่คุณสุภาเสนอ ด้วยเหตุผลหรือหลักฐานได้เลย”
นายชวนนท์กล่าวว่า ตนและประชาชนไทยทุกคนขอเป็นกำลังใจให้ น.ส.สุภา และยืนยันว่า น.ส.สุภาไม่ได้เป็นข้าราชการของพรรคประชาธิปัตย์ โดยในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลนั้น น.ส.สุภาทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีความสนิทสนมกับนักการเมืองในพรรคแต่อย่างใด แต่ น.ส.สุภาเป็นพวกของประชาชน และประเทศชาติ เป็นพวกของคนที่รักความถูกต้องและรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน เพราะฉะนั้นวันนี้ ประชาชนต้องเลือกระหว่าง พรรคการเมืองที่ออกแบบนโยบายเพื่อหาช่องทางในการโกงกิน เปิดช่องให้พรรคพวกตัวเองทุจริตคอร์รัปชันเงินภาษีประชาชน กับอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นการเมือง ภาคประชาชนและข้าราชการที่รักษาผลประโยชน์ของประชาชนไว้ด้วยชีวิต ตนเชื่อว่าเป็นทางเลือกที่ประชาชนคนไทยต้องเลือกได้แล้ว ซึ่งต้องแสดงออกและให้กำลังใจด้วย
“วันนี้คุณสุภาจะนำแผนการและรายละเอียดการทุจริตนำเสนอไปตามลำดับขั้น ผมเกรงว่าคุณกิตติรัตน์จะไม่กล้ามอง คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะอ่านไม่ออกขึ้นมาชั่วขณะ ซึ่งผมให้กำลังใจคุณสุภาเดินหน้าในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน และถ้าคุณกิตติรัตน์และคุณยิ่งลักษณ์ไม่เกี่ยวข้อง ต้องรีบนำเรื่องนี้ไปจัดการกับผู้ที่สร้างปัญหาให้แก่ประเทศ”
นายชวนนท์ยังกล่าวถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการบริหารจัดการน้ำ 350,000 ล้านบาทของรัฐบาลว่า ถึงแม้ว่าจะมีคำสั่งของศาลปกครองให้รัฐบาลระงับยับยั้งการดำเนินการโครงการดังกล่าว แต่ไม่สามารถทัดทานความพยายามในการทุจริตของคนในรัฐบาลกับโครงการดังกล่าวได้ ทั้งๆ ที่ศาลปกครอง ภาคประชาชน และนักวิชาการได้เตือนมาแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่อย่างใด โดยมีการเดินหน้ากู้ต่อ ไม่ทราบว่าเป็นการกู้มาโกงหรือไม่ แต่ขณะนี้ชัดเจนว่าที่รัฐบาลต้องการไม่ใช่สิ่งก่อสร้างในโครงการดังกล่าว แต่ต้องการหาส่วนต่างและค่าคอมมิชชันให้กับพวกพ้อง
โฆษกพรรคประชาธิปตย์กล่าวว่า ที่อ้างว่าการก่อสร้างสร้างไปออกแบบไป จะทำให้สิ่งก่อสร้างในโครงการเสร็จภายในระยะเวลา 5 ปี ทั้งๆ ที่เขื่อนแต่ละเขื่อนนั้น จะเวลาก่อสร้างถึง 10-12 ปี ตนจึงเห็นว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะถ้าออกแบบไป สร้างไป ถามประชาชนในพื้นไป ก็ไม่มีทางสำเร็จ และไม่มีประเทศไหนในโลกทำกับโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อประชาชนและประเทศอย่างมหาศาลแบบนี้ ถ้ารัฐบาลตั้งใจอยากจะพัฒนาประเทศโครงการดังกล่าวจริง ควรถอยหลังกลับไปสอบถามประชาชน โดยการทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และรายงานการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ และถามความเห็นของประชาชนทั้งประเทศ ก่อนที่จะเดินหน้าพลิกประเทศด้วยเงิน 350,000 ล้านบาท มิเช่นนั้นแล้วโครงการนี้ก็ไม่ต่างจากโครงการโฮปเวลล์ ที่เป็นอนุสาวรีย์ของการทุจริตในประเทศ และตนขอเตือนข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ว่า ถ้าไปทำผิดกฎหมายและกระทำการที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้ว ก็จะหนีไม่พ้นความผิดที่ได้กระทำเอาไว้ด้วย
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยโจมตี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว ในกรณีที่ไปเปิดเผยข้อเท็จจริงการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า แปลกใจในระยะนี้คนในพรรคเพื่อไทยออกมาดาหน้าถล่ม น.ส.สุภา แบบไร้หลักการและเหตุผล โดยมีการโจมตีว่า น.ส.สุภาเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์และเป็นไส้ศึกเข้ามาบ่อนทำลายรัฐบาล ซึ่งตนต้องถามกลับไปยังคนในพรรคเพื่อไทยว่า สิ่งที่ น.ส.สุภาเคยนำมาเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการขาดทุนและความเสียหายในโครงการดังกล่าว คนในพรรคเพื่อไทยเคยออกมาเถียงด้วยตัวเลขที่สามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ ดังนั้น ตนเห็นว่าวันนี้คนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยนอกจากใช้ปากทำงานไม่พอแล้ว ยังใช้ปากโจมตีข้าราชการประจำที่ทำงานให้กับรัฐบาล ซึ่งตนเพิ่งเคยเห็นในรัฐบาลชุดนี้
“วันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการตงฉินที่เปิดเผยการทุจริตคอร์รัปชัน ผมอยากให้ต่างชาติได้ยินบ้างว่าประเทศไทยมีรัฐบาลแบบนี้ ข้าราชการที่โดนสอบวันนี้ไม่ได้โดนสอบเพราะกระทำการทุจริต แต่ข้าราชการไทยวันนี้จะโดนสอบเพราะเปิดเผยเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน มีประเทศเดียวในโลกแน่นอน ผมยืนยันได้ และยังถูกโฆษกของทางฝั่งพรรคเพื่อไทยออกมาถล่มด้วยคำพูดหยาบคาย ด้วยคำพูดที่กักขฬะ แต่ไม่สามารถหักล้างสิ่งที่คุณสุภาเสนอ ด้วยเหตุผลหรือหลักฐานได้เลย”
นายชวนนท์กล่าวว่า ตนและประชาชนไทยทุกคนขอเป็นกำลังใจให้ น.ส.สุภา และยืนยันว่า น.ส.สุภาไม่ได้เป็นข้าราชการของพรรคประชาธิปัตย์ โดยในช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลนั้น น.ส.สุภาทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีความสนิทสนมกับนักการเมืองในพรรคแต่อย่างใด แต่ น.ส.สุภาเป็นพวกของประชาชน และประเทศชาติ เป็นพวกของคนที่รักความถูกต้องและรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน เพราะฉะนั้นวันนี้ ประชาชนต้องเลือกระหว่าง พรรคการเมืองที่ออกแบบนโยบายเพื่อหาช่องทางในการโกงกิน เปิดช่องให้พรรคพวกตัวเองทุจริตคอร์รัปชันเงินภาษีประชาชน กับอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นการเมือง ภาคประชาชนและข้าราชการที่รักษาผลประโยชน์ของประชาชนไว้ด้วยชีวิต ตนเชื่อว่าเป็นทางเลือกที่ประชาชนคนไทยต้องเลือกได้แล้ว ซึ่งต้องแสดงออกและให้กำลังใจด้วย
“วันนี้คุณสุภาจะนำแผนการและรายละเอียดการทุจริตนำเสนอไปตามลำดับขั้น ผมเกรงว่าคุณกิตติรัตน์จะไม่กล้ามอง คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะอ่านไม่ออกขึ้นมาชั่วขณะ ซึ่งผมให้กำลังใจคุณสุภาเดินหน้าในการตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน และถ้าคุณกิตติรัตน์และคุณยิ่งลักษณ์ไม่เกี่ยวข้อง ต้องรีบนำเรื่องนี้ไปจัดการกับผู้ที่สร้างปัญหาให้แก่ประเทศ”
นายชวนนท์ยังกล่าวถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการบริหารจัดการน้ำ 350,000 ล้านบาทของรัฐบาลว่า ถึงแม้ว่าจะมีคำสั่งของศาลปกครองให้รัฐบาลระงับยับยั้งการดำเนินการโครงการดังกล่าว แต่ไม่สามารถทัดทานความพยายามในการทุจริตของคนในรัฐบาลกับโครงการดังกล่าวได้ ทั้งๆ ที่ศาลปกครอง ภาคประชาชน และนักวิชาการได้เตือนมาแล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแต่อย่างใด โดยมีการเดินหน้ากู้ต่อ ไม่ทราบว่าเป็นการกู้มาโกงหรือไม่ แต่ขณะนี้ชัดเจนว่าที่รัฐบาลต้องการไม่ใช่สิ่งก่อสร้างในโครงการดังกล่าว แต่ต้องการหาส่วนต่างและค่าคอมมิชชันให้กับพวกพ้อง
โฆษกพรรคประชาธิปตย์กล่าวว่า ที่อ้างว่าการก่อสร้างสร้างไปออกแบบไป จะทำให้สิ่งก่อสร้างในโครงการเสร็จภายในระยะเวลา 5 ปี ทั้งๆ ที่เขื่อนแต่ละเขื่อนนั้น จะเวลาก่อสร้างถึง 10-12 ปี ตนจึงเห็นว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะถ้าออกแบบไป สร้างไป ถามประชาชนในพื้นไป ก็ไม่มีทางสำเร็จ และไม่มีประเทศไหนในโลกทำกับโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบต่อประชาชนและประเทศอย่างมหาศาลแบบนี้ ถ้ารัฐบาลตั้งใจอยากจะพัฒนาประเทศโครงการดังกล่าวจริง ควรถอยหลังกลับไปสอบถามประชาชน โดยการทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และรายงานการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ และถามความเห็นของประชาชนทั้งประเทศ ก่อนที่จะเดินหน้าพลิกประเทศด้วยเงิน 350,000 ล้านบาท มิเช่นนั้นแล้วโครงการนี้ก็ไม่ต่างจากโครงการโฮปเวลล์ ที่เป็นอนุสาวรีย์ของการทุจริตในประเทศ และตนขอเตือนข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ว่า ถ้าไปทำผิดกฎหมายและกระทำการที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้ว ก็จะหนีไม่พ้นความผิดที่ได้กระทำเอาไว้ด้วย