หัวหน้าประชาธิปัตย์ จี้ ครม.ยิ่งลักษณ์ 1/5 เร่งแก้ปากท้อง-ทบทวนจำนำข้าว-ไฟใต้ เบรกปมทำชาติวุ่น แนะทำโครงสร้างให้ชัด เชื่อ “ปู” ควบกลาโหมแค่เพิ่มเสียงจัดโผทหาร หวั่น “ยุทธศักดิ์” นั่งแค่ รมช.อยู่ใต้อาณัติใครอีก แนะทบทวนคุยโจรใต้ แนะรมต.ใหม่พิสูจน์ตัวเอง ยันยื่นถอด ครม.ผ่าน พ.ร.ก.กู้ 3.5 แสนล้านจัดการน้ำอาทิตย์นี้
วันนี้ (1 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับ ครม.ครั้งนี้ ว่า อยากฝากให้ ครม.เร่งทำงานโดยยึดหลัก คือ 1. แก้ปัญหาปัญหาปากท้องประชาชน 2. ทบทวนนโยบายที่เป็นปัญหาทั้งนโยบายจำนำข้าวและการแก้ปัญหาความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 3. ละเว้นจากการนำเรื่องยุ่งๆ เข้ามาให้กับบ้านเมือง ถ้าทำอย่างนี้ได้ก็จะทำให้รัฐบาลทำงานด้วยความมั่นใจและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ทั้งนี้ เป็นห่วงนโยบายที่จะต้องทบทวน ซึ่งจะต้องเร่งทำโครงสร้างให้ชัดเจน เพราะทั้งเรื่องข้าว และปัญหาภาคใต้ มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมีการควบสองตำแหน่งและคาบเกี่ยวกันไปมา และตัวนายกฯ เองต้องเป็นประธานในการทำงานด้วย
ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่ง รมว.กลาโหมด้วยนั้น นายอภิสิทธิ์มองว่า เป้าหมายคือการเพิ่มเสียงทางการเมืองในคณะกรรมการโยกย้ายแต่งตั้ง แต่สิ่งที่พยายามอธิบายว่าเพื่อต้องการเป็น ผอ.รมน.นั้น ตามปกตินายกฯ ก็เป็นอยู่แล้วโดยระบบ รวมถึงเป็นประธาน ศอ.บต.ด้วย ถ้าทำตรงนี้จริงจังในฐานะนายกฯ ก็จะขับเคลื่อนได้อย่างเป็นเอกาพ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แต่ที่กังวลคือ นายกฯ ควบตำแหน่ง หรือรองนายกฯ หรือ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ควบตำแหน่ง เมื่อมีสังกัดอีกกระทรวงหนึ่ง มุมมองก็จะโน้มไปทางกระทรวง สมมติรองนายกฯ มาทำหน้าที่ประธาน กขช. ก็จะใกล้ชิดกับกระทรงพาณิชย์ ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงคลังจะมีความเห็นไม่เหมือนกัน หรือแม้กระทั่งการแก้ปัญหาภาคใต้ ซึ่งกระทรวงกลาโหมคิดอย่างกระทรวงมหาดไทยคิดอย่าง แต่เมื่อนายกฯ มาควบ รมว.กลาโหมด้วย น้ำหนักการให้ความสำคัญข้อมูลกับฝ่ายต่างๆ อาจจะได้รับผลกระทบ จึงอยากให้เร่งทำโครงสร้างการแก้ปัญหาต่างๆ ให้ชัด เพราะยังสับสนอยู่มาก ทั้ง สมช., ศอ.บต., ศปก.กปต., กอ.รมน. ใครจะขยับอย่างไรในการแกปัญหา โดยสมัยที่แล้วรัฐบาลประชาธิปัตย์กำหนดไว้ชัดเจนว่าเป็นเรื่องของ ศอ.บต. ส่วนการแต่งตั้ง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เป็น รมช.กลาโหมนั้นเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจประเด็นได้พอสมควรและเชื่อมกับกองทัพได้ดี แต่ปัญหาคือสถานะ รมช.ไม่รู้ว่าต้องไปอยู่ใต้กำกับของรองนายกฯ คนใดหรือไม่ จึงอยากให้ทำให้ชัด เพราะงานนี้คาบเกี่ยวทุกกระทรวง
“ผมถึงบอกว่าพอปรับไปปรับมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้าวหรือเรื่องใต้ ต้องทำให้ชัดเจนไม่เช่นนั้นจะสับสนกันหมดว่าสายการบังคับบัญชา การตัดสินใจผู้รับผิดชอบหลัก หากนายกฯ ไม่ทำเอง จะเป็นอย่างไร ถ้านายกฯจะทำเองก็ไม่เป็นปัญหา” นายอภิสิทธิ์กล่าว
สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาอดีต พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม หรือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ แสดงท่าทีไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อคนใหม่เข้ามาจะมีจุดยืนเดียวกันหรือไม่ ดังนั้น การปรับเปลี่ยนตัวบุคคลไม่สำคัญเท่ากับว่างานจะเดินอย่างไร ส่วนเรื่องการเจรจาสันติภาพที่ดำเนินการอยู่นั้นก็ต้องทบทวน โดยให้ สมช.เป็นหลัก และทุกหน่วยงานต้องไปในทิศทางเดียวกัน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับข้อเสนอของบีอาร์เอ็นนั้นขาดความจริงใจในการทำงานร่วมกัน ;ไม่ควรจะใช้วิธีการยื่นคำขาดผ่านสาธารณะ พอไม่ทำแล้วใช้ความรุนแรงตอบโต้ถ้าเป็นการกระทำของเขา แต่ถ้าไม่ใช่ และเป็นการกระทำกลุ่มอื่นก็ต้องตั้งคำถามว่าจะมาช่วยกันทำงานเรื่องการลดความรุนแรงได้อย่างไร หากไม่จริงใจตรงนี้ยาก ที่จะพูดคุย
เมื่อถามว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ มีหลายตำแหน่งที่ถูกมองว่าเป็นการวางตัวสนองความต้องการของคนแดนไกล นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขอให้ทุกคนพิสูจน์ตัวเองด้วยการตั้งใจทำงานยึดประโยชน์ส่วนรวม อย่าไปอยู่ภายใต้การครอบงำของคนที่ไม่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบ เพราะคนที่รับผิดชอบตามกฎหมายคือคนที่ดำรงตำแหน่ง อย่างกรณีกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท สุดท้ายคนที่เซ็นอนุมัติก็จะเป็นคนที่รับผิดชอบ เพราะเวลาถูกดำเนินคดีคนที่เขาบอกให้ทำไม่ต้องมารับผิดชอบด้วย
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีเตรียมยื่นถอดถอน ครม.ทั้งคณะต่อประเด็นการใช้อำนาจมิชอบต่อการเดินหน้าตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ว่า ในวันพุธที่ 3 มิ.ย.จะมีการประชุม ส.ส.ของพรรค ซึ่งจะนำคำวินิจัยศาลปกครองมาพิจารณาประกอบ เพื่อปรับถ้อยคำถ้าจำเป็น ซึ่งคาดว่าจะสามารถยื่นเรื่องถอดถอนได้ภายในสัปดาห์นี้