นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่น ป.ป.ช. สอบเอาผิด "กิตติรัตน์-รองปลัดคลัง" ที่ไปเซ็นกู้เงิน 3.2 แสนล้าน หลังศาลปกครองสั่งระงับโครงการบริหารจัดการน้ำ ขณะที่ ปชป.ยันยื่นถอดถอน ครม.ทั้งคณะ พร้อมจวกรัฐบาลที่ยังคงฝืนเดินหน้าโครงการ โดยอ้างจะศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายใน 2 เดือน ทั้งที่เป็นไปได้ยาก
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า จากกรณีที่ นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านรายจ่ายและหนี้สิน ระบุว่าได้รับการมอบอำนาจจาก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เพื่อทำการลงนามในสัญญาเงินกู้ (Term Loan) กับธนาคาร 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) วงเงินรวม 324,606 ล้านบาทไปแล้ว ภายหลังจากที่ศาลปกครองกลางได้อ่านคำพิพากษา ตามคดีหมายเลขแดงที่ 1025/2556 ระหว่างสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับพวกรวม 45 คน และนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กยน. คณะกรรมการ กนอช. และคณะกรรมการ กบอ. ว่า การกระทำของบุคคลทั้งสอง เข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐและประชาชน หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต อันเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 165 โดยชัดแจ้ง ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่า มีคำพิพากษาอันเป็นคำสั่งของศาลปกครองกลาง เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของหน่วยงานผู้บังคับบัญชาของทั้งสอง อันเกี่ยวพันกับการไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 57 วรรคสอง และ มาตรา 67 วรรคสอง ในโครงการบริหารจัดการน้ำ มูลค่า 3.5 แสนล้านบาท
การกระทำของ นายพงษ์ภาณุ และ นายกิตติรัตน์ จึงเข้าข่ายการกระทำที่เป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 275 ทางสมาคมฯ จึงจะนำเรื่องดังกล่าว พร้อมพยานหลักฐานไปยื่นเป็นคำร้อง (เพิ่มเติม) ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมกับกล่าวโทษ (เพิ่มเติม) ต่อ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 250 (2) และ (3) ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ช. พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ (เวลา 11.00น.) ที่สำนักงานป.ป.ช. ถนนสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี
** ปชป.จ่อยื่นถอดถอน ครม.ยกชุด
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน หลังจากที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาออกมาให้ทำประชาพิจารณ์ก่อน แต่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ บอกว่าจะเดินหน้าโครงการบริหารจัดการน้ำต่อไป ขอให้นักวิชาการฝ่ายค้านร่วมมือเลิกค้าน ว่า พรรคเห็นด้วยกับการแก้ปัญหาน้ำอย่างครบวงจร และพร้อมให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการบริหารน้ำท่วมอย่างยั่งยืน แต่เราคัดค้านการใช้ปัญหาน้ำท่วมมาเป็นข้ออ้างแสวงหาประโยชน์ให้ตนเองโดยมิชอบ และคัดค้านการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามระเบียบ และกฎหมาย เราไม่พร้อมร่วมมือกับการทุจริต และผิดกฎหมาย จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมต้องรวบรวมรายชื่อ ส.ส.เพื่อยื่นถอดถอนครม.ทั้งคณะในการทำผิดกฎหมายทั้ง กฎหมายฮั้ว การไม่กำหนดราคากลางตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. และไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 (2) และ 67(2)
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า หลังจากศาลปกครองมีคำพิพากษาให้ไปรับฟังความเห็นประชาชนก่อนดำเนินโครงการนั้น รัฐบาลประกาศว่าจะดำเนินการรับฟังความเห็น และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เสร็จภายใน 2 เดือน จึงขอเรียกร้องว่ารัฐบาลไม่ควรทำแบบลูบหน้าปะจมูก เพราะโครงการนี้มีพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจำนวนมาก เพราะการศึกษามีถึง 9 ขั้นตอน เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะทำให้เสร็จภายใน 2 เดือน หากเดินหน้าเช่นนี้ก็จะยิ่งสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น โดยไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง เพราะคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ได้ช่วยให้รัฐบาลบรรลุผลสำเร็จในการดำเนินโครงการได้ เพราะถ้าไม่สำรวจความเห็นประชาชนก่อน แต่ใช้วิธีออกแบบไปสร้างไป แล้วประชาชนออกมาต่อต้านจะยิ่งเกิดปัญหาที่หนักหน่วงรุนแรงกว่า จึงควรทำให้เกิดความเห็นพ้องต้องกันก่อน เพื่อให้โครงการเดินหน้าได้ตลอดรอดฝั่ง แต่รัฐบาลกลับพยายามจะทำให้จบภายใน 2 เดือนนั้น ตนยืนยันว่าเป็นไปได้ยาก
สำหรับการกู้เงินตามโครงการนี้ ที่รัฐบาลได้ลงนามสัญญากู้เงินกับสถาบันการเงินไปแล้วนั้น นายองอาจ กล่าวว่า การที่รัฐบาลอ้างว่าปรึกษาฝ่ายต่างๆ แล้วยกเว้นกฤษฎีกา ว่าเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมตรี และสำนักงบประมาณเห็นชอบแล้วนั้น อยากเรียนถามไปยังรัฐบาลว่า ที่มีการพิจารณาการกู้เงินหลังศาลปกครองมีคำสั่งแล้ว แต่ในขณะเดียวกันกลับมีการให้้ข้อมูลที่ขัดแย้งกัน คืออ้างว่าสำนักงบประมาณให้ความเห็นชอบ ตั้งแต่คืนวันที่ 26 มิ.ย.56 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ศาลปกครองจะมีคำพิพากษา ทั้งนี้อยากสอบถามรัฐบาลว่า ได้มีการส่งแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้เงินไปให้สำนักงบประมาณแล้ว ใช่หรือไม่ ถ้าใช่กรุณาเปิดเผยต่อสาธารณชนว่าแผนการใช้เงินกู้ มีเนื้อหาสาระอย่างไร
"ไม่ทราบว่าสำนักงบประมาณได้ส่งข้อมูลนี้แล้วหรือไม่ อย่างไร ที่ผมหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะอยากให้รัฐบาลเดินหน้าอย่างถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย ไม่เช่นนั้นจะเกิดผลกระทบตามมาในอนาคต ทั้งโครงการไม่เสร็จ และโครงการอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาของศาลปกครอง ถ้าโครงการอื่นที่ทำไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้โครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาของศาลปกครองที่มีการเดินหน้าไปสูญเสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ด้วย จึงอยากฝากไปยังรัฐบาลให้พิจารณาอย่างรอบคอบ เหมาะสมให้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ของโครงการ " นายองอาจกล่าว
**โวย ปชป.จ้องเล่นเกมการเมือง
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ใกล้หน้าฝนแล้ว ถ้าไม่มีการบริหารจัดการน้ำ จะกระทบกับการลงทุน การท่องเที่ยว ซึ่งสิ่งที่นายอภิสิทธิ์ จะเล่นการเมืองด้วยการถอดถอน เป็นแค่เกมการเมือง ส่วนที่นายราเมศร์ รัตนเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า เรื่องนี้สะท้อนว่ารัฐบาลละเมิดกฎหมาย หรือส่งเสริมให้พวกพ้องของตนละเมิดกฎหมาย ไม่เป็นความจริง รัฐบาลไม่ได้ละเมิดกฎหมาย หรือส่งเสริมให้พวกพ้องละเมิดกฎหมาย รัฐบาลทำทุกอย่างโดยคำนึงถึงระเบียบ กฎเกณฑ์ ทำโครงการรวบรวมความคิดเห็น ส่วนสิ่งที่กล่าวหาคนในรัฐบาลจะออกมาว่าศาลปกครองก้าวก่ายการทำงานรัฐบาล และให้ยุบศาลปกครองทิ้งนั้น คนในรัฐบาลไม่มีใครมีความคิคเช่นนี้
“หากย้อนไปดูสมัยโครงการไทยเข้มแข็ง ก็ไม่ได้ทำประชาพิจารณ์ พวกผมก็ไม่ได้ไปร้องอะไร ฝ่ายค้านสามารถค้านได้ แต่ควรค้านอย่างมีเหตุมีผล เพื่อไทยเน้นบริหารบ้านเมือง ไม่เน้นเล่นเกมการเมือง" นายพร้อมพงศ์ กล่าว.