สบอช.ตั้งโต๊ะแถลงป้อง “เค วอเตอร์” ยันมีคุณสมบัติครบ รัฐบาลเกาหลีค้ำประกันการประมูล “มูดีส์-เอสแอนด์พี” จัดลำดับการประกอบการอยู่ในระดับเอ ซัดคนแฉแค่เอ็นจีโอเกาหลีใต้ สั่งตรวจสอบใครนำมา ขณะเดียวกันจะปรึกษาฝ่ายกฎหมายฟ้องดำเนินคดี พร้อมปัด “นช.แม้ว” อุ้มให้ชนะการประมูล คาดศาลปกครองตัดสิน 2 แนวทาง แต่ไม่ว่าจะออกแนวไหนเตรียมทางออกไว้หมดแล้ว
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (27 มิ.ย.) นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เลขาธิการสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.) แถลงถึงกรณีที่ผู้อำนวยการสหพันธ์สิ่งแวดล้อมเกาหลี ออกมาให้ข้อมูลว่าบริษัท บริษัท โคเรีย วอเตอร์ รีซอสเซส คอร์ปอเรชั่น (เค วอเตอร์) ซึ่งชนะการประมูลในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท จำนวน 2 โมดูล มูลค่า 1.63 แสนล้านบาท มีผลประกอบการที่ไม่ดีว่า ผู้ที่นำข้อมูลดังกล่าวมาพูดเป็นเอ็นจีโอของประเทศเกาหลีใต้ ข้อมูลที่นำมาพูดนั้นไม่เป็นความจริง เพราะในขั้นตอนต่างๆ ที่เราปฏิบัติมาได้ทำตามระเบียบทุกประการ เราจึงต้องชี้แจงให้ชัดเจน ดังนี้
1.เค วอเตอร์ เป็นหน่วยงานรัฐสาหกิจของรัฐบาลเกาหลี ซึ่งรัฐบาลถือหุ้น 100% และรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนและค้ำประกันในการยื่นข้อมูลในโครงการบริหารจัดการน้ำ โดยมีสถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทยเป็นผู้รับรองคุณสมบัติตามทีโออาร์ที่กำหนดไว้ทุกประการ 2.เค วอเตอร์ มีคุณสมบัติครบถ้วน ทั้งผลงานด้านการออกแบบระบบพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ หรืองานออกแบบ หรืองานก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ หรืองานออกแบบก่อสร้างระบบป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาอุทกภัย และภัยแล้ง ในช่วงระหว่างปี 45-55 ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ มูลค่าการก่อสร้างไม่น้อยกว่า 3 หมื่นล้านบาท
3.ในการแข่งขันในขั้นเสนอกรอบแนวคิด เค วอเตอร์ ได้ยื่นผลงานที่ดำเนินการในช่วงระหว่างปี 45-55 มีมูลค่าสูงถึง 682,840 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่ามูลค่าในเงื่อนไขมาก 4.สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีประจำประเทศไทย ได้รับรองคุณสมบัติของ เค วอเตอร์ ตามทีโออาร์ของรัฐบาลทุกประการ 5.ในการแข่งขันออกแบบและก่อสร้าง เค วอเตอร์ ได้วางเงินค้ำประกันซองร้อยละ 5 ของงบประมาณการก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน 14,550 ล้านบาท เป็นหนังสือค้ำประกัน ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) และ 6.เค วอเตอร์ ได้รับการจัดอันดับการประกอบการจากสถาบันจัดอันดับนานาชาติ 2 แห่ง ประกอบด้วย มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ที่อยู่ในระดับเอ 1 และ เอสแอนด์พี ในระดับเอ และมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 650,000 ล้านบาท มีรายได้ 176,000 ล้านบาท
“ข้อมูลที่ สบอช.มีแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับข้อมูลที่เอ็นจีโอพูดมาและพิสูจน์ได้ ทั้งนี้แน่นอนว่าโครงการนี้มีทั้งผู้ประสงค์ดีและประสงค์ร้าย กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้เป็นเพียงกลุ่มคนเพียงส่วนหนึ่ง ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความสนิทสนมกับผู้บริหาร เค วอเตอร์ จึงอาจจะเอื้อประโยชน์ให้ได้ นายสุพจน์ กล่าวว่า เท่าที่ตนทำงานมาจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีเรื่องนี้มาแม้แต่ครั้งเดียว บริษัทต่างๆ ที่ชนะการประมูลในครั้งนี้ได้เข้ามาตามสถานการณ์ปกติ เราเปิดเผยให้เห็นตลอดตั้งแต่ขั้นตอนการยื่นซองประมูล ไม่มีงุบงิบ ซึ่งเรื่องของราชการเป็นเรื่องเทคนิค ไม่มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเลย
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีใบสั่ง เพราะก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปเกาหลีก่อนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเยือนนั้น นายสุพจน์ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีใบสั่ง เพราะเรื่องเทคนิคตนเป็นผู้รับผิดชอบ และก็ไม่ทราบว่าทำไมผู้อำนวยการสหพันธ์สิ่งแวดล้อมเกาหลีถึงออกมาเปิดเผยข้อมูลในตอนนี้ด้วย
ต่อข้อถามว่าหลังจากมีข่าว เค วอเตอร์ ได้ประสานมายัง สบอช.หรือไม่ นายสุพจน์ กล่าวว่า ตนไม่ได้มาแก้ตัวแทนเค วอเตอร์ แต่มาชี้แจงในฐานะหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบตรงนี้อยู่ หากไม่นำข้อเท็จจริงมาให้ดูก็เหมือนกับเรายอมรับ ทั้งที่ข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมานั้นผิด
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองไว้หรือไม่ว่าหากผู้ที่นำข้อมูลมาเปิดเผยยังไม่หยุด สบอช.อาจจะต้องฟ้องร้องเพราะได้รับความเสียหาย เลขาธิการ สบอช.กล่าวว่า เรื่องนี้ทางผู้ใหญ่กำลังคุยกับทางฝ่ายกฎหมายอยู่ เนื่องจากรัฐบาลมีความตั้งใจและทำถูกต้องตามกฎหมาย ต้องการทำความดีและช่วยประชาชน แต่ถ้ามีการคัดค้านจะต้องคัดค้านด้วยเหตุผล แต่หากคัดค้านโดยไม่ใช้เหตุผล และคำคัดค้านเป็นสิ่งโกหก เราจึงต้องมาพิจารณาดูว่าจะต้องทำอย่างไร
ส่วนการที่สถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทย รับรองคุณสมบัติเค วอเตอร์ ทางคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ได้มีการตรวจทานซ้ำอีกครั้งหรือไม่ เลขาธิการ สบอช.กล่าวว่า เราตรวจสอบกันหลายครั้ง เพราะโครงการใหญ่มาก และการตรวจสอบหลายครั้งทำให้ 34 กลุ่มบริษัทในรอบแรกตกไปหมด เหลือเพียง 8 กลุ่ม เพราะเราตรวจสอบละเอียดมาก
เมื่อถามว่า มองว่าเรื่องนี้มีการเมืองอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังหรือไม่ นายสุพจน์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังสงสัยอยู่ว่าใครเป็นคนพามา แล้วเรื่องข้อมูลทำไมต้องออกมาเปิดเผยก่อนศาลปกครองจะมีคำพิพากษา ทำไมไม่ไปเปิดเผยภายหลังมีคำพิพากษาจากศาลปกครองไปแล้ว
นายสุพจน์ ยังได้พูดกรณีที่ศาลปกครองจะมีคำพิพากษาในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทของรัฐบาลในช่วงบ่ายวันนี้ (27 มิ.ย.) ว่า มั่นใจว่าในการพิจารณาคดีของศาลปกครอง จะมี 2 แนวทางที่ทางคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) เตรียมการดำเนินการและต้องดำเนินการตามคำสั่งกล่าวคือ 1.ศาลสั่งระงับโครงการทั้ง 9 โมดูล และปรับรูปแบบการดำเนินโครงการจากออกแบบและก่อสร้างในคราวเดียว หรือดีไซน์แอนด์บิว เป็นระบบการจัดซื้อจัดจ้างปกติที่จะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ 7 ปี ซึ่งถ้าใช้ระบบจัดจ้างแบบเดิม กว่าจะก่อสร้างได้อีก 7 ปี แล้วถ้าถึงเวลานั้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้าน้ำท่วมเละเทะขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ
ทั้งนี้ ระบบจัดจ้างปกติจะต้องดำเนินการออกแบบก่อน ซึ่งจะใช้เวลา 3 ปี ในการศึกษาออกแบบ จากนั้นเปิดประมูลจัดซื้อจัดจ้างและดำเนินการจัดทำประชาพิจารณา ศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ศึกษาผลกระทบด้านสังคม หรือ เอชไอเอ และ 2.จัดทำประชาพิจารณาทุกโครงการทั้ง 9 โมดูล ยกเว้นเอ 6 บี 4 คลังข้อมูลที่ไม่จำเป็นต้องจัดทำประชาพิจารณ์ ส่วนโครงการอื่นๆ เอ 1 อ่างเก็บน้ำ เอ 2 พื้นที่ปิดล้อม เอ 3 แก้มลิง บี 1 อ่างเก็บน้ำ บี 2 พื้นที่ปิดล้อม และบี 3 แก้ปัญหาน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
เลขาธิการ สบอช.กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หากศาลสั่งระงับโครงการจะต้องพิจารณาการกู้เงินอีกครั้งว่าจะกู้อีกหรือไม่ หรือต้องปรับรูปแบบการดำเนินการว่าจะเป็นอย่างไร และมั่นใจว่ากลุ่มบริษัทเอกชนทั้ง 4 กลุ่มบริษัท จะไม่ฟ้องร้องรัฐบาล เพราะในทีโออาร์ระบุไว้ชัดเจนว่าไม่สามารถฟ้องร้องต่อรัฐบาล หรือ กบอ.ได้