xs
xsm
sm
md
lg

หน้ามืดรุมประชาทัณฑ์ “ถวิล” ใบเสร็จห้ามตุกติกต้องคืนเก้าอี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถวิล เปลี่ยนสี
รายงานการเมือง

ออกแนวจะยืดเยื้อตามเกมที่รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ต้องการอยากจะให้เป็นเสียแล้ว!!

สำหรับกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้รัฐบาลคืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้กับ “ถวิล เปลี่ยนศรี” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ที่ถูกเด้งเข้ากรุตั้งแต่พรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศใหม่ๆ

จนต้องซมซานไปร้องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ช่วยแต่ไม่ได้ผล เพราะดันทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการพิทักษ์ระบบกฎหมาย ไม่ได้ดูดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาว่าย้ายด้วยสาเหตุอะไร จน “ถวิล” ต้องหอบเอาความชอกช้ำไปให้ “ศาลปกครอง” พิทักษ์ระบบคุณธรรมแทน

จนกินเวลาล่วงเลยมาเป็นปีๆ ที่สุดศาลปกครองจึงมอบความเป็นธรรมคืนให้ “ถวิล” แต่ “ยิ่งลักษณ์” ในฐานะผู้บังคับบัญชา แทนที่จะรีบๆ คืนตำแหน่งให้ กับแทงกั๊กทำท่าจะอุทธรณ์ต่อศาลปกครองเพื่อดึงเวลาเสียอย่างนั้น!!

ทั้งๆ ที่มาตรฐานเก่าๆ ก็มีให้เห็นอยู่ทนโถ่ ไม่ว่าจะเป็นในรายของ “จาดุร อภิชาตบุตร” อดีตรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เคยถูกเด้งไม่เป็นธรรมไปนั่งตบยุงอยู่ในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย แต่ศาลปกครองกลางเป็นที่พึ่งได้ จึงมีคำสั่งให้รัฐบาลในขณะนั้นคืนตำแหน่ง

รัฐบาลเจ้ากรรมขณะนั้นอยากจะอุทธรณ์จึงกระเสือกกระสนไปปรึกษาอัยการว่า ควรทำหรือไม่ จนอัยการแนะนำกลับว่าไม่ควรทำ แต่รัฐบาลดันดื้อแพ่งอยากลองของจึงทำการอุทธรณ์ไป

ปรากฎว่า “หน้าแหก” กลับมา เพราะศาลปกครองสูงสุดยืนตามศาลปกครองกลาง จึงต้องคืนตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้ “จาดุร” ทว่าก็ไร้ความหมายเพราะเจ้าตัวเกษียณอายุราชการไปแล้ว แต่ก็ยังดีมีไว้เป็น “มาตรฐาน” ทิ้งเอาไว้ให้กรณีต่อๆ ไปดูเป็นตัวอย่าง

นอกจากนี้ ยังมีคิวของ “พีรพล ไตรทศาวิทย์” อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยที่ถูกรัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เด้งเข้ากรุมาไปอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ แต่ต่อมาศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้คืนตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้เมื่อปลายปี 2555 ซึ่งเป็นยุค “รัฐบาลยิ่งลักษณ์”

และก็ไม่ได้อุทธรณ์ ก่อนมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้คืนตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้ “พีรพล” เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา ในขณะที่ “พีรพล” เองเกษียณอายุราชการไปแล้วเช่นกัน

ขณะที่สาเหตุที่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ไม่อุทธรณ์กรณีนี้ นั่นไม่ใช่เพราะต้องการผดุงความเป็นธรรม แต่เรื่องของเรื่องคือ “พีรพล” เป็นเด็กในเครือข่าย “นายใหญ่” ที่ถูกเด้งยุค “รัฐบาลอภิสิทธิ์”

แต่ก็เข้าอีหรอบมัดตัวแบบไม่รู้ตัว เพราะการเลือกไม่อุทธรณ์กรณี “พีรพล” แบบเต็มใจจัดให้ของรัฐบาล ได้กลายเป็นหลักฐานบังคับให้รัฐบาลจะต้องยึดมาตรฐานดังกล่าวต่อ “ถวิล”

แต่ดูเหมือนทุกวันนี้ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” หาได้สนใจ “มาตรฐาน” ดังกล่าวแต่อย่างใด มิหนำซ้ำ กับยังเลือกจะดึงเกมประวิงเวลา!!

โดยเฉพาะการไม่เคาะให้รู้แล้วรู้รอดว่า สุดท้ายแล้วจะอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางหรือไม่ แต่กลับมอบหมายให้ทีมงานกฎหมายไปศึกษาฆ่าเวลาที่ตามกรอบกฎหมายกำหนด ที่อย่างน้อยๆ ได้ยื้อเวลาออกไปได้อีก 30 วัน แถมเมื่อครบกำหนดยังมีสิทธิ์จะขอขยายเวลาได้อีกต่อหนึ่งด้วย

เล่นเกมจิตวิทยาส่งสัญญาณเหี้ยมคืนไปยัง “ถวิล” แบบทันควัน!!

และตามคิวเมื่อครบกำหนดตามกฎหมายก็คงจะออกแนว “ไร้มาตรฐาน” ทำเรื่องอุทธรณ์ซื้อเวลา กะให้ “ถวิล” ที่เหลืออายุราชการอีก 1 ปี เกษียณไปก่อนที่ศาลปกครองสูงสุดจะตัดสิน

เพราะเชื่อว่า ศาลปกครองสูงสุดจะใช้เวลาพิจารณานานเป็นปีเหมือนกับคดีอื่นๆ ที่เป็นกันมา!!

เลยปล่อยให้บรรดาลิ่วล้อตัวเองออกมาสำรากใส่ “ถวิล” กันระงม ไม่ว่าจะเป็นในราย “เหลิม บางบอน” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ตัวเจ้ากี้เจ้าการเมื่อครั้งย้ายอดีตเลขาธิการสมช.รายนี้ออกจาก สมช. ที่ออกมาฟาดงวงฟาดงาหาว่า “ถวิล” งอแง ไม่แฟร์

เพราะในสมัย “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ก็เคยย้าย “บิ๊กเผื่อน” พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เพื่อน ตท.10 ของ “เหลี่ยมดูไบ” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสมช. รวมถึง “เสธ.แมว” พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร รองเลขาธิการสมช.ในขณะนั้นออก

แต่พอตัวเองโดนบ้างกับรับไม่ได้!!

เช่นเดียวกับ “บิ๊กโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อน ตท.10 ของ “บิ๊กเผื่อน” และ “เหลี่ยมดูไบ” ที่ก็ออกมาเย้วๆ ด่ากราด “ถวิล” ด้วยเหตุผลเดียวกับ “เหลิมบางบอน”

เล่นรุมประชาทัณฑ์กันแบบมันตีนไปเลย!!

หารู้ไม่ว่า การแทกแอ็กชั่นออกทำนองรัฐบาลไหนๆ ก็เลือกจะใช้คนของตัวเองมาทำงาน กำลังเป็นการตอกย้ำหลักฐานที่จะมัดตัวเองในชั้นศาลว่า การย้าย “ถวิล” ครั้งนี้คือ “เหตุผลทางการเมือง” แล้วมันจะยิ่งทำให้การพิจารณาในชั้นศาลอาจเร็วขึ้นกว่าคดีอื่นๆ ก็ได้ ยิ่งเป็นคดีที่สังคมกำลังให้ความสนใจ อะไรก็เกิดขึ้นได้!!

งานนี้คนที่ออกมาคึกคะนองตะโกนด่ากันเย้วๆ แบบสบายอารมณ์ คิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่าอย่าง “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” อาจจะกำลังเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำก็ได้

ขณะที่ “ถวิล” เองก็อาจจะกำลังหัวเราะร่าชอบใจที่ฝ่ายตรงข้ามเลือกที่จะออกมาผรุสวาทใส่ตัวเองกันแบบรายวัน เพราะถ้าออกมาอีหรอบนี้ถือว่าเข้าทางเต็มๆ

เพราะการที่ยังนิ่งๆ ไม่ออกมาตอบโต้แก้ต่างในสิ่งที่พลพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลกำลังขย่ม แต่เลือกจะเล่นเกมนิ่งๆ ชี้แจงเฉพาะประเด็นในข้อกฎหมายถือเป็นเกมที่ชาญฉลาด เพราะการออกมาต่อล้อต่อเถียงกับฝ่ายการเมืองในขณะที่ตัวเองยังเป็น “ข้าราชการประจำ” เท่ากับจะเป็นการเปลืองตัวและยิ่งตอกย้ำภาพเอียงข้างที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามยัดเยียดให้

ชนิดคนในรัฐบาลยิ่งด่าว่า “ถวิล” เป็นฝ่ายตรงข้าม ทำงานให้รัฐบาลที่แล้ว แทนที่จะใช้เหตุผลเรื่องความเหมาะสมในการโยกย้ายเท่าไหร่ จะยิ่งยิ่งกลายเป็น “ใบเสร็จ” ที่เอาไว้เช็กบิลในศาลปกครองสูงสุดได้อย่างดี

ส่วนข้อกล่าวหาที่ฝ่ายรัฐบาลหาว่า สมัย “บิ๊กเผื่อน-เสธ.แมว” โดนยังไม่งอแง แต่ที “ถวิล” โดนบ้างกับรับไม่ได้นั้น นาทีนี้ยังไม่จำเป็นต้องร้อนตัวออกมาชี้แจง เพราะเอาแค่ที่มาที่ไปของ “ถวิล” กับ “เสธ.แมว” มาเปรียบเทียบกันก็แทบไม่ต้องอธิบายกันต่อ

โดยในราย “ถวิล” ถือเป็นลูกหม้อขนานแท้ที่เติบโตมากับ สมช.ร่วมหลายสิบปี เรียกว่า ค่อยๆ พาสชั้นมาตามลำดับจนขึ้นชั้นรองเลขาธิการ สมช. ในสมัยที่ “บิ๊กเผื่อน” เป็นเลขาธิการสมช. แถมมีความอาวุโสมากกว่าเบอร์หนึ่งของสมช.ในขณะนั้นด้วยซ้ำ ก่อนจะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดอย่างเลขาธิการ สมช.ใน “รัฐบาลอภิสิทธิ์”

ขณะที่ “เสธ.แมว” เพิ่งจะได้รับการโอนย้ายจากตำแหน่งโฆษกกระทรวงกลาโหมให้มาอยู่ใน สมช.ในตำแหน่งรองเลขาธิการ สมช.แบบก้าวกระโดด เมื่อสมัย “รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์” ก่อนจะถูกย้ายไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำใน “รัฐบาลอภิสิทธิ์”

ก่อนจะกลับมาในตำแหน่งเดิมอีกครั้งใน “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” และพุ่งพรวดขึ้นเบอร์หนึ่งในเวลาไม่กี่เดือน ซึ่งหากนับนิ้วอายุงานในชายคา สมช. ยังไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ

วัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่า ใครของแท้-ของเทียม!!
กำลังโหลดความคิดเห็น