**ออกแนวจะยืดเยื้อตามเกมที่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ต้องการอยากจะให้เป็นเสียแล้ว !!
สำหรับกรณีที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้รัฐบาลคืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้กับ "ถวิล เปลี่ยนศรี" ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ที่ถูกเด้งเข้ากรุตั้งแต่พรรคเพื่อไทย เข้ามาบริหารประเทศใหม่ๆ
จนต้องซมซานไปร้องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ช่วย แต่ไม่ได้ผล เพราะดันทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการพิทักษ์ระบบกฎหมาย ไม่ได้ดูดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาว่าย้ายด้วยสาเหตุอะไร จน “ถวิล”ต้องหอบเอาความชอกช้ำไปให้“ศาลปกครอง”พิทักษ์ระบบคุณธรรมแทน
จนกินเวลาล่วงเลยมาเป็นปีๆ ที่สุดศาลปกครองจึงมอบความเป็นธรรมคืนให้ “ถวิล”แต่ “ยิ่งลักษณ์”ในฐานะผู้บังคับบัญชา แทนที่จะรีบๆ คืนตำแหน่งให้ กลับแทงกั๊ก ทำท่าจะอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง เพื่อดึงเวลาเสียอย่างนั้น !!
ทั้งๆ ที่มาตรฐานเก่าๆ ก็มีให้เห็นอยู่ทนโท่ ไม่ว่าจะเป็นในรายของ "จาดุร อภิชาตบุตร" อดีตรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เคยถูกเด้งไม่เป็นธรรมไปนั่งตบยุง ในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย แต่ศาลปกครองกลางเป็นที่พึ่งได้ จึงมีคำสั่งให้รัฐบาลในขณะนั้น คืนตำแหน่ง
รัฐบาลเจ้ากรรมขณะนั้นอยากจะอุทธรณ์ จึงกระเสือกกระสนไปปรึกษาอัยการว่า ควรทำหรือไม่ จนอัยการแนะนำกลับว่า ไม่ควรทำ แต่รัฐบาลดันดื้อแพ่ง อยากลองของ จึงทำการอุทธรณ์ไป
ปรากฏว่า“หน้าแหก”กลับมา เพราะศาลปกครองสูงสุด ยืนตามศาลปกครองกลาง จึงต้องคืนตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้ “จาดุร”ทว่าก็ไร้ความหมาย เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เจ้าตัวก็เกษียณอายุราชการไปแล้ว
แต่ก็ยังดี มีไว้เป็น “มาตรฐาน”ทิ้งเอาไว้ให้กรณีต่อๆไปดูเป็นตัวอย่าง
นอกจากนี้ ยังมีคิวของ "พีรพล ไตรทศาวิทย์" อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ถูกรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เด้งเข้ากรุ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ แต่ต่อมาศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้คืนตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้ เมื่อปลายปี 2555 ซึ่งเป็นยุค“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”
และก็ไม่ได้อุทธรณ์ ก่อนมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้คืนตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้ “พีรพล” เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา ในขณะที่ “พีรพล”ก็เกษียณอายุราชการไปแล้วเช่นกัน
สาเหตุที่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ไม่อุทธรณ์กรณีนี้ ไม่ใช่เพราะต้องการผดุงความเป็นธรรม แต่เรื่องของเรื่องคือ“พีรพล”เป็นเด็กในเครือข่าย“นายใหญ่”ที่ถูกเด้งยุค“รัฐบาลอภิสิทธิ์”
แต่ก็เข้าอีหรอบ มัดตัวแบบไม่รู้ตัว เพราะการไม่อุทธรณ์กรณี “พีรพล”แบบเต็มใจจัดให้ของรัฐบาล ได้กลายเป็นหลักฐาน บังคับให้รัฐบาลจะต้องยึดมาตรฐานดังกล่าว ต่อ “ถวิล”
** แต่ดูเหมือนทุกวันนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์หาได้สนใจ “มาตรฐาน”ดังกล่าว มิหนำซ้ำ กับยังเลือกจะดึงเกมประวิงเวลา !!
โดยเฉพาะการไม่เคาะให้รู้แล้วรู้รอดว่า สุดท้ายแล้วจะอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางหรือไม่ แต่กลับมอบหมายให้ทีมงานกฎหมายไปศึกษาฆ่าเวลา ที่ตามกรอบกฎหมายกำหนด ซึ่งอย่างน้อยๆ ก็ยื้อเวลาออกไปได้อีก 30 วัน แถมเมื่อครบกำหนด ยังมีสิทธิ์จะขอขยายเวลาได้อีกต่อหนึ่งด้วย
** เล่นเกมจิตวิทยาส่งสัญญาณเหี้ยมคืนไปยัง ถวิล แบบทันควัน !!
และตามคิวเมื่อครบกำหนดตามกฎหมายก็คงจะออกแนว “ไร้มาตรฐาน”ทำเรื่องอุทธรณ์ซื้อเวลา กะให้ “ถวิล”ที่เหลืออายุราชการอีก 1 ปี เกษียณไปก่อนที่ศาลปกครองสูงสุด จะตัดสิน
เพราะเชื่อว่า ศาลปกครองสูงสุดจะใช้เวลาพิจารณานานเป็นปีเหมือนกับคดีอื่นๆ ที่เป็นกันมา !!
เลยปล่อยให้บรรดาลิ่วล้อตัวเองออกมาสำรากใส่ “ถวิล”กันระงม ไม่ว่าจะเป็น “เหลิม บางบอน”ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ตัวเจ้ากี้เจ้าการเมื่อครั้งย้ายอดีตเลขาธิการสมช.รายนี้ ออกจาก สมช. ที่ออกมาฟาดงวงฟาดงาหาว่า“ถวิล”งอแง ไม่แฟร์
เพราะในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็เคยย้าย “บิ๊กเผื่อน”พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เพื่อน ตท. 10 ของ “เหลี่ยมดูไบ”พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสมช. รวมถึง “เสธ.แมว”พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร รองเลขาธิการ สมช.ในขณะนั้น ออก แต่พอตัวเองโดนบ้างกับรับไม่ได้ !!
เช่นเดียวกับ “บิ๊กโอ๋”พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เพื่อน ตท.10 ของ “บิ๊กเผื่อน”และ “เหลี่ยมดูไบ”ที่ก็ออกมาเย้วๆ ด่ากราด ถวิล ด้วยเหตุผลเดียวกับ เหลิม บางบอน
** เล่นรุมประชาทัณฑ์กันแบบมันตีนไปเลย !!
**หารู้ไม่ว่า การเทกแอ็กชั่นออกทำนองรัฐบาลไหน ๆ ก็เลือกจะใช้คนของตัวเองมาทำงาน กำลังเป็นการตอกย้ำหลักฐานที่จะมัดตัวเองในชั้นศาลว่า การย้าย “ถวิล”ครั้งนี้คือ “เหตุผลทางการเมือง” แล้วมันจะยิ่งทำให้การพิจารณาในชั้นศาล อาจเร็วขึ้นกว่าคดีอื่นๆ ก็ได้ ยิ่งเป็นคดีที่สังคมกำลังให้ความสนใจ อะไรก็เกิดขึ้นได้ !!
งานนี้คนที่ออกมาคึกคะนอง ตะโกนด่ากันเย้วๆ แบบสบายอารมณ์ คิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า อาจจะกำลังเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำก็ได้
ขณะที่“ถวิล”เองก็อาจจะกำลังหัวเราะร่า ชอบใจที่ฝ่ายตรงข้ามเลือกที่จะออกมาผรุสวาทใส่ตัวเองกันแบบรายวัน เพราะถ้าออกมาอีหรอบนี้ ถือว่าเข้าทางเต็มๆ
เพราะการที่ยังนิ่งๆ ไม่ออกมาตอบโต้แก้ต่างในสิ่งที่พลพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลกำลังขย่ม แต่เลือกจะเล่นเกมนิ่งๆ ชี้แจงเฉพาะประเด็นในข้อกฎหมาย ถือเป็นเกมที่ชาญฉลาด เพราะการออกมาต่อล้อต่อเถียงกับฝ่ายการเมืองในขณะที่ตัวเองยังเป็น “ข้าราชการประจำ”เท่ากับจะเป็นการเปลืองตัว และยิ่งตอกย้ำภาพเอียงข้าง ที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามยัดเยียดให้
ชนิดคนในรัฐบาลยิ่งด่าว่า “ถวิล”เป็นฝ่ายตรงข้าม ทำงานให้รัฐบาลที่แล้ว แทนที่จะใช้เหตุผลเรื่องความเหมาะสมในการโยกย้ายเท่าไหร่ จะยิ่งยิ่งกลายเป็น “ใบเสร็จ” ที่เอาไว้เช็กบิลในศาลปกครองสูงสุดได้อย่างดี
ส่วนข้อกล่าวหาที่ฝ่ายรัฐบาลหาว่า สมัย“บิ๊กเผื่อน - เสธ.แมว”โดนยังไม่งอแง แต่ที “ถวิล”โดนบ้าง ทำเป็นรับไม่ได้นั้น นาทีนี้ยังไม่จำเป็นต้องร้อนตัวออกมาชี้แจง เพราะเอาแค่ที่มาที่ไปของ “ถวิล”กับ “เสธ.แมว”มาเปรียบเทียบกัน ก็แทบไม่ต้องอธิบายกันต่อ
โดยในราย“ถวิล”ถือเป็นลูกหม้อขนานแท้ที่เติบโตมากับสมช. ร่วมหลายสิบปี เรียกว่า ค่อยๆ พาสชั้นมาตามลำดับ จนขึ้นชั้นรองเลขาธิการสมช. ในสมัยที่ “บิ๊กเผื่อน” เป็นเลขาธิการสมช. แถมมีความอาวุโสมากกว่าเบอร์หนึ่งของสมช.ในขณะนั้นด้วยซ้ำ ก่อนจะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดอย่างเลขาธิการสมช.ใน “รัฐบาลอภิสิทธิ์”
ขณะที่ “เสธ.แมว”เพิ่งจะได้รับการโอนย้ายจากตำแหน่งโฆษกกระทรวงกลาโหม ให้มาอยู่ในสมช. ในตำแหน่งรองเลขาธิการสมช. แบบก้าวกระโดด เมื่อสมัย รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก่อนจะถูกย้ายไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำใน รัฐบาลอภิสิทธิ์
ก่อนจะกลับมาในตำแหน่งเดิมอีกครั้งใน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และพุ่งพรวดขึ้นเบอร์หนึ่งในเวลาไม่กี่เดือน ซึ่งหากนับนิ้วอายุงานในชายคา สมช. ยังไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ
**วัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่า ใครของแท้ ของเทียม !!
สำหรับกรณีที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้รัฐบาลคืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้กับ "ถวิล เปลี่ยนศรี" ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ที่ถูกเด้งเข้ากรุตั้งแต่พรรคเพื่อไทย เข้ามาบริหารประเทศใหม่ๆ
จนต้องซมซานไปร้องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ช่วย แต่ไม่ได้ผล เพราะดันทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการพิทักษ์ระบบกฎหมาย ไม่ได้ดูดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชาว่าย้ายด้วยสาเหตุอะไร จน “ถวิล”ต้องหอบเอาความชอกช้ำไปให้“ศาลปกครอง”พิทักษ์ระบบคุณธรรมแทน
จนกินเวลาล่วงเลยมาเป็นปีๆ ที่สุดศาลปกครองจึงมอบความเป็นธรรมคืนให้ “ถวิล”แต่ “ยิ่งลักษณ์”ในฐานะผู้บังคับบัญชา แทนที่จะรีบๆ คืนตำแหน่งให้ กลับแทงกั๊ก ทำท่าจะอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง เพื่อดึงเวลาเสียอย่างนั้น !!
ทั้งๆ ที่มาตรฐานเก่าๆ ก็มีให้เห็นอยู่ทนโท่ ไม่ว่าจะเป็นในรายของ "จาดุร อภิชาตบุตร" อดีตรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เคยถูกเด้งไม่เป็นธรรมไปนั่งตบยุง ในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย แต่ศาลปกครองกลางเป็นที่พึ่งได้ จึงมีคำสั่งให้รัฐบาลในขณะนั้น คืนตำแหน่ง
รัฐบาลเจ้ากรรมขณะนั้นอยากจะอุทธรณ์ จึงกระเสือกกระสนไปปรึกษาอัยการว่า ควรทำหรือไม่ จนอัยการแนะนำกลับว่า ไม่ควรทำ แต่รัฐบาลดันดื้อแพ่ง อยากลองของ จึงทำการอุทธรณ์ไป
ปรากฏว่า“หน้าแหก”กลับมา เพราะศาลปกครองสูงสุด ยืนตามศาลปกครองกลาง จึงต้องคืนตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้ “จาดุร”ทว่าก็ไร้ความหมาย เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เจ้าตัวก็เกษียณอายุราชการไปแล้ว
แต่ก็ยังดี มีไว้เป็น “มาตรฐาน”ทิ้งเอาไว้ให้กรณีต่อๆไปดูเป็นตัวอย่าง
นอกจากนี้ ยังมีคิวของ "พีรพล ไตรทศาวิทย์" อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ถูกรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เด้งเข้ากรุ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ แต่ต่อมาศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้คืนตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้ เมื่อปลายปี 2555 ซึ่งเป็นยุค“รัฐบาลยิ่งลักษณ์”
และก็ไม่ได้อุทธรณ์ ก่อนมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้คืนตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้ “พีรพล” เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา ในขณะที่ “พีรพล”ก็เกษียณอายุราชการไปแล้วเช่นกัน
สาเหตุที่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ไม่อุทธรณ์กรณีนี้ ไม่ใช่เพราะต้องการผดุงความเป็นธรรม แต่เรื่องของเรื่องคือ“พีรพล”เป็นเด็กในเครือข่าย“นายใหญ่”ที่ถูกเด้งยุค“รัฐบาลอภิสิทธิ์”
แต่ก็เข้าอีหรอบ มัดตัวแบบไม่รู้ตัว เพราะการไม่อุทธรณ์กรณี “พีรพล”แบบเต็มใจจัดให้ของรัฐบาล ได้กลายเป็นหลักฐาน บังคับให้รัฐบาลจะต้องยึดมาตรฐานดังกล่าว ต่อ “ถวิล”
** แต่ดูเหมือนทุกวันนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์หาได้สนใจ “มาตรฐาน”ดังกล่าว มิหนำซ้ำ กับยังเลือกจะดึงเกมประวิงเวลา !!
โดยเฉพาะการไม่เคาะให้รู้แล้วรู้รอดว่า สุดท้ายแล้วจะอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางหรือไม่ แต่กลับมอบหมายให้ทีมงานกฎหมายไปศึกษาฆ่าเวลา ที่ตามกรอบกฎหมายกำหนด ซึ่งอย่างน้อยๆ ก็ยื้อเวลาออกไปได้อีก 30 วัน แถมเมื่อครบกำหนด ยังมีสิทธิ์จะขอขยายเวลาได้อีกต่อหนึ่งด้วย
** เล่นเกมจิตวิทยาส่งสัญญาณเหี้ยมคืนไปยัง ถวิล แบบทันควัน !!
และตามคิวเมื่อครบกำหนดตามกฎหมายก็คงจะออกแนว “ไร้มาตรฐาน”ทำเรื่องอุทธรณ์ซื้อเวลา กะให้ “ถวิล”ที่เหลืออายุราชการอีก 1 ปี เกษียณไปก่อนที่ศาลปกครองสูงสุด จะตัดสิน
เพราะเชื่อว่า ศาลปกครองสูงสุดจะใช้เวลาพิจารณานานเป็นปีเหมือนกับคดีอื่นๆ ที่เป็นกันมา !!
เลยปล่อยให้บรรดาลิ่วล้อตัวเองออกมาสำรากใส่ “ถวิล”กันระงม ไม่ว่าจะเป็น “เหลิม บางบอน”ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ตัวเจ้ากี้เจ้าการเมื่อครั้งย้ายอดีตเลขาธิการสมช.รายนี้ ออกจาก สมช. ที่ออกมาฟาดงวงฟาดงาหาว่า“ถวิล”งอแง ไม่แฟร์
เพราะในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็เคยย้าย “บิ๊กเผื่อน”พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เพื่อน ตท. 10 ของ “เหลี่ยมดูไบ”พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสมช. รวมถึง “เสธ.แมว”พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร รองเลขาธิการ สมช.ในขณะนั้น ออก แต่พอตัวเองโดนบ้างกับรับไม่ได้ !!
เช่นเดียวกับ “บิ๊กโอ๋”พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เพื่อน ตท.10 ของ “บิ๊กเผื่อน”และ “เหลี่ยมดูไบ”ที่ก็ออกมาเย้วๆ ด่ากราด ถวิล ด้วยเหตุผลเดียวกับ เหลิม บางบอน
** เล่นรุมประชาทัณฑ์กันแบบมันตีนไปเลย !!
**หารู้ไม่ว่า การเทกแอ็กชั่นออกทำนองรัฐบาลไหน ๆ ก็เลือกจะใช้คนของตัวเองมาทำงาน กำลังเป็นการตอกย้ำหลักฐานที่จะมัดตัวเองในชั้นศาลว่า การย้าย “ถวิล”ครั้งนี้คือ “เหตุผลทางการเมือง” แล้วมันจะยิ่งทำให้การพิจารณาในชั้นศาล อาจเร็วขึ้นกว่าคดีอื่นๆ ก็ได้ ยิ่งเป็นคดีที่สังคมกำลังให้ความสนใจ อะไรก็เกิดขึ้นได้ !!
งานนี้คนที่ออกมาคึกคะนอง ตะโกนด่ากันเย้วๆ แบบสบายอารมณ์ คิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า อาจจะกำลังเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำก็ได้
ขณะที่“ถวิล”เองก็อาจจะกำลังหัวเราะร่า ชอบใจที่ฝ่ายตรงข้ามเลือกที่จะออกมาผรุสวาทใส่ตัวเองกันแบบรายวัน เพราะถ้าออกมาอีหรอบนี้ ถือว่าเข้าทางเต็มๆ
เพราะการที่ยังนิ่งๆ ไม่ออกมาตอบโต้แก้ต่างในสิ่งที่พลพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลกำลังขย่ม แต่เลือกจะเล่นเกมนิ่งๆ ชี้แจงเฉพาะประเด็นในข้อกฎหมาย ถือเป็นเกมที่ชาญฉลาด เพราะการออกมาต่อล้อต่อเถียงกับฝ่ายการเมืองในขณะที่ตัวเองยังเป็น “ข้าราชการประจำ”เท่ากับจะเป็นการเปลืองตัว และยิ่งตอกย้ำภาพเอียงข้าง ที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามยัดเยียดให้
ชนิดคนในรัฐบาลยิ่งด่าว่า “ถวิล”เป็นฝ่ายตรงข้าม ทำงานให้รัฐบาลที่แล้ว แทนที่จะใช้เหตุผลเรื่องความเหมาะสมในการโยกย้ายเท่าไหร่ จะยิ่งยิ่งกลายเป็น “ใบเสร็จ” ที่เอาไว้เช็กบิลในศาลปกครองสูงสุดได้อย่างดี
ส่วนข้อกล่าวหาที่ฝ่ายรัฐบาลหาว่า สมัย“บิ๊กเผื่อน - เสธ.แมว”โดนยังไม่งอแง แต่ที “ถวิล”โดนบ้าง ทำเป็นรับไม่ได้นั้น นาทีนี้ยังไม่จำเป็นต้องร้อนตัวออกมาชี้แจง เพราะเอาแค่ที่มาที่ไปของ “ถวิล”กับ “เสธ.แมว”มาเปรียบเทียบกัน ก็แทบไม่ต้องอธิบายกันต่อ
โดยในราย“ถวิล”ถือเป็นลูกหม้อขนานแท้ที่เติบโตมากับสมช. ร่วมหลายสิบปี เรียกว่า ค่อยๆ พาสชั้นมาตามลำดับ จนขึ้นชั้นรองเลขาธิการสมช. ในสมัยที่ “บิ๊กเผื่อน” เป็นเลขาธิการสมช. แถมมีความอาวุโสมากกว่าเบอร์หนึ่งของสมช.ในขณะนั้นด้วยซ้ำ ก่อนจะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดอย่างเลขาธิการสมช.ใน “รัฐบาลอภิสิทธิ์”
ขณะที่ “เสธ.แมว”เพิ่งจะได้รับการโอนย้ายจากตำแหน่งโฆษกกระทรวงกลาโหม ให้มาอยู่ในสมช. ในตำแหน่งรองเลขาธิการสมช. แบบก้าวกระโดด เมื่อสมัย รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก่อนจะถูกย้ายไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำใน รัฐบาลอภิสิทธิ์
ก่อนจะกลับมาในตำแหน่งเดิมอีกครั้งใน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ และพุ่งพรวดขึ้นเบอร์หนึ่งในเวลาไม่กี่เดือน ซึ่งหากนับนิ้วอายุงานในชายคา สมช. ยังไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ
**วัดกันปอนด์ต่อปอนด์ ก็เห็นๆ กันอยู่ว่า ใครของแท้ ของเทียม !!