xs
xsm
sm
md
lg

“เหลิม” ปูดคนจ้องล้มรัฐบาลปู ก็ยิ่ง “เรียกแขก” ล้มเร็วขึ้น!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ต้องยอมรับว่าในช่วงนี้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เจอสารพัดปัญหารุมเร้าเข้ามาพร้อมๆกันหลายดอก แล้วแต่ละเรื่องล้วน “หนักๆ” ทั้งสิ้น ทั้งในและนอกประเทศ ล่าสุดเพิ่งเจอกับเรื่องสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ส่งเสียงเตือนเข้มๆว่าไทยอาจจะถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือในปลายปีนี้ หากยังมีการเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าว โดยที่ผ่านมาเจ๊งไปแล้วกว่าสองแสนล้านบาท ซึ่งกรณีดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะหากเป็นแบบนั้นจริงทุกอย่างจะ “พังกันหมด” หายนะที่รออยู่ตรงหน้า ก็คือ ดอกเบี้ยจากโครงการ “โคตรกู้” 2 ล้านล้าน เมื่อบวกดอกเบี้ยที่ต้องชดใช้กันชั่วลูกชั่วหลานรวมกันประมาณ 5 ล้านล้านบาท หากถูกปรับลดเครดิตผู้เชียวชาญจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้ประมาณการคร่าวๆออกมาแล้วว่าตัวเลขอาจจะพุ่งไปถึง 7 ล้านล้านบาท

แน่นอนว่าเมื่อเห็นแววหายนะรออยู่ตรงหน้าทำให้ฝ่ายรัฐบาลที่พอมองเห็นอนาคตต่างก็ออกมาตื่นตัวกันยกใหญ่ ทั้งกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ แต่เท่าที่ประมวลออกมาจะเป็นในลักษณะการแก้ตัวโบ้ยกันไปมา และที่สำคัญก็คือยังเป็นการ “ปิดบังตัวเลข” ปิดบังความจริงเช่นเดิม และตามกำหนดก็ในวันที่ 7 มิถุนายน ทั้งสองกระทรวงดังกล่าวจะมีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงให้สังคมได้ทราบ และยังเป็นการชี้แจงตอบโต้ไปยังมูดี้ส์อีกด้วย

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นอาการตื่นเต้นออกมาจากฝ่ายรัฐบาลหลังจากมูดีส์เตือนว่าอาจลดเครดิตประเทศไทย และเป็นการสะท้อนให้เห็นว่านี่คือปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์รับมือยากที่สุด เพราะจะไปสั่งไปบังคับให้ออกมาตามใจตัวเองก็ไม่ได้ หรือจะกล่าวหาว่าเป็น “พวกอำมาตย์” มากลั่นแกล้งก็ทำไม่ได้อีก หากเป็นไปตามคำขู่ก็ถือว่าเป็นความหายนะอย่างแท้จริง

ก่อนหน้านั้นไม่นานดันมีเรื่องที่ศาลปกครองกลางที่ชี้ออกมาในช่วงนี้พอดีว่าคำสั่งย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี พ้นจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ของ นายกรัฐมนตรีนั้นมิชอบ และให้คืนตำแหน่งดังกล่าวโดยเร็ว และกรณีดังกล่าวยังมีความคาบเกี่ยวกับเรื่องความผิดฐานละเว้นและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 อาจต้องพ้นจากตำแหน่งและ “มีสิทธิ์ติดคุก” ได้ไม่ยากเสียด้วยซี

ขณะเดียวกันหากบอกว่าช่วงนี้ประจวบเหมาะเป็นช่วง “ขาลง” ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พอดี มันก็ทำให้ทุกอย่าง “รวน” ไปหมด หลายสิ่งหลายอย่างที่เคยสวยหรู มีความหวัง มาถึงตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร ไม่เป็นใจ โดยเฉพาะที่จะทำให้รัฐบาลอ่อนยวบโดยเร็วที่สุดก็น่าจะหนีไม่พ้นเรื่อง ค่าครองชีพ ของแพงที่เวลานี้หากไม่โกหกตัวเองก็ต้องบอกว่า “แพงทั้งแผ่นดิน” สินค้าจำเป็นในหมวดอาหารแพงขึ้น ขณะเดียวกันมีข้อสังเกตว่าหากไม่มีการเลือกตั้งซ่อมที่เขตดอนเมืองแล้วรับรองว่าจะต้องมีการปรับราคาก๊าซหุงต้มไปแล้ว แน่นอน

หากถามว่าตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมารัฐบาลที่นำโดยนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร มี่ผลงานอันน่าประทับใจในเรื่องใดบ้าง ทุกอย่างล้วนเป็นแค่ราคาคุย มีแต่สร้างความอึดอัดคับข้องใจให้กับชาวบ้าน ตอนหาเสียงบอกว่า “จะเพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” แต่ทุกอย่างกลายเป็นตรงกันข้าม เห็นแต่การเล่นพรรคเล่นพวก สร้างความแตกแยกในสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเลย

กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ กำลังทำทุกทางก็เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของ ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวเท่านั้น สิ่งที่รัฐบาลกำลังผลักดันอยู่ตลอดเวลาหากมีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การออกกฎหมายลบล้างความผิดให้กับตัวเอง และหวังได้เงินคืนเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อผลงานห่วยทุกด้าน ไม่สมราคาคุย ทั้งที่มีองค์ประกอบพร้อมที่สุด ทั้งกลไกรัฐก็ล้วนเป็นมือเท้าที่แต่งตั้งมากับมือ ข้าราชการบางคนยอมลดตัวลงมาเป็นขี้ข้าพร้อมรับใช้อย่างเต็มที่ทุกโอกาส แต่ขาดอย่างเดียวก็คือ “มันสมอง” ของคนในรัฐบาลเท่านั้นเอง อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้เริ่มมีสารพัดม็อบเริ่มทยอยออกมาขับไล่รัฐบาล ขับไล่ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมไปถึงรัฐมนตรีบางคนที่เป็นศัตรูกับชาวบ้านมากขึ้นแทบทุกวัน ดังที่เห็นปรากฏการณ์ “กลุ่มหน้ากากขาว” ที่กำลังเคลื่อนไหวในเชิงสัญลักษณ์กัยทุกสุดสัปดาห์ คาดว่าในสัปดาห์นี้จะต้องมีการนัดรวมตัวผ่านโลกออนไลน์กันอีก และเชื่อกันว่าจะต้องมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม มากขึ้นเรื่อยๆ

การที่ รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อ้างว่ากำลังมีหลายกลุ่มร่วมมือกันจ้องล้มรัฐบาล พร้อมกับปูดอักษรย่อต่างๆ นานา ผสมโรงเข้ามาอีก มันก็ยิ่งเป็นการ “เรียกแขก” เพิ่มความหงุดหงิดให้กับชาวบ้านมากขึ้น เพราะหากว่ากันไปแล้วคนที่จะล้มรัฐบาลให้พังเร็วขึ้นก็เพราะมีรัฐมนตรีอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม มีรองนายกรัฐมนตรี อย่าง ปลอดประสพ สุรัสวดี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอย่าง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ที่ไม่เห็นมีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน งานในหน้าที่ไม่มีเรื่องน่าจดจำในทางที่ดีเลยสักเรื่องเดียว

ถ้าบอกว่าคนพวกนี้นี่แหละที่เป็นตัวเร่งให้ทุกอย่างพังเร็วขึ้น ความล้มเหลวห่วยแตกของ นายกรัฐมนตรี ที่เป็นครั้งแรกที่ถูกตั้งข้อสงสัยในเรื่อง “สติปัญญา” ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องน่าอัปยศสิ้นดี ขณะเดียวกันตามข่าวบอกว่าอาจจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้งในเร็วๆนี้ ก็ต้องเตือนกันล่วงหน้าไว้ก่อนว่า หากยังมีรายชื่อบรรดารัฐมนตรีหน้าเดิม นายกรัฐมนตรีคนเดิมมันก็เปล่าประโยชน์ แต่ก่อนจะไปถึงวันนั้น เวลานี้บรรยากาศหลายอย่างมันไม่เป็นใจ ความเสื่อมเริ่มมาเยือน เร็วขึ้นทุกทีแล้ว!!
กำลังโหลดความคิดเห็น