xs
xsm
sm
md
lg

อดีตผู้พิพากษาการันตี ศาลปกครองมีอำนาจสั่ง “ปู” คืนตำแหน่ง “ถวิล”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา
“ชูชาติ ศรีแสง” ระบุศาลปกครองมีอำนาจสั่งคืนตำแหน่ง “ถวิล” ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งฯ ม.9 (1) หาได้ก้าวก่ายการบริหารของรัฐแต่อย่างใด เชื่อ “เพื่อแม้ว” กระทุ้งศาล ตามเกมยึดอำนาจหมายให้อยู่ภายใต้อุ้งมือ เตือนถ้าผู้พิพากษาสิ้นอิสระเมื่อใด ผลประโยชน์ชาติและ ปชช. ย่อมสิ้นไปเมื่อนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 3 มิ.ย. เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ท่านชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว Chuchart Srisaeng ถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า คำสั่งย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไม่ชอบและให้ผู้มีคำสั่งย้ายดำเนินการให้นายถวิลกลับไปดำรงตำแหน่งเดิมนั้น

ในระยะแรกผู้มีส่วนเกี่ยวข้องออกมาแถลงข่าวกันหลายคนว่า จะต้องอุทธรณ์พิพากษาศาลปกครองต่อศาลปกครองสูงสุด โดยจะยังไม่ให้นายถวิลกลับไปเป็นเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ

ล่าสุดโฆษกพรรคเพื่อไทยออกมาแถลงว่าจะร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ทำการไต่สวนคณะตุลาการศาลปกครองกลางว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่มีคำพิพากษาดังกล่าวเพราะเป็นการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาลที่จะเลือกให้ใครดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติก็ได้

พระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 9 บัญญัติว่า ศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในเรื่องดังต่อไปนี้

(1) คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ คำสั่งหรือการกระทำอื่นใดเนื่องจากกระทำโดยไม่มีอำนาจหรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น หรือโดยไม่สุจริต หรือมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม หรือมีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็นหรือสร้างภาระให้เกิดกับประชาชนเกินสมควร หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ

มาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัตินี้ ได้ให้ความหมายของคำต่างๆ ไว้ คือ หน่วยงานทางปกครอง หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้น โดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และให้หมายความรวมถึงหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อํานาจทางปกครองหรือให้ดําเนินกิจการทางปกครอง

เจ้าหน้าที่ของรัฐ หมายความว่า (1) ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง คณะบุคคล หรือผู้ที่ปฏิบัติงานในหน่วยงานทางปกครอง

จากบทบัญญัติของคำนิยามในมาตรา 3 ดังกล่าวก็พอสรุปได้ว่า ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นข้าราชการเมือง ก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ สำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งมีฐานะเป็นกระทรวงตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหาราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 7 วรรคสอง ก็เป็นหน่วยงานทางปกครอง ดังนั้นการที่ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซี่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในฐานะเป็นรัฐมนตรีกำกับดูแลการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานสภาความมั่นคงแห่งชาติซึ่งสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งย้ายให้นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งอื่น จึงเป็นคำสั่งทางปกครอง

เมื่อนายถวิลฟ้องนายกรัฐมนตรีผู้ออกคำสั่งต่อศาลปกครองโดยอ้างว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอนหรือโดยไ่ม่สุจริตหรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ ศาลปกครองก็ย่อมมีอำนาจรับคดีไว้พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งตามมาตรา 9 (1)

เมื่อศาลปกครองมีอาจรับคดีไว้พิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่ง ตุลาการศาลปกครองก็ย่อมมีอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีให้เป็นไปโดยถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 197 วรรคสอง

ศาลปกครองจะมีคำพิพากษาอย่างไรก็เป็นการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย หากคู่กรณีคือผู้ฟ้องคดีหรือผู้ถูกฟ้องคดีไม่พอใจคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นก็ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ คำพิพากษาศาลปกครองกลางไม่ใช่เป็นเรื่องการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล

ถ้าคำสั่งของศาลปกครองดังกล่าวเป็นการก้าวก่ายการบริหารของรัฐบาล หากนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีถูกฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แล้วถูกศาลลงโทษ พรรคเพืิ่อไทยก็อาจจะโวยวายว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล เช่นเดียวกัน

ทั้งหลายทั้งปวงหากดูพฤติกรรมทั้งหมด เริ่มจากการที่เจ้าของพรรคเพื่อไทยไปด่าศาลยุติธรรมในต่างประเทศว่า ยุติ ความธรรมเป็นบ้าง สองมาตรฐานบ้าง ส.ส.พรรคเพื่อไทยประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ กลุ่มคนเสื้อแดงกองกำลังของพรรคเพื่อไทยไปชุมนุมข่มขู่รังควานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แกล้งแจ้งความกล่าวหาทั้งๆ ไม่มีมูลในการกระทำความผิด รองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งกำลังทำรายงานเสนอสหประชาชาติว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางเมือง ขัดต่อหลักสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เพราะมีศาลเดียว ไม่อาจอุทธรณ์ ฎีกา ในขณะที่รองนายกรัฐมนตรีอีกคนหนึ่งก็ด่าศาลยุติธรรมว่า ผู้พิพากษาบางคนวิ่งเข้าหานักการเมือง การพิจารณาสั่งหรือพิพากษาคดีสองมาตรฐาน ล่าสุดก็คืิอศาลปกครองก็ถูกพรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่า ก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาลและจะร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ทำการไต่สวนตุลาการศาลปกครอง

กล่าวโดยสรุปก็คือ พรรคเพื่อไทยยอมรับไม่ได้ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม และศาลปกครอง มีคำวินิจฉัยหรือมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในทางที่ไม่เป็นไปตามความต้องการของเจ้าของพรรคหรือคนในพรรคเพื่อไทย จึงกำลังกระทำกันทุกวิถีทางให้ประชาชนสับสน ไม่เชื่อมั่นฝ่ายตุลาการทั้งระบบ เพื่อพรรคเพื่อไทยจะได้ดำเนินการเปลียนแปลงระบบศาลในการที่จะหาวิธีควบคุมฝ่ายตุลาการให้ได้

ขอกล่าวไว้ ณ เวลานี้ว่า ถ้าศาลหรือผู้พิพากษาตุลาการสิ้นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดีโดยฝ่ายบริหารสามารถควบคุมฝ่ายตุลาการได้เมื่อใด ก็โปรดรับรู้เถิดว่า สิทธิ เสรีภาพ ของประชาชน ผลประโยชน์ทั้งมวลของประเทศชาติและประชาชนก็ย่อมสิ้นไป ณ บัดนั้น เช่นเดียวกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น