xs
xsm
sm
md
lg

พท.ยันเดินสายแจงชำเรา รธน.-นิรโทษกรรม ปัด “นช.แม้ว”สไกป์สั่งลุย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด (แฟ้มภาพ)
รองโฆษก พท. เผยเดินสายเปิดเวที “เพื่อไทย เพื่ออนาคตประเทศไทย”ทั่วประเทศ แจงโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน-แก้ รธน.-พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อ้าง “นช.แม้ว” มีวุฒิภาวะไม่สไกป์สั่งการ พท.ชำเรา รธน. พร้อมย้ำ ส.ส.ในสังกัดไม่ส่งคำชี้แจงให้ศาลฯแน่ ส่วนการถอดถอนตุลาการ ศาล รธน.ไม่ต้องต้องใจ ทำไปตามกระบวนการ เตรียมยื่นให้ทบทวนคืนสถานภาพ ส.ส. “จตุพร” ยกปาฐกถา “ปู”ที่มองโกเลียสุดยอด ติงพวกต้านอย่าสะสมความรุนแรง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคเพื่อไทย ได้จัดเวทีเพื่อสร้างกระบวนการแลกเปลี่ยน และมีส่วนร่วม "เวที เพื่อไทย เพื่ออนาคตประเทศไทย" โดยปราศรัยใหญ่ทั่วประเทศระหว่างรัฐสภาปิดสมัยประชุม รายงานให้ประชาชนรับทราบถึงภารกิจสำคัญที่ดำเนินการไปแล้ว รวมถึงชี้แจงอุปสรรคปัญหาต่างๆ ทางการเมืองให้ประชาชนได้รับทราบ ใน 3 เรื่องใหญ่

1.ความคืบหน้าไทยแลนด์ 2020 และโครงการรบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท 2.ชี้แจงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 3.การทำความเข้าใจ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยขุนพลของพรรคร่วมปราศรัย อาทิ ความคืบหน้าไทยแลนด์ 2020 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องบริหารจัดการน้ำ มีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี การแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ

โดยได้เปิดเวทีปราศรัยครั้งแรกในภาคอีสาน วันที่ 27 เมษายน ที่สนามทุ่งศรีเมือง วันที่ 28 เมษายน ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ไปแล้ว และในสัปดาห์หน้า วันที่ 11 พฤษภาคม ที่ จ.นครราชสีมา วันที่ 12 พฤษภาคม ที่ จ.อุบลราชธานี, ในภาคเหนือ วันที่ 1 มิถุนายน ที่ จ.เชียงราย วันที่ 2 มิถุนายน ที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 8 มิถุนายน ที่ จ.พิษณุโลก และภาคกลาง วันที่ 9 มิถุนายน ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ 15 มิถุนายน ที่ จ.ระยอง ส่วนเวทีปราศรัยที่ กทม. ปริมณฑล และภาคใต้ กำลังเร่งกำหนดวันเวลา สถานที่ ทั้งนี้จะเร่งลงพื้นที่กระจายตัว ส.ส. เพื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด และจะสรุปข้อมูลเพื่อปรับปรุงการทำงานและดำเนินการต่อไป

ส่วนกรณีที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคเพื่อไทยและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สไกป์มาที่ประชุมพรรคเพื่อไทย สั่งการให้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 และมาตรา 122 นั้นนายอนุสรณ์ กล่าวว่า นายไพบูลย์ รู้ได้ยังไงว่าใครสั่งใคร เขาประชุมกันแบบไหน เป็นเรื่องภายในของพรรคเพื่อไทย อย่าจับแพะชนแกะ ตัดแปะข่าวหนังสือพิมพ์มาจินตนาการ

นายอนุสรณ์ อ้างว่า การยื่นคำร้องของนายไพบูลย์ ไม่เป็นความจริง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้สไกป์มาสั่ง ส.ส.ให้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือล้มล้างการปกครอง นายไพบูลย์ ต้องไม่ลืมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ ย่อมมีภาวะผู้นำแยกแยะได้สิ่งใดควรไม่ควร ไม่เคยสั่งการหรือครอบงำสมาชิกพรรค การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภา โดยส.ส.และ ส.ว.มีสิทธิเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายไพบูลย์ยืนอยู่ตรงข้ามกับพ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทยมาตลอด จึงลุกขึ้นมาทำเรื่องนี้เผื่อฟลุ๊ก อีกทั้งเป็นการปกป้องรัฐธรรมนูญ 2550 เพราะอาจเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากรัฐธรรมนูญ 2550

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การออกจดหมายเปิดผนึกของ 312 สมาชิกรัฐสภาคัดค้านและไม่ยอมรับอำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ สมาชิกรัฐสภา 312 คนยังคงยืนยันเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา และไม่มีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรมนูญมาก้าวล่วง ดังนั้นการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ขยายเวลาให้ส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาออกไปอีก 15 วัน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 15 พ.ค.นั้น จะไม่ส่งผลใดๆ ไม่มีใคร ปอดแหก ถอดใจ สมาชิกรัฐสภาทั้ง 312 คน จะไม่ส่งคำชี้แจงไปยังศาลรัฐธรรมนูญ

สำหรับการยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น เป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาที่มีการรวบรวมรายชื่อส.ส.ไว้ 100 คน ตามจำนวน 1ใน 4 ของส.ส.เท่าที่มีอยู่ ประชาชนและสื่อมวลชนไม่ต้องตกใจ เรื่องนี้ไม่ใช่ความขัดแย้งหรือการกดดันศาลรัฐธรรมนูญ แต่เป็นไปเพื่อให้มีการทำตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่ายตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ไม่มีระเบิดภูเขา เผากระท่อม หรือยุบสภาอะไร อย่าตกใจ

นายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรณี คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 13/2555 กรณีของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ นายจตุพร สิ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. เนื่องจากการถูกคุมขัง ทำให้ขาดจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง แล้วได้มีการไปยื่นหนังสือต่อคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ทบทวนการมีคำวินิจฉัยให้ นายจตุพร สิ้นสภาพในการเป็น ส.ส. ว่าการดำเนินการในเรื่องนี้ พรรคเพื่อไทยไม่ได้เกี่ยวข้อง รวมถึงการชุมนุมของกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญด้วย แต่ที่ไปยื่นเพื่อเป็นไปตามความเห็นของที่ประชุมไอพียู ซึ่งถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แตกต่างจากในประเทศไทย ที่ถ้าใครลุกขึ้นมาถามอะไร ดูเป็นคนไม่ดี ไม่ยอมรับการตัดสิน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตอบให้กับไอพียู หรือไม่ เป็นเรื่องของท่าน แต่ประเทศไทยในฐานะที่เป็นประเทศประชาธิปไตยเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก ถ้าแข็งขืนไอพียู ระบบรัฐสภาไทยอาจต้องเข้า ไอซียู

นายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรณี ทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ได้ไปแจ้งความ นายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ ชัย ราชวัตร คอลัมนิสต์ที่ สน.ดุสิต ฐานหมิ่นประมาท กรณีที่ โพสต์ข้อความไม่เหมาะสมลงเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยเสียดสี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในข้อหา ดูหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่, หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งถือเป็นการติชมโดยไม่สุจริต ไม่มีมูลความจริง และเป็นการให้ร้ายทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งที่เป็นการปาฐกถาที่สุดยอดและถูกช่วงจังหวะเวลา ในเวทีประชาธิปไตย

นายกรัฐมนตรี ยกอุทธาหรณ์ว่าการรัฐประหารทำให้ประเทศถอยหลังเข้าคลอง แต่สิ่งที่น่า น่าอับอายคือบางพรรคสนับสนุนการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 โดยเลือกพูดถึงแต่เหตุที่ผู้นำการรัฐประหารกล่าวอ้าง แทนที่พรรคการเมืองเหล่านี้ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองตามอุดมการณ์ประชาธิปไตย แต่วันนี้ ได้เปลือยกายล่อนจ้อนสนับสนุนการรัฐประหาร จึงไม่แปลกใจที่สมาชิกพรรคบางคนเสนอให้ปฏิรูปพรรคเพราะแพ้มา 21 ปีแล้ว แต่ดูแล้วคนเสนอคงโดนปฏิรูปเร็วๆนี้ ตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร ประเทศไทยยังไม่เคยได้รับเชิญให้ไปร่วมในเวทีดังกล่าวเลย จนกระทั่งมาถึงรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะเห็นว่าประเทศไทยมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นจะให้นายกรัฐมนตรีไปพูดเรื่องทำกับข้าวหรือเรื่องเลี้ยงลูกคงไม่ใช่ ในเมื่อไปประชุมอยู่ในเวทีประชาคมประชาธิปไตย หรือจะต้องเข้าสภาตามมาตรา 190 ก่อน ถึงจะไปพูดได้

“ทำไมทีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปออกรายการบีบีซี เวิลด์ นิวส์ ของอังกฤษ แล้วไปสารภาพเสียสิ้น ว่าใช้กำลังทหารและใช้กระสุนจริงระหว่างการสลายการชุมนุม 2553 พวกอำมาตย์ล้าหลังไม่ออกมาโวยวายเอาบ้าง หรือ เข้าใจว่า การให้สัมภาษณ์แบบนั้น เป็นผลดีกับประเทศ วันนี้ ทุกฝ่ายสามารถวิพากย์วิจารณ์เสนอแนะได้อิสระ ตราบที่ไม่ก้าวร้าว หยาบคาย โดยเฉพาะกับผู้นำประเทศซึ่งเป็นสุภาพสตรี ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายได้จับตาดูอยู่หลายราย โดยเฉพาะในรายที่ใช้ความรุนแรงด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายติชมโดยไม่สุจริต และให้ร้ายทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงผ่านทางทีวีดาวเทียม กสทช.ต้องเข้าไปดู ถ้าเข้าข่ายก็จะดำเนินการต่อไป”

นายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรณี เหตุการณ์รุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นล่าสุด ที่มีบางฝ่ายมองว่า มีผลสืบเนื่องมาจากการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็นว่า เบื้องต้นคงไม่เกี่ยวข้องกับการเจรจา เพราะผู้ที่ก่อเหตุครั้งนี้เป็นพวกหัวรุนแรง ส่วนอาวุธที่ใช้ก็พิสูจน์ทราบว่าได้ใช้มาตั้งแต่ปี 2550 ใช้ก่อเหตุมาแล้ว 19 คดี โดยมีเป้าหมายทั้งผู้ที่อ่อนแอ ผู้นำศาสนาและประชาชนทั่วไป ต้องให้เวลาทางกลุ่มบีอาร์เอ็น ให้เขาสื่อสารไปยังกลุ่มผู้ปฏิบัติการที่แท้จริงได้ทั้งหมด ทางการก็จะติดตามผลก่อนที่จะนำไปสู่การเจรจาต่อไป

รองโฆษกพรรคเพื่อไทย อ้างว่า ในขบวนการต่าง ๆ ก็ยังมีผู้ที่เห็นต่างอยู่ในกลุ่ม ส่วนผู้ที่พูดคุยได้ก็ต้องทำต่อ ควบคู่ไปกับงานพัฒนาให้เข้มข้นขึ้น ซึ่ง ศอ.บต. และกอ.รมน. ได้ประสานการทำงานตรงนี้อยู่ ขอให้เชื่อมั่นว่าฝ่ายไทยใช้ยุทธศาสตร์รุกอยู่ตลอดเวลา การดำเนินการทุกอย่างต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญไทย ไม่ต้องกังวล ยังมั่นใจได้ว่าหลังการพูดคุยสันติภาพ จะสามารถสกัดกั้นการก่อเหตุรายวันได้ เพราะแม้เหตุการณ์จะมีหนักเบาแตกต่างกันในแต่ละวัน แต่ถือว่ายังอยู่ในพื้นที่ควบคุม ไม่ได้กระจายตัวออกนอกพื้นที่ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ และจะเพิ่มการจัดกำลังดูแลพื้นที่ที่คาดว่าจะมีปัญหา โดยเฉพาะในช่วงใกล้เปิดเทอม ยืนยันว่าฝ่ายความมั่นคงสามารถเข้าถึงประชาชนได้ในทุกพื้นที่

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาให้ความเห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ไม่ถูกคน และตำหนิแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาล ทั้งที่ประชาชนในพื้นที่เห็นด้วย อีกทั้งรัฐบาลเคยชวนฝ่ายค้านเข้าร่วมแก้ปัญหา แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ กลับออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณ์ดิสเครดิตรัฐบาล ซึ่งกำลังแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ จึงขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์เลิกทิฐิ และหันมาให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ปัญหา

นายอนุสรณ์ กล่าวขอบคุณศาลปกครอง ที่มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา เนื่องจากเห็นว่าข้ออ้างของผู้ร้อง ที่ว่าการออกข้อกำหนดและขอบเขตงานตามโครงการบริหารจัดการน้ำในแต่ละโมดูลอาจจะมีการทุจริต เป็นเพียงการคาดการณ์ของผู้ร้อง ดังนั้นจึงทำให้กระบวนการทำงานเดินหน้าต่อไป เพื่อนำมาใช้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการในระยะยาว วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท เดินหน้าต่อ โดยมีบางโครงการที่สามารถดำเนินการได้ทันที รัฐบาลเป็นห่วงสถานการณ์ภัยแล้ง ที่กำลังเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และไม่ต้องการเห็นปัญหาภัยแล้งซ้ำซากซ้ำเติมประชาชน เบื้องต้นรัฐบาลต้องการเห็นน้ำอุปโภคบริโภคเพียงพอ ส่วนน้ำเพื่อการเกษตรจะต้องพิจารณาตามพื้นที่

ส่วนการแก้ปัญหาในระยะยาวจะต้องมองอย่างเป็นระบบ และนำปัญหาพื้นที่แล้งซ้ำซากมาเป็นข้อมูล ในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยใช้ระบบซิงเกิลคอมมานด์ ซึ่งงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาท ในโครงการจัดการน้ำ ก็จะต้องดูทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง มาตรการระยะยาวการบริหารจัดการเรื่องน้ำจะบูรณาการทุกภาคส่วน โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการทุกกระทรวงและออกหลักการ แนวทางมาด่วนที่สุดคือการจัดระบบโซนนิ่งใหม่ พืชเกษตรอะไรที่ควรปลูกไม่ควรปลูก ซึ่งไม่ใช่การห้ามแต่เป็นทางเลือกใหม่ เราจะใช้เงินทุน เทคโนโลยีสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ดังนั้นอีก 5 ปีปะเทศไทยจะดีกว่านี้แน่นอน จะไม่เกิดปัญหา น้ำท่วม น้ำแล้งขอให้ประชาชนเชื่อมั่นและสบายใจเพราะนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทำงานเต็มที่


กำลังโหลดความคิดเห็น