ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ กำชับนายอำเภอ 25 อำเภอ เพิ่มความเข้มข้นการทำงานรับมือปัญหาหมอกควันไฟป่า โดยเฉพาะพื้นที่ Hotspot สูง 5 อำเภอ “ฮอด-อมก๋อย แม่แจ่ม เชียงดาว กัลยาณิวัฒนา” ยันนายอำเภอมีอำนาจสั่งการในพื้นที่ หากพบคนกระทำผิดจัดการได้ทันที ระบุหากรู้ว่าอำเภอไหนปล่อยปละละเลยไม่จริงจังโดนลงโทษแน่
นายอำเภอจากทั้ง 25 อำเภอ ของจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมประชุมกับนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการเชียงใหม่ เกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาหมอกควัน ในการประชุมนายอำเภอประจำเดือน มี.ค.56 ซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ (28 มี.ค.) ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้กำชับให้ทุกอำเภอดำเนินการมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งระบุว่า จะมีการลงโทษนายอำเภอหากพบว่าไม่ปฏิบัติหน้าที่ หรือปล่อยปละละเลยในเรื่องดังกล่าว
โดยในการประชุมดังกล่าว ได้มีการนำเสนอสถานการณ์ปัญหาหมอกคันไฟป่าจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ยังได้สอบถามอำเภอต่างๆ โดยเฉพาะอำเภอที่พบปริมาณจุดความร้อน หรือ Hotspot ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก โดยอำเภอแม่แจ่มได้ชี้แจงว่า พบการเผาเพิ่มขึ้นในพื้นที่ เนื่องจากประชาชนซึ่งเป็นเกษตรกรบางส่วนเกรงว่าจะเตรียมพื้นที่สำหรับการปลุกข้าวไร่ หรือข้าวโพดไม่ทัน อย่างไรก็ตาม ทางอำเภอได้พยายามป้องปรามโดยทำการปักป้ายเตือนในพื้นที่ที่มีการเผา รวมทั้งกำลังเร่งรวบรวมข้อมูลพื้นที่ทำการเกษตรของเกษตรกรซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อทำข้อตกลงเกี่ยวกับการใช้ที่ดินใหม่ โดยจะกำหนดให้ผู้ที่ใช้พื้นที่ทำกินในบริเวณที่กำหนดต้องหาวิธีกำจัดวัชพืชที่ไม่ใช่การเผา
ขณะที่อำเภออมก๋อย ได้ให้ข้อมูลว่า ตรวจพบการเผาในพื้นที่หลายจุดจริง แต่เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นพื้นที่สูงชันทำให้ยากต่อการเข้าไปดำเนินการ โดยส่วนใหญ่สาเหตุการเผาเกิดจากการทำไร้หมุนเวียนของเกษตรกรที่มีการเปลี่ยนพื้นที่ทุกปี ซึ่งหากจะแก้ไขเรื่องดังกล่าวจำเป็นจะต้องให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขา รวมทั้งหาอาชีพ หรือพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นๆ มาสนับสนุนเกษตรกรปลูกทดแทนการทำไร่
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้กำชับให้ทุกอำเภอดำเนินการมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่าให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่พบว่ามีปริมาณจุดความร้อน หรือ Hotspot รวม 5 แห่ง ได้แก่ อำเภอฮอด อำเภออมก๋อย อำเภอแม่แจ่ม อำเภอเชียงดาว และอำเภอกัลยาณิวัฒนา ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่แล้วพบ Hotspot ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์
ขณะเดียวกัน ยังได้สั่งการให้นายอำเภอซึ่งมีอำนาจในการสั่งการตามระบบซิงเกิล คอมมานด์ ดำเนินมาตรการทางกฎหมายได้ หากพบการกระทำผิด และหากพบว่านายอำเภอคนใดปล่อยปละละเลย หรือไม่เร่งดำเนินการควบคุมไฟในพื้นที่ทั้งที่มีการประสานงานมาแล้ว จะถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่ และจะมีการพิจารณาลงโทษต่อไป โดยการดำเนินการต่างๆ จะพยายามควบคุมสถานการณ์ไม่ให้ลุกลามไปถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก