ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “ปลอดประสพ” นั่งหัวโต๊ะประชุมร่วม 9 จว.เหนือ-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจงนโยบายแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน ระบุ “ยิ่งลักษณ์” เป็นห่วง-ชี้ต้อง “หยุดเผา” เด็ดขาด เผยสั่งการแบบซิงเกิลคอมมานด์ให้ กบอ.ดูภาพรวม ส่วนผู้ว่าฯ ดูทั้งจังหวัด ยันใช้กฎหมายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นเครื่องมือหลัก ตั้งเป้าทำงาน 3 เดือนพร้อมประเมินสถานการณ์ทุกสัปดาห์
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในการประชุมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ 9 จังหวัด โดยมีข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจาก 9 จังหวัดภาคเหนือ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และข้าราชการจากแต่ละจังหวัดในส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
การประชุมในครั้งนี้เป็นการชี้แจงให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในระดับจังหวัดได้รับทราบถึงนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ 9 จังหวัด ปี 2556
ในที่ประชุมได้มีการนำเสนอแนวทางการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ทั้งในส่วนของรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงแนวทางการดำเนินงานของจังหวัดต่างๆ
lนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า แนวทางการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลประกอบด้วย การทำให้ไม่เกิดการเผาในพื้นที่ การแบ่งความรับผิดชอบในการควบคุมดูแลพื้นที่ การสั่งการในระบบซิงเกิลคอมมานด์ หรือศูนย์สั่งการเบ็ดเสร็จที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายอำนวยการ โดยใช้กฎหมายและกลไกของกระทรวงมหาดไทยและพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในการควบคุมดูแล โดยมีระยะเวลาการดำเนินงานตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย.
ขณะเดียวกันจะมีการตั้งศูนย์อำนวยการส่วนหน้าขึ้นรวม 2 แห่ง ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแพร่ ภายใต้ความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อเป็นศูนย์กลางในการสั่งการ ด้านการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบดูแลนั้น กำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลภาพรวมในระดับจังหวัด พื้นที่ในเขตตัวเมืองให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เป็นผู้รับผิดชอบ
สำหรับพื้นที่ด้านการเกษตรจะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่วนพื้นที่ป่าจะเป็นหน้าที่ของกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ขณะที่ปัญหาการเผาในประเทศเพื่อนบ้านกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ดำเนินการ
นายปลอดประสพกล่าวว่า ในส่วนของพื้นที่ป่า พบว่าไฟป่าที่เกิดขึ้นนั้นมาจากการเผา 100% ดังนั้นจึงต้องแก้ปัญหาไม่ให้มีการเผาโดยให้เจ้าหน้าที่เฝ้าดูแล ซึ่งในส่วนนี้สามารถดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้ โดยอาจจ้างประชาชนในพื้นที่ให้ร่วมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อดูแลป่า หรือจ้างชาวบ้านที่แต่ละจังหวัดมีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับการเผาให้งดเว้นการเผาก็ได้
ขณะเดียวกัน การบังคับใช้กฎหมายในปีนี้จะต้องทำอย่างจริงจังและเข้มงวดเพื่อให้เป็นตัวอย่าง โดยจะดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งต้องอาศัยสื่อของรัฐในการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนว่าจะต้องงดเว้นการเผาโดยเด็ดขาด แต่ทั้งหมดนี้จะต้องดำเนินการด้วยความสุขุมรอบคอบ และปฏิบัติต่อประชาชนอย่างเหมาะสม เพราะรัฐบาลมีหน้าที่รับใช้ประชาชน ไม่ได้มาเป็นศัตรูกับประชาชน
นายปลอดประสพกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของตัวชี้วัดที่จะใช้ในการประเมินผลการทำงานนั้น จะพิจารณาจาก 1. ตำแหน่งไฟ หรือ Hot Spot ซึ่งจะตรวจสอบโดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม ซึ่งกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะเป็นผู้ดำเนินการ 2. ปริมาณค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM10 3. รายงานจำนวนผู้ป่วยจากกระทรวงสาธารณสุข 4. รายงานจำนวนโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบและต้องหยุดการเรียนการสอนจากกระทรวงศึกษาธิการ 5. รายงานการเกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากไฟป่าและหมอกควันจากกระทรวงมหาดไทย และรายงานการยกเลิกเที่ยวบินจากกระทรวงคมนาคม ซึ่งทั้งหมดจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีทุกอาทิตย์ตลอดระยะเวลาการดำเนินการ
lขณะที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญต่อการสร้างความเข้าใจในกลุ่มของข้าราชการให้เข้าใจในยุทธศาสตร์ของรัฐบาลตรงกัน พร้อมทั้งร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ตามนโยบาย 2P 2R ของรัฐบาล พร้อมทั้งเน้นการทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องงดการเผา
ส่วนนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ชี้แจงแนวทางการดำเนินงานในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้กำหนดแผนและเริ่มดำเนินการแล้ว รวมทั้งกำชับให้หน่วยงานต่างๆ ในสังกัดให้ความร่วมมือกับจังหวัดอย่างเต็มที่ โดยระบุว่าหากจังหวัดใดพบว่าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงไม่ให้ความร่วมมือในการดำเนินงานให้แจ้งมาที่ตนได้ทันที
ทั้งนี้ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญต่อปัญหาไฟป่าและหมอกควันมาก เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูและปลูกป่าเพื่อป้องกันน้ำท่วม แต่หากเกิดไฟไหม้ป่าการลงทุนที่ทำไว้ก็จะสูญเปล่า จึงได้กำชับให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องวางแผนดำเนินการ โดยเน้นหนักไปที่การป้องกันไม่ให้เกิดการเผาอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ ซึ่งตนเชื่อว่าทุกฝ่ายซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับปัญหาและมีข้อมูลที่ดีอยู่แล้ว หากสามารถดำเนินการตามนโยบายให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพได้ก็จะสามารถช่วยบรรเทาปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือทั้ง 9 จังหวัดได้