xs
xsm
sm
md
lg

พท.ปัด “นช.แม้ว” สั่งกดดัน ทำลายระบบถ่วงดุล ลดทอนอำนาจศาล รธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ (แฟ้มภาพ)
“พร้อมพงศ์” ปฎิเสธ “นช.แม้ว” บงการ ส.ส.เพื่อไทยไม่ให้ส่งคำชี้แจงการแก้ รธน.ให้ศาลฯ วินิจฉัย เผยนัดประชุมเพื่อขอมติ 30 เม.ย. คาดส่วนใหญ่จะไม่ส่งคำชี้แจง เตรียมยื่นจดหมายเปิดผนึกต้น พ.ค. สวน “มาร์ค” เลิกเสี้ยม พร้อมโต้ ปชป.เปล่ากดดัน ทำลายระบบถ่วงดุล ลดทอนอำนาจศาล รธน. เตรียมแจ้งความดำเนินคดีคน ปชป.โทร.เล่นงาน “ธาริต” หลังแจ้งข้อหาเงินบริจาคเงินเข้าพรรค ขณะเดียวกันยืนยัน พท.เปิดเวทีเดินสายแจง เงินกู้ 2 ล้านล้าน แก้ รธน. ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อชี้แจงประชาชน ไม่ได้หวังชักธงรบ

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า การประชุมของพรรคเพื่อไทยในวันที่ 30 เมษายนจะเรียกประชุมสมาชิกในสมัยปิดประชุมในเรื่องการทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยสมาชิกเสียงส่วนใหญ่ยังยืนยันจะไม่ส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งรายละเอียดจะมีการหารือในที่ประชุม

ส่วนกรณีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา และสมาชิกพรรคเพื่อไทย 20 คน จะรับคำร้องเพื่อส่งคำชี้แจง ตนขอปฏิเสธว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงอาจจะมีการพูดคุย ซึ่งข้อยุติในการส่งคำชี้แจงจะมีการหารือในที่ประชุมพรรคโดยขณะนี้เสียงส่วนใหญ่จะไม่ส่งคำชี้แจง

ทั้งนี้ การส่งจดหมายเปิดผนึกที่จะส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญและประชาชนให้รับทราบโดยมีเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกทั้งหมด 12 หน้า โดยมีเนื้อหาสำคัญอยู่หลายประการ โดยเฉพาะเรื่องที่จะมีการชี้ให้เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจรับคำร้องตามมาตรา 68 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ร่าง 4 มาตรา และที่สำคัญศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจเข้ามาแทรกแซงอำนาจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญตามบทเฉพาะกาล มาตรา 291 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อกฎหมายไม่เขียนให้อำนาจไว้ย่อมไม่มีอำนาจ

ต่อมาคือมาตรฐานการรับคดีของศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านั้น เคยวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุด ส่วนการแก้ไข มาตรา291แก้ไม่ได้ต้องแก้เป็นรายมาตรา แต่พอการแก้ไขรายมาตราก็ผิดอีก นี่จึงเป็นปัญหาของสมาชิกรัฐสภาที่มองว่าเป็นการก้าวล่วงโดยมองเห็นต่างในข้อกฎหมายที่เป็นข้อโต้แย้งตามหลักการแบ่งแยกอำนาจตามหลักนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการว่าต้องไม่ก้าวล่วงกัน

“การเห็นต่างในข้อกฎหมายที่เข้าชื่อกันทั้งหมด 312 คน ไม่ได้เป็นการกดดันศาล ผมในฐานะคนที่ลงชื่อมีความสุจริตไม่มีเหตุผลที่จะไปทำลายศาลรัฐธรรมนูญหรือจะล้มล้างศาลรัฐธรรมนูญก้าวล่วงตามที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา ว่าสมาชิกรัฐสภาจะเข้าไปล้มล้างหรือก้าวล่วง ขอยืนยันว่าไมเป็นความจริง เป็นเรื่องที่มีความเห็นต่างทางกฎหมายที่จะเขียนลงไปในเอกสารเพื่อชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญและประชาชน จึงอยากเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เลิกเสี้ยมได้แล้ว การเห็นต่างทางกฎหมายไม่ใช่เรื่องที่ฝ่ายนิติบัญญัติจะไปทำลายฝ่ายตุลาการแต่เพียงอย่างใด เป็นเพียงการชี้แจงถึงอำนาจหน้าที่และความไม่เห็นด้วยเท่านั้นเอง”

โฆษกพรรคเพื่อไทย คาดว่าที่ประชุมพรรคจะมีข้อยุติจะยื่นในต้นเดือนพฤษภาคมนี้อย่างแน่นอน ซึ่งสมาชิกเสียงส่วนใหญ่มีมติจะยื่นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ได้มีคำสั่งมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือมีคำสั่งมาจากแกนนำพรรคเพื่อไทย เพราะการเสนอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของสมาชิกนิติบัญญัติ และเชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาไม่มีใครจะไปบงการหรือไปสั่งได้ ขอให้เลิกที่จะไปกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณและถือเป็นการดูถูกดูหมิ่นน้ำใจของสมาชิกรัฐสภา

นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ระบว่ามีการกดดันการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. มีกการเคลื่อนไหวจากกลุ่มส.ส.เสียงข้างมากในสภา 2. กลุ่มคนเสื้อแดงที่ไปชุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญ 3. นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) โดยทั้ง 3 กลุ่ม มีจุดมุ่งหมาย 3 ประการได้แก่ 1. ทำลายการตรวจสอบถ่วงดุล 2. ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเปรียบเสมือนเสือกระดาษ และ 3. ขจัดศาลเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามในการใช้เสียงข้างมากลากไปนั้น ตนขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง นี่คือสิ่งที่นายองอาจบิดเบือนข้อเท็จจริงและเป็นการให้สัมภาษณ์ดูถูกดูหมิ่นสมาชิกรัฐสภา

นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า นายองอาจเป็นสมาชิกหนึ่งเสียงในฝ่ายนิติบัญญัติทำไมถึงนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นแค่เกมการเมืองในการมุ่งโจมตีบุคคลที่เป็นสมาชิกรัฐสภา 312 คน ไม่มีใครจะไปทำลายระบบถ่วงดุลหรือลดทอนอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ อยากให้นายองอาจเข้าใจว่าระบอบประชาธิปไตยฟังเสียงข้างมากแต่เสียงข้างน้อยก็รับฟัง แต่นายองอาจมีลักษณะขี้แพ้ชวนตี

โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า นอกจากนี้กรณีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปค้าน) กล่าวหาว่าขณะนี้ทางสมาชิกพรรคเพื่อไทยจะไม่ยื่นคำให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยมองว่าจะใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ตนมองว่าเป็นการจิตนาการวันนี้ไม่ใครใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ทุกคนไทยอยู่ใต้กฎหมายเดียวกันตามที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวไว้ โดยสมาชิกรัฐสภาใช้สิทธิ์ในการยื่นจดหมายเปิดผนึกถือว่าเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงการไม่ส่งคำชี้แจงเป็นสิทธิในการเห็นต่าง ตนอยากให้นายจุรินทร์เข้าใจใหม่แล้วเลิกบิดเบือนข้อเท็จจริงเหล่านี้และทำให้ประชาชนสับสน

นายพร้อมพงศ์ยังกล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย ไปเปิดเวทีผ่าความจริงที่บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยระบุถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่กดดันศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงมองว่ายังมีตุลาการถูกคุมคาม ตนขอยืนยันว่าไม่มีใครไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญเราเพียงทำหน้าที่ในการตรวจสอบ

ส่วนกรณีทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งข้อกล่าวหานายชวนในกรณีเงินบริจาคให้กับพรรคประชาธิปัตย์ นายชวนกลับเลื่อนไม่ไปด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบ และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ถูกแกนนำพรรคประชาธิปัตย์โทรไปกดดันว่าแจ้งข้อหานายชวนกับแกนนำพรรคได้อย่างไร เพราะข้อเท็จจริงเป็นเรื่องข้อเทคนิคทางกฎหมาย ตนอยากเรียกร้องให้นายชวนรับทราบข้อกล่าวหาและพิมพ์ลายนิ้วมือที่ดีเอสไอได้แล้ว เพราะนี้คือการกดดันกระบวนการยุติธรรมที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จะฟ้องกลับนายธาริตที่แจ้งข้อกล่าวหากรณีบริจาคเงิน 44 คน ว่าผิดตาม มาตรา 157 ซึ่งตนเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการกดกันกระบวนการยุติธรรม และตนจะรวบรวมหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีโดยนำนายธาริตเป็นพยานว่าใครโทรถ้าเป็นจริงหน้าด้านที่สุด ทั้งนี้ นายชวนควรกลับสอบสวนว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์คนใดโทรไปกดดันนายธาริต ตนอยากให้สังคมเห็นว่าใครกันแน่กดดันกระบวนการยุติธรรม

นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงการที่พรรคเพื่อไทยออกเดินสายโดยใช้เวที “พรรคเพื่อไทยเพื่ออนาคตประเทศไทย” เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในหลายๆพื้นที่ว่า การจัดเวทีดังกล่าวนี้ ก็ถูกโจมตีว่าเป็นการเดินสายของพรรคเพื่อเตรียมต่อสู้ทางการเมืองหรือเป็นการชักธงรบเพื่อเตรียมพร้อมในการเปิดศึกนั้น พรรคเพื่อไทยขอปฏิเสธและยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พรรคเพื่อไทยไม่ได้จัดเวทีเพื่อเตรียมความพร้อมในการสู้ศึกทางการเมือง แต่การจัดเวทีพรรคเพื่อไทยเพื่ออนาคตประเทศไทยในการเดินสายทำความเข้าใจกับประชาชนในช่วงปิดสมัยประชุมสภา 3 เดือน ก็เพื่อชี้แจงการทำงานของพรรคเพื่อไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่ารัฐบาลได้ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง

นอกจากนี้ยังจะไปชี้แจงถึงกฎหมายสำคัญที่มีการเสนอสภา ก็คือ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนอย่างไรในการสร้างอนาคตของประเทศอย่างไร และการชี้แจงประชาชนเรื่องการแก้ไขกฎหมายร่างรัฐธรรมนูญทั้ง3 ร่างว่ามีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขเพื่อนำประชาธิปไตยคืนสู่ประชาชน และให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยที่สากลที่ทั่วโลกยอมรับ รวมถึงการชี้แจง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่าเป็นการแก้ปัญหาให้กับประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบของประชาชนไม่ว่าจะสีไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์เพื่อจะลดความขัดแย้งและนำไปสู่ความปรองดองและความสามัคคีในชาติคือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงไว้ และที่สำคัญการออกไปพบประชาชนในครั้งนี้ยังเป็นการไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยแล้ง หรือราคาพืชผลทางการเกษตร และปัญหาต่างๆ ที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ไขด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น