xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ตำหนิ “โภคิน” ดื้อค้านอำนาจศาล รธน.-เตือน รบ.แสดงจุดยืนพระวิหารสอดคล้องทีมทนายไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (ภาพจากแฟ้ม)
“อภิสิทธิ์” ร่ายยาวขอบคุณคนเชียงใหม่ สนับสนุน ปชป.เพิ่มขึ้น ตำหนิ “โภคิน” ออกโรงค้านอำนาจศาล รธน.เพิ่มขัดแย้งนิติบัญญัติ-ตุลาการ เตือนรัฐบาลแสดงจุดยืน ผ่านการประชุมมรดกโลกให้สอดคล้องกับการต่อสู้ของทีมทนายไทย วอน “อ้ายปึ้ง” เลิกพูดยอมรับความพ่ายแพ้ เดินหน้ารักษาประโยชน์ชาติ เผย 44 ส.ส.ปชป.ไม่กังวล ดีเอสไอเรียกรับทราบข้อกล่าวหา

วันนี้ (22 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณชาวเชียงใหม่ที่สนับสนุนนางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 3 จังหวัดเชียงใหม่ แม้ว่าพรรคจะไม่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ในช่วงการรณรงค์ก็ได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น แม้คะแนนจะเพิ่มขึ้นมาน้อยไม่เป็นไปตามเป้าที่อยากให้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้ แต่ก็ต้องแสดงความขอบคุณที่ชาวเชียงใหม่ยังเปิดโอกาสให้พรรคในระดับหนึ่ง ซึ่งพรรคจะทำงานหนักขึ้น เพื่อหาแนวทางในการอธิบายข้อเท็จจริงกับประชาชนและขอโอกาสมากขึ้น เนื่องจากผลการเลือกตั้งที่ออกมาฝ่ายพรรคเพื่อไทยก็ได้คะแนนถอยร่นตามลำดับ

“เรารู้ดีว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ยากมากที่จะได้รับชัยชนะ เนื่องจากในการเลือกตั้งใหญ่พรรคแพ้อยู่ประมาณเกือบ 4 เท่า ตอนนี้ก็พยายามเพิ่มเสียงสนับสนุน ประกอบกับการรณรงค์ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มีระยะเวลาสั้นเพียงแค่ 19 วัน แต่ก็ทำให้เห็นลู่ทางมากขึ้น ซึ่งพรรคต้องทำงานต่อเนื่องโดยไม่ทิ้งพื้นที่ไหนทั้งสิ้นเพราะถือว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคของคนทั้งประเทศ พื้นที่ไหนที่ยังไม่สนับสนุนไม่เข้าใจพรรค เราก็มีหน้าที่เข้าไปหาทำความเข้าใจให้มากขึ้น” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายโภคิน พลกุล ประธานคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมมาตรา 291 เตรียมออกจดหมายเปิดผนึกค้านอำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่รับคำร้อง เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ว่า ทุกคนมีขอบเขตอำนาจหน้าที่ของตนเอง ศาลรัฐธรรมนูญก็มีหน้าที่เฉพาะในการดูแลพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ซึ่งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่มีผู้ไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญก็มีการยกคำร้องไปแล้ว เพียงแต่ชี้ประเด็นว่าควรจะเป็นอย่างไรเท่านั้น และครั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งจะรับคำร้องไว่แต่กลับรีบมีการคัดค้านแล้ว จะเป็นการเพิ่มความขัดแย้งระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการมากขึ้น ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องการที่จะผลักดันไปสู่เป้าหมายที่คือให้ทุกฝ่ายต้องอยู่ภายใต้ฝ่ายบริหารถือไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย จึงคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่เป็นความพยายามที่จะนำไปสู่การล้มอำนาจตุลาการ เพราะมีการท้าทายอำนาจตุลาการถือเปนเรื่องที่อันตราย

ส่วนความเป็นไปได้ที่จะมีการยุบสภาหากแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จตามความประสงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นเปนเรื่องที่ตอบยาก แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยดำรงอยู่เพียงเพื่อเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น ส่วนจะเป็นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความมั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้งจึงนำเรื่องการยุบสภามาเป็นเงื่อนไขสุดท้ายหรือไม่นั้น ตนอยากให้มองว่าในการเลือกตั้งซ่อมที่เชียงใหม่ก็มีการตั้งเป้าว่าจะได้คะแนนเป็นแสนเพื่อสร้างความชอบธรรมด้วยซ้ำ แต่ผลก็ไม่ได้ออกมาอย่างนั้น

สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อยู่ในระหว่างการแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากนับวันแปรญัตติ 15 วัน ตามที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภากำหนดให้นับตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2556 ก็ครบกำหนดแล้ว แต่ตนยังไม่ได้ตรวจสอบว่ามียอด ส.ส.แปรญัตติกี่คน และมีใครจะแปรญัตติหลังจากนี้อีกหรือไม่ เพราะอาจมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับกระบวนการในส่วนนี้ เนื่องจากบางส่วนเห็นว่าควรนับวันแปรญัตติจากวันที่มีการประชุมรัฐสภาวันที่ 18 เมษายน 2556 ที่มีการลงมติในญัตติแปรญัตติ 60 วัน หลังจากที่ญัตตินี้ค้างอยุ่เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบจากการประชุมในวันที่ 4 เมษายน จึงคิดว่าอาจจะมีปัญหาตามมาแต่คงต้องดูก่อนว่าจะมีช่องทางในการโต้แย้งอย่างไร เพราะเป็นเรื่องข้อบังคับเป็นหลัก ทั้งนี้ในส่วนของตนได้แปรญัตติเกี่ยวกับมาตรา 190 แล้ว โดยตนยืนยันว่าข้อตกลงที่มีผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม อย่างกว้างขวางต้องผ่านกระบวนการของสภา เพียงแต่ทำกระบวนการให้มีความกระชับขึ้นเท่านั้น

ส่วนการเตรียมการของรัฐบาลเกี่ยวกับการสู้คดีปราสาทพระวิหาร หลังจากการแถลงด้วยวาจาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศของทั้งไทยและกัมพูชาเสร็จสิ้นไปแล้วว่า นอกจากรอคำตัดสินจากศาลแล้วรัฐบาลต้องติดตามการกระทำอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย อย่าคิดว่าเมื่อแถลงต่อศาลจบแล้วจบไปเฉยๆ เพราะคงมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องหลายเรื่อง เช่น มรดกโลกที่รัฐบาลต้องยืนยันว่าไม่สมควรมีการดำเนินการอะไรเพิ่มเติมจนกว่าอย่างน้อยที่สุดมีความชัดเจนจากศาล และคนไทยก็มีสิทธิแสดงออกว่าติดตามคดีนี้ด้วยความสนใจ ห่วงใยในผลประโยชน์ของประเทศ ต้องการให้ศาลตัดสินอย่างเป็นธรรม ไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาใหม่

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่าจุดยืนของรัฐบาลจะต้องสอดคล้องกับจุดยืนของทีมกฎหมายไทยในการต่อสู้คดีในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศก็จะเป็นการเพิ่มน้ำหนัก แต่ถ้าไปทำอะไรที่ขัดแย้ง หรือสวนทางกับการต่อสู้คดีในศาลก็จะลดความน่าเชื่อถือของฝ่ายไทย ดังนั้นรัฐบาลต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าสนับสนุนแนวทางการต่อสู้ที่ได้ดำเนินการไปแล้วอย่างเต็มที่ และจะทำทุกอย่างเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการต่อสู้นั้น และเห็นว่าในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่จะมีขึ้นรัฐบาลต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในแนวทางเดียวกับที่ต่อสู้คดีด้วย โดยในส่วนของกัมพูชาก็ควรเคารพกระบวนการพิจารณาของศาลเพราะเป็นฝ่ายที่เอาเรื่องขึ้นไปที่ศาลโลกก็ควรรอให้เรื่องต่างๆ มีข้อยุติที่ชัดเจนก่อน ส่วนการพิจารณาในกรรมการมรดกโลกจะมีผลผูกพันกับการตัดสินของศาลโลกมากน้อยแค่ไหนนั้น ตนคิดว่าศาลโลกคงต้องฟังจากข้อต่อสู้ในสำนวน แต่ถ้ามีเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น ต้องไม่ลืมว่าศาลโลกต้องการตัดสินเพื่อให้ได้ข้อยุติในทางปฏิบัติด้วย หากท่าทีของประเทศไทยไม่ชัดเจนในเรื่องมรดกโลกและไม่สอดคล้องกับการต่อสู้ก็จะลดความน่าเชื่อถืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะอยู่นอกสำนวนก็ตาม

สำหรับกรณีที่พรรคเพื่อไทย ชู นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าจะเป็นผู้นำในการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารกับกัมพูชานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากจะเป็นผู้นำในเรื่องนี้ก็ต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนให้สอดคล้องกับแนวทางการต่อสู้ที่ผ่านมา ซึ่งคนไทยก็ได้รับรู้แนวทางการต่อสู้ที่แหลมคม ชัดเจนแล้ว โดยในส่วนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ต้องยืนยันว่าเราไม่ต้องการสร้างปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่การอยู่ด้วยกันต้องเคารพในเรื่องสิทธิซึ่งกันและกัน เพราะไทยก็ต่อสู้ตามสิทธิของตัวเอง ส่วนที่ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังการแถลงด้วยวาจาของสองประเทศต่อศาลโลกจบลงว่า หากไทยแพ้ก็ยอมรับได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในเวลานี้ไม่จำเป็นต้องแสดงออกอะไรเลย ขอให้ทุกคนสนับสนุนแนวทางการต่อสู้จะดีที่สุด

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเปิดเผยว่า ในวันนี้ได้มีการเรียกประชุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ 44 ราย ที่ ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ มีหนังสือเรียกให้ ไปรับทราบข้อกล่าวหาว่ากระทำผิด พ.ร.บ.พรรคการเมืองปี 2550 กรณีบริจาคเงินเข้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยได้หารือถึงการเตรียมตัว และนัดหมายให้ทุกคนมาพร้อมเพรียงกันณที่ทำการพรรคในวันพรุ่งนี้ เวลา 8 นาฬิกา เพื่อเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สำนักงานดีเอสไอ เพื่อแสดงพลังความเป็นหนึ่งเดียวกัน

ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (23 เม.ย) ส.ส.ของพรรคประมาณ 10 กว่าคนจะเดินทางไปที่ดีเอสไอก่อน เพราะคนอื่นยังติดภารกิจอยู่ โดยเห็นว่าไม่มีอะไรน่ากังวล แต่คนที่ทำสำนวนต้องทบทวนดู เพราะ ส.ส.ของพรรคก็เห็นตรงกันว่าออกไปในทางกลั่นแกล้ง และอาจต้องมีการใช้สิทธิทางกฎหมายเพื่อฟ้องกลับด้วย โดยสามารถดำเนินการได้ทันทีหลังจากมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพราะถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว ส่วนใครจะใช้สิทธิบ้างยังไม่ได้คุยในรายละเอียด

ส่วนกรณีที่ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่ามีผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์โทรศัพท์ไปข่มขู่ดีเอสไอในคดีนี้นั้น นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า ข่มขู่เรื่องอะไร ไม่มี ไปเอามาจากไหน อย่างไรก็ตามตนไม่แปลกใจกับการที่ดีเอสไอแจ้งข้อหา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เพราะทุกอย่างเป็นขบวนการเดียวกัน ซึ่งตนเคยพูดแล้วว่าจะมีการใช้กลไกของรัฐกดดันพรรคเพื่อให้เข้าร่วมวงในเรื่องนิรโทษกรรม ตนขอยืนยันอีกครั้งว่าคิดอย่างนี้ไม่รู้จักไม่เข้าใจจุดยืนพรรค ไม่มีผลกระทบอะไรต่อความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคเพราะจุดยืนพรรคมีความมั่นคง และเชื่อว่าคงมีการเรียกพวกตนไปดีเอสไออีกหลายคดี จึงอยากเตือนเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ตามกฎหมายว่า หากไม่ทำตามกฎหมายในที่สุดจะต้องรับผิดชอบ เพราะคนที่สั่งเขาไม่รับผิดชอบด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น