xs
xsm
sm
md
lg

โพล ชี้ ปชช.ปลื้มทีมสู้คดีพระวิหาร หวั่นเสียดินแดน ส่วนใหญ่เชื่อไทยได้เปรียบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(แฟ้มภาพ)
ดุสิตโพล เผยผลสำรวจหลังศึกชิงดำคดีพระวิหารในศาลโลก เกินครึ่งชมทีมทนาย แจงข้อมูลแน่น ประทับใจ “ทูตวีรชัย-อลินา” และทีมงาน แต่หนักใจกลัวเสียดินแดนแก่เขมร ขณะที่ส่วนมากยังคิดไทยได้เปรียบ เพราะเชื่อมั่นทนาย-หลักฐาน ไม่แน่ใจรองลงมา อ้างอยู่ที่ศาลฟันธง ฝาก รบ.ปกป้องผลประโยชน์ชาติ แนะฝ่ายค้านจับมือ รบ.สู้

วันนี้ (21 เม.ย.) “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นในหัวข้อ “การแถลงด้วยวาจาของไทยต่อศาลโลก กรณี ข้อพิพาทปราสาทเขาพระวิหาร” ซึ่งหลังจากที่ทีมทนายความฝ่ายไทยได้ให้ถ้อยแถลงทางวาจาต่อศาลโลกเป็นรอบสุดท้าย โดยชี้ให้เห็นว่า ศาลไม่มีอำนาจในการตีความเขตแดน เนื่องจากกัมพูชาไม่มีเหตุผลที่มีน้ำหนักพอในการร้องขอให้ศาลตีความ อีกทั้งเห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากความพยายามของกัมพูชาที่ต้องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว จึงไม่ชัดเจนในคำขอของกัมพูชา ซึ่งไทยก็ใช้สิทธิปกป้องตนเองตามหลักสากล และเพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่มีความเป็นห่วง และกังวลในเรื่องนี้ จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศที่สนใจติดตามข่าวดังกล่าว จำนวนทั้งสิ้น 1,710 คน ระหว่างวันที่ 18-20 เมษายน 2556 สรุปผลได้ดังนี้

เมื่อถามว่าประชาชนคิดอย่างไร? กรณี การแถลงด้วยวาจาของไทยต่อศาลโลกกรณี ข้อพิพาทปราสาทเขาพระวิหาร อันดับ 1 ร้อยละ 58.05 ระบุว่ารู้สึกชื่นชมทีมทนายความของไทยที่เตรียมการมาอย่างดี สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้อย่างชัดเจน และตรงประเด็น อันดับ 2 ร้อยละ 26.44 ระบุว่า หวังว่าการแถลงครั้งนี้จะทำให้ผลการตัดสินเป็นไปด้วยความถูกต้องยุติธรรม และไทยไม่เสียประโยชน์ให้แก่กัมพูชา อันดับ 3 ร้อยละ 15.51 ระบุว่า เป็นเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทั้งคนไทย และต่างชาติให้ความสนใจ และขอส่งกำลังใจให้แก่ทีมทนายความของไทยด้วย

ต่อคำถามว่า สิ่งที่ประชาชนชื่นชอบ/ประทับใจ จากการแถลงครั้งนี้ อันดับ 1 ร้อยละ 42.37 เห็นว่าท่านทูตวีรชัย ในฐานะหัวหน้าทีมทนายความของไทย น.ส.อลินา และทีมงานทุกคน อันดับ 2 ร้อยละ 35.59 เห็นว่าการเตรียมพร้อมด้านข้อมูล เอกสารหลักฐาน แผนที่ประกอบการชี้แจงที่ชัดเจน อันดับ 3 ร้อยละ 22.04 เห็นว่าความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย และประชาชนคนไทยที่ต้องการจะปกป้องสิทธิประโยชน์ของประเทศไทย

ส่วนคำถามว่า สิ่งที่ประชาชนหนักใจจากการแถลงครั้งนี้ อันดับ 1 ร้อยละ 40.20 มองว่ากลัวประเทศไทยจะเสียเปรียบ และเสียพื้นที่ให้กับกัมพูชา อันดับ 2 ร้อยละ 31.66 มองว่าความเจ้าเล่ห์ ไม่ตรงไปตรงมา/ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้พื้นที่ที่ต้องการของกัมพูชา อันดับ 3 ร้อยละ 28.14 มองว่าเหตุการณ์ครั้งนี้อาจกลายเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา รวมถึงประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่คำถามที่ว่า จากการแถลงครั้งนี้ประชาชนคิดว่าฝ่ายไหนได้เปรียบเสียเปรียบมากกว่ากัน? อันดับ 1 ร้อยละ 36.76 เชื่อว่าไทยได้เปรียบมากกว่า เพราะดูจากการแถลงของทีมทนายฝ่ายไทยสามารถชี้แจงประเด็นต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ตรงประเด็น การเตรียมพร้อมด้านข้อมูล เอกสารหลักฐานประกอบต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ ฯลฯ อันดับ 2 ร้อยละ 31.25 ระบุว่า ไม่แน่ใจ เพราะขึ้นอยู่กับการตัดสินของศาลโลก และการนำถ้อยแถลงของทั้ง 2 ฝ่ายไปพิจารณา อาจมีปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญ และมีผลต่อการตัดสินคดี ฯลฯ อันดับ 3 ร้อยละ 17.65 ระบุว่า ไม่ได้เปรียบเสียเปรียบพอๆ กัน เพราะต่างฝ่ายต่างมีเหตุผล และมีการนำเอกสารหลักฐานต่างๆ มาชี้แจงเพื่อปกป้องและรักษาสิทธิของตนเอง ฯลฯ และอันดับ 4 ร้อยละ 14.34 เชื่อว่ากัมพูชาได้เปรียบมากกว่า เพราะกัมพูชาหยิบยกประเด็นเรื่องความไม่สงบสุขมาเป็นเครื่องต่อรองในเรื่องนี้ ฯลฯ

และคำถามที่ว่า สิ่งที่ประชาชนอยากฝากบอกนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ในกรณีการแถลงด้วยวาจาของไทยต่อศาลโลกกรณีข้อพิพาทปราสาทเขาพระวิหาร โดยสิ่งที่ประชาชนอยากฝากบอกนักการเมือง “ฝ่ายรัฐบาล” คือ อันดับ 1 ร้อยละ 58.72 ระบุว่าจะต้องปกป้องผลประโยชน์ และศักดิ์ศรีของประเทศชาติเป็นสำคัญ ให้การสนับสนุนและร่วมมือกับทุกฝ่ายที่จะเป็นประโยชน์ในเรื่องนี้ อันดับ 2 ร้อยละ 25.53 ระบุว่า รัฐบาลจะต้องสั่งการ หรือขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีต้องการเอกสาร ข้อมูลเพิ่มเติม และให้อิสระในการทำงานอย่างเต็มที่ อันดับ 3 ร้อยละ 15.75 ระบุว่า เผยแพร่ข่าวสารความคืบหน้าของคดีนี้ให้ประชาชนได้รับรู้ และจะต้องไม่ปกปิด หรือบิดเบือนข้อมูลข้อเท็จจริงต่อประชาชน

ด้านสิ่งที่ประชาชนอยากฝากบอกนักการเมือง “ฝ่ายค้าน” คือ อันดับ 1 ร้อยละ 60.00 เสนอว่า ให้ความร่วมมือ คำปรึกษาแนะนำแก่รัฐบาลในเรื่องที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ อันดับ 2 ร้อยละ 29.73 เสนอว่า ไม่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองหรือหาประโยชน์/ไม่ค้านทุกเรื่อง อันดับ 3 ร้อยละ 10.27 เสนอว่า ทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ดี คอยตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล


กำลังโหลดความคิดเห็น