“ชวนนท์” มั่นใจทีมสู้คดีพระวิหาร ตอกเขมรพยายามลักไก่มั่วครองพระวิหารหวังรวบพื้นที่ต่อ แต่แผนที่ไม่เอื้อต้องลงนาม MOU 43 บี้ โต้เป็นทางการไม่เคยรุกรานเขมร หวั่นศาลคล้อยตาม ปัดพูด “นพดล” รับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 แต่ไปเซ็นแถลงการณ์ส่อสละเส้นสันปันน้ำ ไล่ไปสู้คดีขายชาติให้เขมร ทึ่งเคยแกล้ง “ทูตวีรชัย” ตอนนี้กลับด้านเกาะกระแส
วันนี้ (19 เม.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่าตนมั่นใจในทีมทนายฝ่ายไทยในการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารที่ศาลโลก เพราะมีความชัดเจนในการตอบโต้ประเด็นของกัมพูชาทุกเรื่อง ส่วนที่กัมพูชาโต้แย้งด้วยการพยายามอ้างความถูกต้องของแผนที่ภาคผนวก 1 หรือแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ด้วยการลักไก่ว่าศาลยอมรับแผนที่ดังกล่าวในการตัดสินคดีปี 2505 แต่ไทยยืนยันว่าการพิจารณาคดีดังกล่าวไม่มีการรับรองหรือตัดสินเขตแดนสองประเทศ ซึ่งไทยต้องตอกย้ำเพิ่มเติมเพราะศาลจะพิจารณาข้อเท็จจริงจากฝั่งไทยในวันนี้ด้วย
นอกจากนี้ กัมพูชาพยายามขยายคำพิพากษาของตนเองในปี 2505 เพราะศาลตัดสินเฉพาะอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร แต่ไม่ได้รับรองแผนที่ โดยกัมพูชาพยายามตีความว่าศาลรับรองแผนที่แล้วซึ่งเป็นความเท็จ ในขณะที่กัมพูชาตอบคำถามไม่ได้ว่าจะสามารถนำแผนที่ดังกล่าวไปถ่ายทอดในพื้นที่จริงได้อย่างไร เพราะความหยาบของแผนที่ทำให้มีความคลาดเคลื่อนอย่างมาก จึงเชื่อว่าศาลจะมองเห็นในประเด็นที่ฝ่ายไทยชี้ให้เห็นเพราะแผนที่ไม่มีความสมบูรณ์ทำให้กัมพูชาลงนามในเอ็มโอยู 43 เพื่อทำหลักเขตแดนร่วมกัน เป็นเครื่องยืนยันว่ากัมพูชายอมรับว่าไม่สามารถจัดทำหลักเขตแดนจากแผนที่ภาคผนวก 1 ได้จึงต้องมาลงนามร่วมกับไทยผ่านกลไกทวิภาคีในการเจรจา
ส่วนกรณีที่กัมพูชาพยายามอ้างว่าประเทศไทยรุกรานอธิปไตยกัมพูชาก่อนนั้น ไทยต้องประท้วงสิ่งที่กัมพูชาพูดอย่างเป็นทางการ ไม่ให้กัมพูชานำเรื่องเท็จไปใช้ประโยชน์ในเวทีโลก และเพื่อยืนยันว่าฝั่งกัมพูชาเป็นผู้เริ่มใช้อาวุธ สิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการยืนยันกับศาลว่ากัมพูชามีเจตนาสร้างความวุ่นวายเนื่องจากมีเจตนาที่จะยกระดับปัญหาไปสู่ศาลโลก หากไทยไม่ประท้วงจะถูกหยิบยกไปใช้ในเวทีระดับโลกได้ทุกเมื่อ จึงอยากให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยืนยันความถูกต้องของไทยทุกครั้งไม่ว่าจะมีการปะทะกันในบริเวณใดก็ตาม
ส่วนกรณีที่นายนพดลโต้แย้งว่าแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาเป็นผลดีต่อประเทศนั้น ความจริงคือ แถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวของกัมพูชา และทนายกัมพูชานำไปกล่าวอ้างในศาลว่ารัฐบาลไทยในอดีตมีความสัมพันธ์อันดียินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ส่วนที่บอกว่าตนไปบอกว่านายนพดลไปเซ็นยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 นั้นตนไม่เคยพูด แต่บอกว่าทนายความกัมพูชาระบุว่าแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวไม่โต้พูดถึงเส้นสันปันน้ำที่ไทยยืนยัน เหมือนกับไทยจะสละเส้นสันปันน้ำ
“ผมไม่อยากโต้แย้งเพราะนายนพดลไม่มีสถานะเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาปราสาทพระวิหาร สิ่งที่นายนพดลควรทำมากที่สุดคือเอาเวลาไปคิดแก้ข้อกล่าวหาที่ ป.ป.ช.ฟ้องนายนพดลไปยังศาลฎีกาฯ เพราะผมเอานายนพดลเข้าคุกไม่ได้ แต่ศาลเอานายนพดลเข้าคุกได้ เพราะคำร้องของ ป.ป.ช.ข้อ 6 ระบุชัดว่า นายนพดลเอาใจฝักใฝ่ในผลประโยชน์ประเทศกัมพูชายิ่งกว่าผลประโยชน์ประเทศไทย นั้นเป็นสิ่งที่ก็ต้องให้กำลังใจนายนพดลไปต่อสู้ในศาล เพราะคงปรึกษาใครไม่ได้เนื่องจากเป็นคนเดียวที่โดนข้อหานี้” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นายชวนนท์กล่าวด้วยว่า รู้สึกทึ่งในความกล้าของนายนพดลที่ออกมาโหนกระแสผลงานของนายวีรชัย พลาศรัย ในการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร โดยอยากให้ไปถามข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศว่านายนพดลเคยทำอะไรไว้กับทูตวีรชัย เพราะมีการย้ายจากอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ไปเป็นเอกอัครราชทูตประจำกระทรวงและที่ปรึกษากฎหมาย ทั้งที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือยืนยันการทำหน้าที่ของทูตวีรชัย และข้าราชการแทบจะประท้วงกันทั้งกระทรวงในขณะนั้น ยังกล้ามาตีกินผลงานของทูตวีรชัยและยังกล้าอ้างว่าที่ย้ายนายวีรชัยเพื่อให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า ตนรู้สึกเหลือเชื่อกับพฤติกรรมของนายนพดล