โฆษก ปชป.ให้กำลังใจทีมสู้คดีพระวิหาร ชี้ รบ.ยังมึน แนะนายกฯ แสดงจุดยืน ตอกเขมรมั่วขึ้นทะเบียนปราสาท เพื่อฮุบแผ่นดินไทย ยัน รบ. “มาร์ค-สุรยุทธ์” ยังค้าน บี้หักล้างแถลงการณ์ยุค “แม้ว-หมัก” เหตุเข้าทางเขมรอ้างไทยสละสิทธิเส้นสันปันน้ำ ย้ำ MOU43 อาวุธเด็ด ปลุก “ปู” รักษาความสัมพันธ์เพื่อนบ้าน แต่ห้ามขายชาติ
วันนี้ (17 เม.ย.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวให้กำลังใจทีมกฎหมายไทยในการสู้คดีปราสาทพระวิหารในศาลยุติธรรมระหว่างประเทศและแสดงความมั่นใจในความสามารถของทีมกฎหมายไทย ซึ่งฝ่ายไทยจะแถลงด้วยวาจาในวันนี้ โดยเชื่อว่าถ้ารัฐบาลจริงจังและจริงใจในการต่อสู้ผลที่ออกมาน่าจะเป็นที่พอใจของประเทศไทย ทั้งนี้เห็นว่าในช่วงสองวันที่ผ่านมาแม้รัฐบาลจะทำเหมือนให้การสนับสนุนทีมไทย แต่มีหลายประเด็นยังไม่มีการแสดงจุดยืนจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คือ กรณีที่มีปัญหาการขยายขอบเขตคำพิพากษาโดยกัมพูชาพยายามอ้างสิทธิครอบครองพื้นที่ประเทศไทยเกิดจากการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ทำให้มีความพยายามเอาพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกด้วย ทั้งที่ศาลไม่เคยกำหนดให้เป็นไปตามแผนที่ของกัมพูชา แต่กลับมีการใช้กระบวนการมรดกโลกมาลักไก่เพื่อเอาพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรไปครอบครอง ในขณะที่รัฐบาลไทยยังมีท่าทีที่สับสน โดยขอยืนยันว่าพรรคไม่สนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว เช่นเดียวกับรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็มีการคัดค้านเรื่องนี้
นายชวนนท์กล่าวว่า ทนายกัมพูชาระบุในการแถลงด้วยวาจาต่อศาลฯว่า รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สนับสนุนจนกระทั่งสำเร็จในสมัยรัฐบาลสมัคร ผ่านการลงนามแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ที่ระบุในข้อ 1 ว่าไทยสนับสนุนให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องมีความชัดเจนว่าสนับสนุนเรื่องนี้หรือไม่ เพราะมีแต่รัฐบาลที่มีรากฐานจาก พ.ต.ท.ทักษิณเท่านั้นที่สนับสนุนเรื่องนี้ ซึ่งตนไม่มีเจตนาที่จะนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นการเมืองแต่มีความจำเป็นที่รัฐไทยต้องยืนยันในเรื่องนี้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ เพราะทนายความกัมพูชาได้หยิบยกแถลงการณ์ดังกล่าวมาอ้างว่า แผนที่ที่แนบในแถลงการณ์ร่วมฯ ไม่มีการระบุถึงเส้นสันปันน้ำที่ประเทศไทยยึดถือมาโดยตลอด เป็นจุดโหว่ที่กัมพูชานำมาอ้างเหมารวมว่าไทยสละสิทธิเส้นสันปันน้ำ ดังนั้น รัฐบาลต้องหักล้างประเด็นแถลงการณ์ร่วมให้หมดสิ้นไป ไม่เช่นนั้นจะถูกนำมาอ้างว่าไทยสละสิทธิเรื่องสันปันน้ำ และควรใช้เอ็มโอยู 43 ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชายังไม่ทราบเส้นเขตแดนระหว่างสองประเทศที่ถูกต้อง จึงตกลงที่จะลงนามในเอ็มโอยู 43 เพื่อจัดทำหลักเจตแดนใหม่ เพราะถ้ามีความชัดเจนแล้วคงไม่ลงนามในเอ็มโอยู 43 เป็นอาวุธสำคัญที่ไทยจะใช้สู้ในศาลโลกได้ แม้หลายฝ่ายจะโจมตีว่าเอ็มโอยู 43 ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 นั้นไม่จริง เพราะถ้ายอมรับคงไม่ต้องมีการเจรจา ซึ่งจะเป็นสิ่งที่นำเสนอต่อศาลได้ว่าเส้นเขตแดนอยู่ในระหว่างการเจรจาระดับทวิภาคี
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังเตือนสติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่พูดพลายครั้งเรื่องการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่า คนไทยอยากเห็นความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศแต่ต้องไม่แลกด้วยอธิปไตย แผ่นดิน หรือทรัพยากรของประเทศไทย ต้องไม่แลกมาด้วยสิ่งที่บรรพบุรุษปกป้อง โดยจะต้องยึดถือในเรื่องเหล่านี้