พท.เงิบคาสภา ศาล รธน.รับคำร้อง “สมชาย-สุนัย” ขึ้นปมสไกป์ รื้อมุกเอาคืน

“วรชัย” จ้อสภา ศาล รธน.ไม่รับคำร้อง “สมชาย” แก้ ม.68 ขัด รธน.แต่เฮเก้อ “บุญยอด” ตอกกลับมีมติ 3 ต่อ 2 รับ “จิรายุ” โชว์นิสัย บอกเรื่องไม่จำเป็น เจอโต้กลัวความจริง “นิคม” รีบตัดบท แถมรับไม่ได้ “ไพบูลย์” ชี้พวกลงชื่อแก้ รธน.3 ฉบับขัด รธน.“วัชระ” อัดปากแบบนี้ถึงถูกปลด “สุนัย” ขอ ส.ว.อย่ายุ่ง ส.ส.แต่หลุดเองเหตุจี้ใจดำ 7 องค์กรตั้ง ส.ว.สรรหา ดีกว่า 1 สไกป์ แกว่งปากหาผมหงอกอยู่เบื้องหลัง

วันนี้ (3 เม.ย.) เมื่อเวลา 16.00 น.ในระหว่างการประชุมรัฐสภา วาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) ทั้ง 3 ฉบับ ขณะที่ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย อภิปรายอยู่นั้น นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าตนได้รับแจ้งมาว่าคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว และมีมติไม่รับพิจารณาคำร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 68 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ที่ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา เสนอ ซึ่งหลังจากที่นายวรชัย แจ้งที่ประชุมทำให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ส่งเสียงเฮด้วยความดีใจ

อย่างไรก็ตาม หลังจากสมาชิกรัฐสภาได้อภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไปจนถึงเวลา 17.10 น.นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้แจ้งที่ประชุมทราบว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 3 ต่อ 2 รับคำร้องของนายสมชาย ที่ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กลับลุกขึ้นประท้วงว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องแจ้งต่อที่ประชุม ทำให้นายบุญยอด ตอบโต้ว่าการแจ้งข่าวสารที่ถูกต้องเป็นประโยชน์ แต่การที่ขัดขวางการกระทำของตนนั้น หรือว่าพรรคเพื่อไทยกลัวความจริง ซึ่งก็ทำให้ นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมอยู่ในขณะนั้นได้ตัดบท โดยให้มีการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป

จากนั้น นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา และแกนนำ 40 ส.ว.ได้ลุกขึ้นอภิปรายพาดพิงไปถึงผู้ที่ลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ ว่า เป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ ซึ่ง นายจิรายุ ก็ได้ประท้วงว่า เป็นการพูดโกหก และทำให้ นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นประท้วงและกล่าวหานายจิรายุว่า ที่พูดอย่างนี้จึงทำให้ถูกปลดจากรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ส่งผลให้ นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงว่าไม่อยากให้ ส.ว.มาก้าวล่วงการทำหน้าที่ของ ส.ส.เพราะเป็นคนละสภากัน จากนั้น นายสมศักดิ์ ก็สั่งให้นายไพบูลย์อภิปรายต่อ โดยแกนนำ 40 ส.ว.ผู้นี้ก็ได้อภิปรายว่า ตนมาจาก 7 องค์กรที่มีความสง่างาม ก็ยังดีกว่าคนเดียวสไกป์เข้ามา ทำให้นายสุนัยลุกขึ้นประท้วงทันทีว่า แม้ 7 องค์กรจะเลือกเข้ามาก็มีคนหนึ่งซึ่งหัวหงอกเหมือนตนสั่งการอยู่เบื้องหลัง ทำให้นายสมศักดิ์ปิดไมค์ และสั่งให้มีการอภิปรายต่อไป

ต่อมาที่รัฐสภา นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวประณามกรณีที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 3 ต่อ 1 รับคำร้องของนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา โดย นพ.เหวง ระบุว่า ไม่เห็นด้วยที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 3 ต่อ 2 เสียง รับคำร้องของนายสมชาย แสวงการ สว.สรรหา ไว้พิจารณา ทั้งที่เรื่องดังกล่าวรัฐบาลได้ดำเนินการตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คือ แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ทว่า ศาลรัฐธรรมนูญพยายามขยายอำนาจตัวเองเกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ ดังนั้น ต่อไปรัฐสภาคงไม่มีประโยชน์

“อยากถามไปยังพรรคประชาธิปัตย์ว่าทำไมถึงเอาเป็นเอาตายกับนายนิคม ไวยรัชพานิช ทั้งที่ควรออกมาคัดค้าน เรื่องดังกล่าว เนื่องจากมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 ท่าน เกี่ยวข้องกับเรื่องการเขียนร่างรัฐธรรมนูญ ทำไมจึงไม่ออกมาคัดค้านเรื่องดังกล่าว”นพ.เหวง กล่าว

ด้าน นพ.เชิดชัย กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญทำลายกระบวนการยติธรรมรวมไปถึงอัยการสูงสุด และยังเป็นการแทรกแซงอำนาจนิติบัญญัติ สังคมกำลังเกิดความเถื่อนเพราะ ส.ส.คือตัวแทนของประชาชน เป็นองค์กรที่มีอำนาจออกกฎหมายหรือแก้กฎหมายได้ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญหรือรัฐบาลต้องทำตามกฎหมาย แต่ศาลรัฐธรรมนูญกลับทำตัวอยู่เหนือกฎหมายเสียเอง

ส่วนนายสมคิด กล่าวว่า ถ้าเป็น ส.ส.แล้วแก้กฎหมายไม่ได้ก็ไม่ควรอยู่ และไม่ควรมีรัฐสภา จึงอยากถามศาลรัฐธรรมนูญว่า การที่รับพิจารณาเรื่องนี้เป็นการเร่งรีบผิดปกติหรือไม่ เพราะมีคณะตุลาการประชุมเพียง 5 คน ทั้งที่อีก4 คน อยู่ต่างประเทศ ซึ่งตนเห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ควรรีบเร่ง เพราะอย่างไรศาลก็ได้ตั้งธงไว้แล้ว ต่อให้พิจารณาช้ากว่านี้ก็ไม่เป็นไร

เมื่อถามว่าศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาแล้ว ทางพรรคเพื่อไทยจะโหวตมาตรา 68 ต่อหรือไม่ นายสมคิด ได้ยืนยันว่า จะยังคงโหวตมาตรา 68 ต่อไปไม่ว่าจะโดนยุบพรรคหรือตัดสิทธิทางการเมือง หรือถูกดำเนินคดีอาญาและเชื่อว่า ส.ว.เลือกตั้งก็จะร่วมโหวตด้วย เพราะวันนี้เดินมาถึงขั้นนี้แล้วหากเราจะโดนตัดสิทธิหรือยุบพรรคประชาชนก็จะรับรู้เองว่า

นพ.เชิดชัยกล่าวว่า การดำเนินการต่อไปก็จะมีการแจ้งความเอาผิดคดีอาญามาตรา157 ในวันพรุ่งนี้ (4 เม.ย.) ต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 5 คน เนื่องจากทำผิดกฎหมายเพราะไปรับคำร้องของกลุ่ม 40 ส.ว.