xs
xsm
sm
md
lg

เงิน-เทวดา เดิมพันอนาคตแม้วผูกติด โคตรกู้-แก้ ม.68!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

เชื่อว่าหลายคนที่ติดตามสถานการณ์การเมืองมาอย่างเข้าใจย่อมรับรู้ถึงความตึงเครียดจากอุณหภูมิที่เพิ่งสูงปรี๊ดขึ้นมาเรื่อยๆ ได้เห็นถึงความเคลื่อนไหวเตรียมการกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะฝ่ายที่กำลังผลักดันเข้ามาอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับว่าคราวนี้ถือว่ามีโอกาสเปิดอีกครั้ง และอาจจะเป็นครั้งท้ายๆ แล้วก็ได้ทำให้ต้องปรับยุทธวิธีบุกเข้ามาพร้อมกันหลายทาง อีกทั้งพยายามฮั้วแบ่งประโยชน์กับอีกฝ่ายให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เสียงานใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า

คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน มีทั้งการเสนอแบบลับลวงพราง มีการผ่อนหนักผ่อนเบา หลีกเลี่ยงประเด็นอ่อนไหวเพื่อลดกระแสต้าน มีการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังอย่างรอบคอบรัดกุม เริ่มจากเรื่องเงินก่อนที่ถือว่าเป็นการใช้อำนาจในสภาพลิกแพลงอ้างเอาเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคทำให้ชาวบ้านเกิดความเคลิบเคลิ้มคล้อยตาม

ร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ที่กำลังพิจารณาวันที่ 28-29 มีนาคมในสภาผู้แทนราษฎร ถือว่าเป็นการกู้เงินที่มีจำนวนเงินมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์นับตั้งแต่มีชาติไทยมาเลยทีเดียว แต่ขณะเดียวกันกลับไม่มีรายละเอียดทั้งในเรื่องรายละเอียดโครงการ การศึกษาในเรื่องความคุ้มค่าการลงทุน การสร้างภาระหนี้จำนวนมหาศาลดังกล่าวว่าจะใช้อย่างไร ผ่านการศึกษาทางด่านสิ่งแวดล้อมหรือยัง

ตรงกันข้าม ทุกโครงการที่กู้เงินมาใช้ในการก่อสร้างทุกโครงการล้วนแล้วแล้วแต่เป็นกรอบความคิดกว้างๆ ยังไม่มีรายละเอียดหรือแผนงานมารอบรับอย่างชัดเจน รวมไปถึงวิธีการกู้เงิน และการตรวจสอบการใช้เงิน ทุกอย่างอยู่บนเศษกระดาษที่ร่างขึ้นมาแผ่นเดียวเท่านั้นว่าต้องสร้าง ต้องกู้เงินมาก่อน รวบรวมเงินมาให้ได้ก่อนจำนวน 2.2 ล้านล้านบาท ส่วนในอนาคตจะนำไปใช้อย่างไรแบบไหนค่อยมาว่ากันอะไรประมาณนั้น

ขณะเดียวกัน หากเข้าใจกันว่ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยมี ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลังและเป็นเจ้าของ ก็ต้องเข้าใจดีกว่าต้องเชื่อมโยงกันอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ รับรู้กันอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเป็นแบบนี้การใช้งบประมาณสำหรับนำมาใช้สารพัดโครงการใหญ่ก็หลับตานึกภาพออกว่ามีครอบครัวไหนบ้างที่จะได้ประโยชน์ทั้งจากเรื่องงบก่อสร้าง ค่าหัวคิวแบบ “ร้อยชักสามสิบ” หรือร้อยชักสี่สิบก็ว่ากันไป ลองหลับตานึกภาพเอาก็แล้วกันวงเงิน 2.2 ล้านล้านบาทคนพวกนี้จะได้เท่าไหร่ จำนวนมหาศาลเพียงใด

ข้อสงสัยดังกล่าวที่เกิดขึ้นเนื่องจากการตรวจอบทำได้ยากกว่าการใช้เงินจากร่างพระราชบัญญัติงบประจำปี ที่มีการตรวสอบกันอย่างเข้มงวด

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจว่าการรีบเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติกู้เงินจำนวนมากมายมหาศาลครั้งนี้มีขึ้นเพื่อต้องการสะสมเสบียงไว้สำหรับรองรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ก็ตาม รวมไปถึงการสะสมทรัพย์สินเพิ่มขึ้นไปอีก

นั่นว่ากันเฉพาะร่างกฎหมายโคตรเงินกู้ อย่างเดียว แต่ขณะเดียวกันยังมีเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่คราวนี้มามุกใหม่เสนอแบบรายมาตรา มาแบบขึ้นบันใดขั้นที่หนึ่งก่อน เพื่อตบตาและลดกระแสต้าน แต่ถ้าผ่านก็ถือว่าได้ประโยชน์ไม่เบาเหมือนกันได้ทั้งเงินและอำนาจรัฐไม่แพ้กัน

ที่ต้องบอกว่านี่เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบบันใดขั้นแรกก็คือ ถ้าสำเร็จนั่นก็หมายความว่าหนทางข้างหน้าก็ฉลุย ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 190 ที่ต้องการแก้ไขให้รัฐบาลสามารถเจรจากับต่างชาติได้ทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องอำนาจอธิปไตย การค้าเรื่องใหญ่ๆ ความหมายก็คือไปสามารถทำได้ทันทีไม่จำเป็นต้องให้รัฐสภารับรองเหมือนแต่ก่อน ทำให้เกิดคำถามว่าธุรกิจพลังงาน ผลประโยชน์ทับซ้อนที่เคยถูกได้ยินจนน่ารำคาญจะกลับมาอีก เพราะทางสะดวก

นอกจากนี้แม้ว่าในมาตรา 237 ไม่ให้ยุบพรรคการเมืองได้ รวมไปถึงแก้ไขให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เป้าหมายก็เพื่อประโยชน์ของพวกเขาล้วนๆ นำไปสู่การผูกขาด เกิด “สภาทาส” เต็มรูปแบบขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ที่น่าจับตาที่สุดก็คือ ความพยายามในการแก้ไขมาตรา 68 ที่มีสาระสำคัญก็คือต่อไปนี้โอกาสที่จะขัดขวางไม่ให้ชำเรารัฐธรรมนูญทำได้ยาก หรือปิดทางไปเลย นั่นเป็นเพราะกำหนดให้ต้องยื่นเรื่องผ่านทางอัยการสูงสุดได้เท่านั้น แค่นี้ก็พอเห็นอนาคตและคำตอบได้แล้วใช่หรือไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะไม่อาจยื่นโดยตรงไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ความหมายก็คือตัดอำนาจในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญของประชาชนทันที นอกเหนือจากนี้ เป้าหมายที่แท้จริงก็คือเมื่อแก้ไขมาตรา 68 ได้สำเร็จแล้ว นั่นก็หมายความว่าอุปสรรคที่เคยมีจากการขัดขวางไม่ให้ฉีกรัฐธรรมนูญตามใจชอบก็จะหมดไปทันที ต่อไปจะแก้ไขมาตราไหน ประเด็นใดก็ทำได้สะดวก หรือไม่ก็ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา291 เพื่อนำไปสู่การร่างใหม่ตามใจชอบทั้งฉบับที่ยังค้างคาในสภาก็สามารถเดินหน้าลงมติวาระ 3 ได้ทันที และนี่คือบันใดขั้นที่ 2 เป็นเป้าหมายถัดไป ส่วนจะเป็นเรื่องการสถาปนา “รัฐไทยใหม่” หรือเปล่าไม่รู้แต่มันเข้าเค้าไม่ใช่หรือ

ดังนั้นถ้าให้ประเมินจากความเคลื่อนไหวและปรากฏการณ์ดังกล่าวมาทั้งหมด ไม่ว่าการเสนอพระราชบัญญัติเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ที่เนื้อแท้แล้วไม่ต่างจากการสะสมกระสุนดินดำสำหรับงานใหญ่ในอนาคต รวมทั้งเพิ่มทรัพย์สินให้กับคนในครอบครัวและเครือข่ายถ้วนหน้า ขณะเดียวกันการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราแม้ว่าจะเป็นแบบขั้นบันใด แต่ถึงอย่างไรแม้จะเป็นขั้นแรกก็มีแต่ได้กับใด้ความหมายไม่ต่างกัน ซึ่งถ้าทั้งสองเรื่องสำคัญนี้สำเร็จเป็นไปตามเป้า และถ้าเข้าใจตรงกันว่า ทักษิณ ชินวัตร อยู่เบื้องหลัง ก็ต้องรับรู้เช่นเดียวกันว่าเขาจะเป็นพยัคฆ์ติดปีก ไม่ต่างจากเทวดา เพราะมีทั้งเงินและอำนาจพร้อมสรรพ พอหลับตาเห็นภาพหรือยัง

อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้กำลังเรียกทุกฝ่ายไปวางแผนกันอย่างรัดกุมที่ฮ่องกง อย่างที่เห็นไงลjะ!!

กำลังโหลดความคิดเห็น