“นิคม” ชัดเจน! มั่นใจแก้ รธน.สำเร็จ ชี้เป็นปัญหาต่อการทำงาน อ้างไม่ได้ทำตามคำสั่ง “นช.แม้ว” เชื่อไม่เสร็จในปีนี้ ปัดทับซ้อมเอื้อเพื่อไทย ไม่ทำชาติป่วน ปัดแก้ ม.68 ปิดกั้นสิทธิชาวบ้าน อ้างแยกคดีให้ชัด ยังเชื่ออัยการไม่ถูกการเมืองแทรก ซัดพวกสรรหาร้อนตัว ยันไม่มีใครถอนชื่อ เย้ยอายุปูนนี้ถ้าบ่นถูกหลอกมาเซ็นก็สมควรตาย ด้าน 3 ส.ว.โผล่ถอนชื่อแล้ว
วันนี้ (21 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณี ส.ส.-ส.ว.เข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า มั่นใจว่าการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ เพราะเป็นการเสนอแก้ไขในมาตราที่มีปัญหาต่อการทำงานของประเทศ เช่น มาตรา 190 ที่จะทำให้ประเทศไปแข่งขันในเวทีโลกได้ มาตรา 237 เรื่องการยุบพรรคเพื่อแก้ปัญหาการพัฒนาพรรคการเมือง และการแก้ไขที่มาของ ส.ว.ก็เป็นการเปิดให้ประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งเข้ามา ยืนยันว่าไม่ได้ทำเพื่อพรรคการเมืองหรือทำตามคำสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ที่มีนายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี เป็นประธานเคยเสนอความเห็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้แล้ว
นายนิคมกล่าวว่า ยอมรับว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ทำให้สมาชิกบ้านเลขที่ 109 ที่ถูกศาลสั่งตัดสิทธิการเมือง 5 ปีได้รับอานิสงส์การนิรโทษกรรมด้วย แต่คนเหล่านี้จะพ้นโทษเดือน ธ.ค.อยู่แล้ว ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญคงไม่เสร็จก่อนเดือน ธ.ค.แน่นอน ดังนั้นจึงไม่ได้แก้ไขเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้คนกลุ่มใด และไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนเอื้อให้พรรคเพื่อไทย หรือเป็นวางการนิรโทษกรรมไว้ล่วงหน้าหากเกิดปัญหาในอนาคต มั่นใจว่าจะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งในประเทศมากขึ้น ส่วนข้อครหาเรื่องการปิดกั้นสิทธิประชาชนในการยื่นเรื่องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หากพบเห็นการกระทำที่ขัดต่อระบอบประชาธิปไตย ตามมาตรา 68 นั้นยืนยันว่าไม่ได้ปิดกั้นสิทธิประชาชน แต่เป็นการบอกช่องทางให้ชัดเจนว่าคดีอาญาแผ่นดินจะต้องยื่นผ่านอัยการก่อน เชื่อว่าอัยการจะไม่ถูกการเมืองครอบงำเพราะทุกอาชีพมีศักดิ์ศรี
นายนิคมกล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม 40 ส.ว.ขู่ยื่นตีความการแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราว่า เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่อยากบอกว่า ส.ว.กลุ่มนี้เคยเป็น สนช. และเป็น ส.ว.สรรหา รวมแล้ว 11 ปี พอจะให้ประชาชนเป็นผู้เลือกตั้ง ส.ว.กลับเกิดอาการร้อนตัว ส่วนที่มีข่าวว่ามี ส.ว.สรรหาบางคนจะไปถอนชื่อในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราโดยอ้างว่าถูกหลอกนั้น ขณะนี้ยังไม่มีใครมาถอนชื่อ แต่อาจมีคนมายื่นเรื่องภายหลัง แต่ ส.ว.มีอายุปูนนี้แล้ว มีวุฒิภาวะขนาดนี้ ถ้าถูกหลอกก็สมควรตาย
ขณะที่ล่าสุดนายนิรันดร์ ประดิษฐกุล, นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ และนายจารุพงศ์ จีนาพันธ์ ส.ว.สรรหา ได้ทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา ขอถอนชื่อจากการเป็นผู้ร่วมเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ...) พ.ศ.... จากกรณีเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมาได้ปรากฏข่าวจากสื่อมวลชนว่ามีสมาชิกผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาร่วมลงลายมือชื่อเสนอญัญติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหลายกลุ่ม ทั้งรายมาตราและหลายมาตรารวมกัน โดยพวกตนได้ขอถอนชื่อจากการร่วมลงลายมือชื่อกับนายประสิทธิ์ โพธสุธน สมาชิกวุฒิสภา ในการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทั้งหมดแล้ว
นายนิรันดร์กล่าวว่า ขณะนี้เท่าที่ทราบมี ส.ว.ทั้งหมดจำนวน 6 คนได้มาถอนชื่อออกจากการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว โดยมีชื่อเพิ่มเติมอีก 3 คน คือ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์, นพ.วิรัติ พาณิชย์พงษ์ และ พล.ต.ต.ขจร สัยวัตร์ ส.ว.หนองคาย โดยเหตุผลที่ตนถอนชื่อออกเพราะการพูดคุยของ ส.ว.เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมาเพื่อขอชื่อสนับสนุนในการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นทราบว่าจะมีการแก้ไขเพียง 3 มาตรา คือ มาตรา 190, มาตรา 117 และมาตรา 237 ไม่มีการระบุว่าจะมีการแก้ไขมาตรา 68 แต่เมื่อมีการเขียนและยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของหลายกลุ่มกลับมีการเขียนแก้ไขมาตรา 68 โดยอ้างว่าเกี่ยวข้องกับมาตรา 237 ตนจึงไม่เห็นด้วย เพราะการที่จะแก้ไขมาตรา 68 ให้ประชาชนยื่นเรื่องผ่านอัยการสูงสุดช่องทางเดียว ถือว่าไม่ถูกต้องเนื่องจากอัยการสูงสุดมีแค่คนเดียวต้องกลั่นกรองเรื่องที่มีจำนวนมาก ขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญมีทั้งหมด 9 คน ดังนั้นจึงเห็นว่ากระบวนการดังกล่าวดีอยู่แล้ว
ด้าน นพ.วิรัติกล่าวว่า หลังทราบจากข่าวว่ามีรายชื่อในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนก็ได้ขอถอนชื่อออก แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยเห็นด้วยต่อการแก้ไขในมาตรา 68 เพราะเห็นว่าควรจะให้ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น จึงได้ลงชื่อในหนังสือเพื่อสนับสนุนการแก้ไขไว้ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว แต่หลังจากได้รับทราบข้อมูลเห็นว่าควรเปิดให้มีผ่านช่องทางประชาชนยื่นด้วย ดังนั้นในวันนี้ตนจึงไม่เห็นด้วย แต่ปรากฏว่าในการยื่นครั้งนี้ยังได้มีการนำเอกสารเก่ามาใช้อีกจึงถือว่าผิดวัตถุประสงค์ จึงได้ถอนชื่อไป