“ประยุทธ์” ชี้เมษาฯ เดือนร้อนจึงต้องมีสงกรานต์ แนะใช้สติแก้ ชี้กู้ 2 ล้านล้าน ถ้าจำเป็นก็ทำได้ เชื่อใจนักการเมืองไม่แก้อาญา ม.112 ยันไม่ใช่เวลา เผยกองทัพรอคำสั่งศาลถอดยศ “มาร์ค” หรือไม่ บอกอย่าเพิ่งทึกทักเสียแดนให้เขมร ระบุถ้าทำอะไรต้องเป็นมติ เชื่อบึ้มใต้หวังแสดงศักยภาพ อย่าวิตกผลเจรจา หนุนทำไปก่อน วอนเห็นใจเจ้าหน้าที่ อย่าให้เครดิตโจร
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงการวางตัวของกองทัพในช่วงเดือนเมษายนที่มีการวิเคราะห์ระบุสถานการณ์ทางการเมืองจะมีความรุนแรง เพราะเป็นช่วงที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการพิจารณาคดีประสาทพระวิหารว่า เราทำตัวเป็นทหารปกติ ใจเย็นและมีสติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งไว้เสมอว่าคนเราต้องมีสติ รับรู้ เรียนรู้ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม เดือนเมษายนเป็นเดือนที่ร้อนอยู่แล้วจึงกำหนดให้เป็นเทศกาลสงกรานต์ ถ้าร้อนมากก็เอาน้ำมารดกันจะได้เย็นลง และหวังว่าคงจะไม่มีเรื่องอะไร
เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลจะออก พ.ร.บ.กู้เงินจำนวน 2 ล้านล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คงตอบไม่ได้ว่า เห็นด้วยหรือไม่ หากมีความจำเป็น ถ้าทำได้ก็ทำ ส่วนกรณีที่จะมีการแก้รัฐธรรมนูญตามรายมาตราและอาจจะมีการแก้มาตรา112 ด้วยนั้น เขาบอกว่าจะไม่แตะ และไม่ใช่เรื่องและเวลาที่จะมาวุ่นวายไปเสียทุกเรื่อง ทหารเป็นประชาชนคนหนึ่ง แต่การแสดงความคิดเห็นต้องระมัดระวังในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ เพราะจะกลายเป็นว่าเอากองทัพไปกดดัน การที่ตนสามารถพูดได้จนถึงวันนี้เพราะมีหน้าที่ตามยุทธศาสตร์ของกองทัพ คือ การสร้างความรักความสามัคคีของคนไทย สนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึงการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบต้องทำ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดความแตกแยก ความไม่สามัคคี เราไม่ต้องการให้เกิด และอย่าเอากองทัพไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่แตกแยก เพราะเจ้าหน้าที่จะทำงานลำบาก ที่ผ่านมามีบทเรียนอยู่แล้วจึงต้องระมัดระวัง
เมื่อถามถึงการดำเนินการถอดยศนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องรอให้กระบวนการทางศาลสิ้นสุดลงก่อน เพราะขณะนี้มีการฟ้องร้องกันอยู่ ทั้งนี้กองทัพพร้อมดำเนินการตามคำตัดสินของศาล
เมื่อถามว่า ถ้าศาลโลกตัดสินให้เราเสียดินแดน กองทัพจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปถ้า เอาให้เป็นเรื่องก่อนค่อยว่ากัน ตอนนี้รอคำตัดสิน การต่อสู้ในศาลโลกอย่าเพิ่งไปพูดถึงเพราะยังไม่ได้เริ่มต้น เดือนเมษายนเป็นเพียงการรับฟังจากทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง ส่วนผลจะออกมาอย่างไรต้องรอผลตัดสินตอนปลายปี ทั้งนี้ฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องนำผลตัดสินนั้นมาวิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไร จะเลือกวิธีไหน และในฐานะที่เราเป็นเจ้าหน้าที่และเป็นกลไกของรัฐจะต้องนำไปสู่การแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ถูกต้อง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะทำหรือไม่ทำ ทั้งหมดเป็นมติ ไม่ใช่ใครจะมาสั่งการ เพราะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) รัฐสภา เพื่อใคร่ครวญว่าประเทศไทยจะได้หรือเสียอะไร
ผู้บัญชาการทหารบกยังให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนใต้ว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเขาต้องการแสดงศักยภาพ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น เพราะในพื้นที่มีปัญหาทับซ้อนกันหลายปัญหา อย่าเพิ่งไปวิตกว่าการพูดคุยจะได้ผลหรือไม่ ขอให้ทำไปก่อน ทั้งนี้ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วย เพราะเขาต้องทำงานภายใต้สภาวะแวดล้อมที่กดดัน และไม่เอื้ออำนวย เพราะมีเรื่องศาสนา เราใช้ความรุนแรงมากเกินไปก็ไม่ได้ เพราะจะมีผลกระทบในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม อย่าให้เครดิตกับพวกเหล่านี้มากนัก ต้องให้เครดิตกับเจ้าหน้าที่ของเราที่สามารถทำให้สถานการณ์ไม่ลุกลามบานปลายไปสู่สากลได้
“อย่ามาพูดว่าการพูดคุยตอนเช้าแล้วตอนเย็นจะยุติ หรือทำแค่ 1-2 วันจะจบ อย่าคิดอย่างนั้น ต้องให้เวลาเขาบ้าง ในการปรับเปลี่ยนความคิดและทัศนคติ ทุกคนต้องพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานหลายสิบปี ทั้งนี้ผมยังไม่เห็นกรอบการพูดคุยของเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ แต่ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมพูดคุยอยู่แล้ว ทั้งนี้ในครั้งแรกที่ไปพูดคุยแค่ให้รู้จักกันก่อนว่าใครเป็นใคร พวกไหนอย่างไร มีอำนาจจริงหรือไม่ ครั้งที่ 2 เป็นการแสดงความเชื่อมันซึ่งกันและกันว่าสามารถจะลดความรุนแรงตรงไหนได้บ้าง ซึ่งบางครั้ง บางกลุ่มอาจจะไม่เชื่อและก่อความรุ่นแรง ทั้งนี้ต้องรอดูต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว