ที่ประชุม ศปก.กปต.มีมติเอกฉันท์ ไม่ประกาศเคอร์ฟิวพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เหตุเจ้าหน้าที่ยังควบคุมสถานการณ์ได้ ประชาชนให้ความร่วมมือดีขึ้น “เฉลิม” เสียงอ่อยบอกให้ระวังมากขึ้น “ยิ่งลักษณ์” กลับถึงกรุงเทพฯ แล้ว ปัดตอบ ปชป.จี้เปลี่ยนตัวรองนายกฯ ดับไฟใต้
วันนี้ (15 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ท่าอากาศยานกองทัพอากาศ (กองบิน 6) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ภายหลังเดินทางกลับจากการปฏิบัติราชการที่จังหวัดเชียงใหม่ ถึงกรณีที่นายเจ๊ะอามิง โต๊ะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนตัวรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลแก้ไขปัญหาภาคใต้ จาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นบุคคลอื่นแทน โดยนายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
ขณะที่ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 13.30 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ ศปก.กปต. โดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผู้บัญชาการทหารบก, พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก, พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4, พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาหารือกว่า 2 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 15.45 น. พล.ท.ภราดรแถลงผลการประชุมว่า จากการประเมินพี่น้องประชาชน สถานการณ์ วัน เวลา และสถานที่ ซึ่งเมื่อพิจารณาในทุกมิติแล้ว ทั้งเหตุผลของฝ่ายทหารโดย พล.ท.อุดมชัย ฝ่ายพลเรือนโดย พ.ต.อ.ทวี ฝ่ายกระทรวงมหาดไทย และภาคประชาชน เห็นพ้องต้องกันว่าสถานการณ์ยังไม่มีความจำเป็นต้องประกาศเคอร์ฟิว ยังเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่รัฐยังดูแลสถานการณ์ได้ ขณะเดียวกัน มาตรการที่ใช้ปัจจุบันมีการรองรับจากประชาชนอยู่แล้ว ด้านการข่าวก็เพิ่มความเข้มข้นขึ้น ส่วนกำลังที่ปฏิบัติในพื้นที่ก็มีเพียงพออยู่แล้ว ยืนยันว่ายังควบคุมสถานการณ์ได้
ทั้งนี้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งสามจังหวัดก็ได้ยื่นหนังสือมาว่าไม่มีความจำเป็นที่จะประกาศ ซึ่งในที่ประชุมก็ไม่มีเสียงใดค้าน โดยยังมีการประเมินสถานการณ์ต่อไปตลอดแต่เชื่อมั่นว่าแนวโน้มจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องประกาศอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม จากการประเมินความร่วมมือจากประชาชนเป็นจุดสุดท้ายที่ทำให้แก้ไขสถนการณ์ให้ดีขึ้นได้ โดย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวในที่ประชุมว่าให้ระมัดระวังมากขึ้น และท่านเป็นผู้มีความคิดริเริ่มที่จะให้ประกาศแต่ยังไม่ได้ฟังข้อเท็จจริงจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง ซึ่งท่านยอมรับและรับฟังได้ไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อไม่มีการประกาศเคอร์ฟิวแล้วจะต้องมีการปรับแผนหรือเพิ่มเติมอะไรหรือไม่ พล.ท.ภราดรกล่าวว่า เป็นไปตามปกติ ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 ยังควบคุมสถานการณ์ได้ จึงคงต้องดูต่อไป การพิจารณายังยึดหลักของการฟังเสียงพี่น้องประชาชนเป็นหลัก เมื่อถามว่า พูดได้หรือไม่ว่าหน่วยในพื้นที่ค่อนข้างเป็นเอกฉันท์ว่าไม่ควรประกาศเคอร์ฟิว พล.ท.ภราดรกล่าวว่า เป็นเอกฉันท์ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการประเมินตามขั้นตอนต่อไปตลอด และเชื่อมั่นว่าแนวโน้มยังไม่มีความจำเป็นที่ต้องประกาศอย่างแน่นอน
พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ในที่ประชุมยังได้มีการประเมินสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้น แต่การประเมินเราก็สะท้อนให้เห็นว่าจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชนจึงเป็นจุดสุดท้ายที่ทำให้เราสามารถแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้ ส่วนสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นหรือไม่ตรงนี้อาจจะมีความกังวลบ้างแต่ก็ไม่หนักใจ เพราะเรายังประเมินว่าตอนนี้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมและให้ข่าวสารกับภาครัฐได้ดีพอสมควร จึงเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์จะยังไม่มีอะไรน่าหนักใจ เพราะฝ่ายปฏิบัติการไม่ต้องการเสียมวลชนเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการขยายความร่วมมือจากภาคประชาชนเราจะดำรงความต่อเนื่อง โดยจะมีการจัดและเปิดเวทีพูดคุยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในที่ประชุมได้มีการหยิบยกเรื่องแนวคิดการเพิ่มอาวุธให้กับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านมาหารือด้วย แต่บทสรุปตอนนี้ยังถือว่าไม่มีความจำเป็น ซึ่งต้องการพัฒนาขีดความสามารถก่อน และคิดว่าอาวุธที่มีอยู่ในปัจจุบันน่าจะเป็นน้ำหนักเพียงพอต่อกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านแล้ว ไม่ต้องยกระดับให้เป็นถึงอาวุธสงคราม
เลขาฯ สมช.กล่าวว่า ในส่วนของการเยียวยาครอบครัวผู้ก่อเหตุที่ประชุมให้พูดคุยทำความเข้าใจและแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิต ส่วนการเยียวยาเป็นตัวเงินยังไม่ถือว่าเข้าหลักเกณฑ์ เบื้องต้นเป็นการเยียวยาด้านมนุษยธรรมเท่านั้น
