ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า แนะพลังบวกของประชาชนนำพาสันติสุขยั่งยืนชวนผู้หลงผิดเข้าเจรจากับทางการเพื่อความสงบสุขในท้องถิ่น และ 3 จังหวัดชายแดนใต้
วันนี้ (19 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานตามที่ได้เกิดสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ.2547 ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชน ส่วนราชการมาตามลำดับ โดยที่ผ่านมา รัฐบาลไทยทุ่มเทความมุ่งมั่น ตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี โดยมีหน่วยงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน ผลักดันการดำเนินงานด้วยความตรากตรำ และอดทนต่อการปฏิบัติ ส่งผลให้เกิดผลเชิงประจักษ์ตามที่มีการส่งมอบพื้นที่อำเภอจะนะ และอำเภอนาทวี ของจังหวัดสงขลา จากฝ่ายความมั่นคงหน่วยเฉพาะกิจสงขลา ให้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชา และกำกับดูแลของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2556 รวมถึงการตรวจยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ การจับกุมกลุ่ม และบุคคลผู้ไม่หวังดีได้จำนวนมาก ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2555 ถึงวันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2556 นั้น ได้แสดงถึงความสำเร็จที่เกิดจากประชาชนทุกคนที่ต่างเบื่อหน่ายต่อการก่อเหตุรุนแรง และมุ่งหวังให้เกิดสันติสุขโดยเร็ว ทั้งนี้ การสร้างสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จากผู้ที่มีความคิดสุดโต่ง ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจร่วมกัน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอชี้แจงดังนี้
ยุทธวิธีของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่สร้างสถานการณ์ นอกจากจะกระทำต่อชีวิตของประชาชนอย่างไร้มนุษยธรรมแล้ว ยังมุ่งทำลายต่อทรัพย์สินของประชาชน และของทางราชการ ซึ่งมาจากภาษีของประชาชนทุกคน เช่น สถานีจ่ายกระแสไฟฟ้า, รางรถไฟ, เสาไฟฟ้าและกล้องวงจรปิด CCTV เป็นต้น ซึ่งประชาชนทุกคนสมควรรวมพลังร่วมกันป้องกัน และรักษาไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชน
สาธารณสมบัติบางประเภท เช่น กล้องวงจรปิด (CCTV) ซึ่งได้รับการติดตั้งในที่สาธารณะ เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยในการปกป้องชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนจากการกระทำของผู้ไม่หวังดีได้อย่างมีคุณภาพ และยังสามารถช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดด้านความมั่นคง และอาชญากรรมทั่วไปได้หลายครั้ง จึงเป็นเป้าหมายหนึ่งที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีมุ่งหาโอกาสทำลาย และสร้างความเสียหายเมื่อมีโอกาส
ผลจากความร่วมมือของประชาชนทุกฝ่าย และการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วยความทุ่มเท ส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่เกิดความสงบสุข ไม่เกิดเหตุรุนแรงมากขึ้นตามลำดับ จึงขอให้ประชาชนทุกคน และผู้นำท้องถิ่นในแต่ละชุมชนได้ร่วมกันป้องกัน รักษา ความปลอดภัยในชุมชน และสาธารณสมบัติของรัฐในพื้นที่ เพื่อความสงบเรียบร้อยภายในชุมชนร่วมกัน
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่ผ่านมา ประชาชนทุกภาคส่วนล้วนมีความเห็นตรงกันว่า ความสุขสงบจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยประชาชนทุกคนได้ร่วมกันในการป้องกันเหตุร้ายในชุมชน รวมทั้งผลักดันผู้ที่มีความคิดสุดโต่งให้ออกจากสังคมที่สันติสุขเพื่อร่วมกันยุติความรุนแรง จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ออกมาแสดงตน และพูดคุยกับทางราชการเพื่อสันติสุขอย่างยั่งยืนตลอดไป
วันนี้ (19 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานตามที่ได้เกิดสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ.2547 ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชน ส่วนราชการมาตามลำดับ โดยที่ผ่านมา รัฐบาลไทยทุ่มเทความมุ่งมั่น ตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี โดยมีหน่วยงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน ผลักดันการดำเนินงานด้วยความตรากตรำ และอดทนต่อการปฏิบัติ ส่งผลให้เกิดผลเชิงประจักษ์ตามที่มีการส่งมอบพื้นที่อำเภอจะนะ และอำเภอนาทวี ของจังหวัดสงขลา จากฝ่ายความมั่นคงหน่วยเฉพาะกิจสงขลา ให้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชา และกำกับดูแลของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2556 รวมถึงการตรวจยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ การจับกุมกลุ่ม และบุคคลผู้ไม่หวังดีได้จำนวนมาก ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2555 ถึงวันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2556 นั้น ได้แสดงถึงความสำเร็จที่เกิดจากประชาชนทุกคนที่ต่างเบื่อหน่ายต่อการก่อเหตุรุนแรง และมุ่งหวังให้เกิดสันติสุขโดยเร็ว ทั้งนี้ การสร้างสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จากผู้ที่มีความคิดสุดโต่ง ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจร่วมกัน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอชี้แจงดังนี้
ยุทธวิธีของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่สร้างสถานการณ์ นอกจากจะกระทำต่อชีวิตของประชาชนอย่างไร้มนุษยธรรมแล้ว ยังมุ่งทำลายต่อทรัพย์สินของประชาชน และของทางราชการ ซึ่งมาจากภาษีของประชาชนทุกคน เช่น สถานีจ่ายกระแสไฟฟ้า, รางรถไฟ, เสาไฟฟ้าและกล้องวงจรปิด CCTV เป็นต้น ซึ่งประชาชนทุกคนสมควรรวมพลังร่วมกันป้องกัน และรักษาไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในชุมชน
สาธารณสมบัติบางประเภท เช่น กล้องวงจรปิด (CCTV) ซึ่งได้รับการติดตั้งในที่สาธารณะ เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยในการปกป้องชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนจากการกระทำของผู้ไม่หวังดีได้อย่างมีคุณภาพ และยังสามารถช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดด้านความมั่นคง และอาชญากรรมทั่วไปได้หลายครั้ง จึงเป็นเป้าหมายหนึ่งที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีมุ่งหาโอกาสทำลาย และสร้างความเสียหายเมื่อมีโอกาส
ผลจากความร่วมมือของประชาชนทุกฝ่าย และการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วยความทุ่มเท ส่งผลให้สถานการณ์ในพื้นที่เกิดความสงบสุข ไม่เกิดเหตุรุนแรงมากขึ้นตามลำดับ จึงขอให้ประชาชนทุกคน และผู้นำท้องถิ่นในแต่ละชุมชนได้ร่วมกันป้องกัน รักษา ความปลอดภัยในชุมชน และสาธารณสมบัติของรัฐในพื้นที่ เพื่อความสงบเรียบร้อยภายในชุมชนร่วมกัน
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่ผ่านมา ประชาชนทุกภาคส่วนล้วนมีความเห็นตรงกันว่า ความสุขสงบจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยประชาชนทุกคนได้ร่วมกันในการป้องกันเหตุร้ายในชุมชน รวมทั้งผลักดันผู้ที่มีความคิดสุดโต่งให้ออกจากสังคมที่สันติสุขเพื่อร่วมกันยุติความรุนแรง จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ออกมาแสดงตน และพูดคุยกับทางราชการเพื่อสันติสุขอย่างยั่งยืนตลอดไป