“กิตติรัตน์-ชัชชาติ” จัดรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน” แจง พ.ร.บ.ก็เงิน 2 ล้านล้านบาท ตามยุทธศาสตร์ด้านคมนาคม ล็อกเป้าเดือน พ.ค.คลอดเป็นกฎหมาย ยันเน้นกู้ในประเทศ เริ่มปี 2020 ชำระดอกเบี้ย 10 ปีแรก คาด 50 ปีหนี้หมด
รายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน” เช้าวันนี้ (23 มี.ค.) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง พร้อมนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม จัดรายการแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของ
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่าได้นำร่างพ.ร.บกู้เงิน 2 ล้านบาท เข้าที่ประชุม ครม. มีการชี้แจงถึงยุทธศาสตร์พัฒนาระบบเครือข่ายคมนาคมขนส่งของประเทศ พร้อมเอกสารประกอบการพิจารณา มีการสอดรับ 3 ยุทธศาสตร์สำคัญ คือ 1.ปรับเปลี่ยนระบบขนส่งที่มีต้นทุนที่ถูกกว่า 2.เรื่องจุดเชื่อมต่อไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน 3.การอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้า ซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนบ้างตามข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์จากประชาชน
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การออกกฎหมายในการจะกู้เงินนั้นในรัฐบาลที่ผ่านมาก็ออกมาเป็น พ.ร.ก. เพราะช่วงนั้นมีวิกฤติเกิดขึ้นในสหรัฐฯ การออก พ.ร.ก.ถือว่ามีความเหมาะสมในการดำเนินการ ในส่วนของรัฐบาลปัจจุบันก็เคยออก พ.ร.ก.ในช่วงน้ำท่วมในการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เพราะมีความจำเป็นเร่งด่วนในการลงทุน ทำให้ต่างชาติมีความมั่นใจ แต่ในกรณีร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านนั้น เพราะต้องการให้กรอบระยะเวลามีความต่อเนื่อง ในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งใช้เวลาหลายปีจะมีการดำเนินการทุกขั้นตอนตามโครงการ โดยจะผ่านหน่วยงานสำคัญก่อนเข้า ครม. เมื่อ ครม.เห็นชอบจึงนำร่างเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร คาดว่าประมาณปลายเดือน มี.ค. แต่เชื่อว่าจะพิจารณาวาระที่ 1 ก่อนปิดสมัยประชุม และจะเสนออีกครั้งในวาระที่ 2 และ 3 ประมาณเดือน พ.ค. ช่วงเดียวกับการการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี
รองนายกรัฐมนตรี กล่าววส่า การออกเป็น พ.ร.บ.แม้ทำให้ไม่เห็นเรื่องของหนี้สาธารณะ แต่มีการเทียบสัดส่วนการลงทุนกับจีดีพีเป็นตัวกำหนด ระดับหนี้สาธารณะที่จะเกิดขึ้นจะอยู่ในเพดานไม่เกินร้อยละ 50 ของจีดีพี เราจะไม่ยอมเกินเพดานที่ร้อยละ 60 โดยเมื่อกู้เงินมาแล้วเราได้ตั้งข้อสมมติในการใช้หนี้ในช่วง 10 ปีแรกจะขอชำระเรื่องของดอกเบี้ยไปก่อน และเมื่อขึ้นปี 11 เราจะเริ่มชำระเงินต้น ซึ่งในที่สุดจะเหลือศูนย์ในระยะเวลาไม่เกิน 50 ปี
รมว.คลัง กล่าวว่า เราจะพยายามกู้เงินในประเทศเป็นหลัก หรือถ้ากู้เงินต่างประเทศจะทำให้น้อยที่สุด โดยคาดว่าจะกู้ไม่เกินเดือน ธ.ค. 2020 สภาพคล่องในประเทศดีมาก จะเพียงพอต่อการลงทุนในช่วง 7 ปี
ด้าน นายชัชชาติ กล่าวว่า ในแง่ของโครงการก็มีการปรับให้ดีขึ้น อีกเรื่องที่เป็นห่วงเรื่องความโปร่งใส หลักง่ายๆ ของการประมูลในโปร่งใสคือ ต้องกำหนดราคากลางให้ถูกต้องแม่นยำ การกำหนดเรื่องคุณภาพก็มีความสำคัญ และให้ประชาชน 60 กว่าล้านคนมีส่วนร่วมและคอยตรวจสอบติดตามโครงการ ให้ทุกคนมั่นใจเรื่องการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และโปร่งใส เพราะโครงการเป็นของทุกคน อย่าไปกลัวเรื่องการลงทุน ถ้า พ.ร.บ.ผ่านก็จะจ้างประมูลและต้นปีหน้าก็จะเริ่มประมูลได้ ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า 29 สาย และรถไฟรางคู่ เป็นต้น