xs
xsm
sm
md
lg

แก้ รธน.กี่รอบเป้าหมายก็เพื่อประโยชน์นักการเมืองห่วยล้วนๆ!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

เปิดฉากเปิดหน้าตาเข้ามาใหม่อีกรอบสำหรับมหกรรมเห็นแก่ตัวของพวกนักการเมืองกระจอก ที่คิดว่าชาวบ้านเขาโง่กว่าตัวเอง คราวนี้เริ่มเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เปลี่ยนวิธีการใหม่เป็นแก้ไขรายมาตรา หลังจากเดิมคิดจะใช้วิธีฉีกทิ้งฉบับเก่าแล้วร่างขึ้นมาทั้งฉบับแบบเลือกเอาตามใจชอบ แต่เมื่อถูกชาวบ้านเขารวมพลังต่อต้าน ทำให้ต้องชะงักไป แม้ว่าจะพยายามหาทางออกตบตาด้วยวิธีลงประชามติ แต่เมื่อประเมินแล้วทำท่าไปไม่รอดก็ปล่อยดองทิ้งไว้ จนกระทัั่งต้องกลับไปสุมหัวเปลี่ยน “หน้าม้า” ใหม่ เปลี่ยนวิธีการใหม่เป็นแก้ไขรายมาตรา โดยอำพรางมาในประเด็นที่ไม่ค่อยมีความอ่อนไหวมาก ดันเข้ามาบังหน้าเอาไว้ก่อน แต่เท่าที่เห็นก็มีแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวของพวกนักการเมืองล้วน แถมนักการเมืองที่ว่านั้นดันเป็นนักการเมืองชั่ว ประเภท 18 มงกุฎ เสียด้วย

คราวนี้นักการเมืองเหลี่ยมจัดต่างรวมหัวกัน “ฮั้ว” วางแผนปิดจุดอ่อนจากความล้มเหลวในอดีตที่แก้ไขไม่สำเร็จ จากเดิมที่ใช้วิธีหักดิบเสนอแก้ไขในประเด็นที่เน้นเฉพาะประโยชน์ของ ทักษิณ ชินวัตรล้วนๆทำกันแบบไม่อ้อมค้อมหน้าด้านๆ เพื่อหวังให้เขาพ้นผิดและกลับมามีอำนาจอีกรอบได้ทันใจ ด้วยการจะฉีกทิ้งฉบับปัจจุบัน แล้วร่างใหม่ทั้งฉบับ แต่ก็ต้องสะดุดยังไม่ต่อไปได้ จึงหันมาใช้วิธีการใหม่มาแบบ “2 ขยัก” นั่นคือเสนอแก้ไขแบบรายมาตราเข้าไปก่อน ถ้าสำเร็จก็ได้ประโยชน์ก่อน แม้จะยังไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยแต่ก็มีแต่ได้

เพราะประเด็นหลักที่เสนอแก้ไขก็คือ มาตรา 190 นั่นคือการเจรจากับต่างประเทศไม่ว่าเรื่องใดไม่จำเป็นตองขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน เหมือนกับในยุครัฐบาลทักษิณ ที่มีเรื่องใช้ตำแหน่งนายกฯไปเจรจาผลประโยชน์ให้กับธุรกิจครอบครัว ขอแก้ไขไม่ให้มีการยุบพรรคและตัดสิทธิ์นักการเมือง แต่น่าสนใจก็คือ ในประเด็นนี้มีการขยักเอาไว้เป็นการขึ้นบันใดขั้นที่1ก่อนคือในมาตรา 68 ที่ขอพ่วงเข้ามาความหมายง่ายๆ ก็คือ ต่อไปหากจะยื่นให้ตีความเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญจะต้องยื่น “ผ่านอัยการสูงสุด” เท่านั้นจากเดิมเปิดช่องให้ยื่นโดยตรงถึงศาลรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งพวกนักการเมืองเหลี่ยมจัดหวังว่าถ้าทำสำเร็จต่อไปจะส่งผลให้ร่างแก้ไขมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การยกร่างใหม่ทั้งฉบับที่ยังค้างวาระ 3 ในภายหลัง สามารถ “ปลดล็อก” ได้ทันที ซึ่งนั่นคือบันใด “ขั้นที่ 2” อันเป็นเป้าหมายสูงสุด

นอกจากนี้ ที่น่าสนใจก็นักการเมืองพวกนี้มีการฮั้วแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันอย่างสมน้ำสมเนื้อเช่นการเสนอแก้ไขคราวนี้มีการแยกเสนอเป็นสามฉบับทั้ง ส.ว.และส.ส.เพื่อป้องกันความผิดในเรื่อง การขัดกันแห่งผลประโยชน์ โดยให้ ส.ส.เสนอแก้ไขในประเด็นที่เกี่ยวกับการแก้ไขให้มีเฉพาะ ส.ว.เลือกตั้ง ตัด ส.ว.สรรหาทิ้งไป และ ส.ว.ที่ได้รับเลือกตั้งดังกล่าวสามารถลงสมัครได้ตลอด โดยไม่ต้องเว้นวรรคเหมือนในปัจจุบัน

นั่นคือประเด็นหลักๆ ซึ่งไม่ว่ามองในมุมไหนล้วนเป็นเรื่องผลประโยชน์ของนักการเมืองล้วนๆ แถมยังเป็นพวกนักการเมืองเขี้ยวลากดินเสียด้วย อีกทั้งยังเป็นการเปิดช่องให้หาผลประโยชน์กันอย่างสะดวกกรณีการแก้ไขมาตรา 190 ที่ต่อไปการเจรจากับต่างชาติไม่ว่าจะเป็นเรืื่องที่เกี่ยวพันกับอธิปไตย ผูกพันกับงบประมาณอย่างมีนัยสำคัญ การเจรจาการค้ากับต่างชาติก็ทำได้อย่างสะดวกไม่ต้องให้สภาได้รับทราบเหมือนเสียก่อนในปัจจุบัน

นั่นคือความต้องการและสันดานเห็นแก่ตัวของพวกนักการเมืองกระจอกพวกนี้ ที่วันๆ คิดแต่ว่าจะทำอะไรให้ตัวเองได้ประโยชน์ ได้อำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หรือปากท้องของชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย คนพวกนี้จะทำทุกทางเพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมายให้ได้และแน่นอนว่าในการแก้ไขทุกครั้งต้องมีผลประโยชน์ไปถึง ทักษิณชินวัตร ทุกครั้ง แต่คราวนี้อาจพิเศษตรงที่มี ส.ว.ขี้ข้าบางส่วนเข้ามาผสมโรงด้วย ส่วนจะมีใครบ้างเห็นหน้าเห็นตาก็ต้องร้องอ๋อกันอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี ที่บอกว่านักการเมืองพวกนี้เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ เนื่องจากกติกาในรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่กำหนดเอาไว้อย่างเข้มงวด ก็เพราะมีสาเหตุมาจากมีนักการเมืองประเภทดังกล่าวนี่แหละจำนวนมาก

แต่แทนที่จะสำนึกว่าการเมืองเป็นเรื่องของความ “เสียสละ” หรือหากเห็นว่ารู้สึกอึดอัดไม่สบายใจว่ามีกฎกติกาเข้มงวดตัวเองรับไม่ได้ทำไมไม่ถอนตัวออกไป ไปทำอาชีพอื่น เพราะแน่นอนว่าถ้าบ้านเมืองขาด ทักษิ ชินวัตร หรือคนชื่อ ดิเรก ถึงฝั่ง หรือใครก็ตามที่ร่วมกันเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้รับรองว่าคงไม่ฉิบหายแน่นอน ตรงกันข้ามถ้าไม่มีคนประเภทนี้เชื่อว่าบ้านเมืองคงจะพัฒนาไปไกลกว่านี้แน่นอน

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเมื่อสังคมได้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองกระจอกพวกนี้แล้วกระแสต่อต้านก็จะปะทุขึ้นมาอีกรอบอย่างแน่นอน เพราะจะเห็นภาพชัดเจนว่ามันไม่มีประโยชน์ใดๆ แต่กลับทะท้อนให้เห็นถึงความไร้สาระน่าโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นพฤติกรรมที่ดุูถูกชาวบ้านอยู่ตลอดเวลา แต่อีกด้านหนึ่งเมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องควบคุมคนเหล่านี้ให้เข้มงวดกว่าเดิม!!
กำลังโหลดความคิดเห็น