กกต.ยังไม่พิจารณารับรอง “สุขุมพันธุ์” ยังไม่ดันคำร้องเข้าที่ประชุมพรุ่งนี้ “สดศรี” คาดชงสัปดาห์หน้า จ่อประกาศรับรองไปก่อน โบ้ยสภาพิจารณากฎหมายเลือกตั้งซ่อมคนลาออกต้องเสียตังค์ หนุนแก้ รธน.มาตรา 237
วันนี้ (19 มี.ค ) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.ยังไม่มีการพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และก็ยังไม่มีการนำเรื่องดังกล่าวบรรจุเข้าวาระการประชุม กกต.กลางในวันที่ 20 มีนาคม เบื้องต้นทราบว่าคำร้องคัดค้านที่ กกต.กทม.เสนอมาอยู่ที่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยของ กกต.กลาง คาดว่าจะสามารถบรรจุเข้าวาระที่ประชุม กกต.ได้ในสัปดาห์หน้า หาก กกต.ยังพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านไม่แล้วเสร็จในระยะเวลา 30 วันนับแต่วันเลือกตั้ง ก็ต้องประกาศรับรองไปก่อน ซึ่งปกติแล้วการประกาศรับรองผลไปก่อนจะอยู่ในช่วง 3 วันก่อนครบกรอบระยะเวลา 30 วันที่กฎหมายกำหนด ส่วนเรื่องร้องคัดค้านที่ค้างอยู่ฝ่ายสืบสวนสอบสวนก็ต้องดำเนินการตรวจสอบและแจ้งให้ที่ประชุม กกต.รับทราบความคืบหน้าภายใน 3 เดือนหลังจากที่มีการประกาศรับรองไปแล้ว หากตรวจสอบพบว่าผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งกระทำการเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งเลือกตั้ง กกต.ก็จะมีมติเสนอใบเหลืองใบแดงไปยังศาลอุทธรณ์ให้พิจารณาวินิจฉัยต่อไป
“ตอนที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.ครั้งแรก ก็มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการนับคะแนนเข้ามา แต่ กกต.กทม.ในขณะนั้นเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย จึงไม่ได้มีความเห็นคัดค้านว่า กกต.กลางจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในช่วง 7 วันหลังการเลือกตั้งไม่ได้ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ด้านบริหารการเลือกตั้งของ กกต.กลางเสนอว่าให้ กกต.กลางประกาศรับรองผลหลังผ่านการเลือกตั้งไปแค่ 3 วัน แต่ กกต.กทม. ก็มีความเห็นมาว่ามีเรื่องร้องคัดค้าน ไม่ควรประกาศรับรองผลไปก่อน และขอเวลาในการสอบสวน 15 วัน กกต.กลางจึงได้มีมติไม่ประกาศรับรองผลในช่วง 7 วันหลังการเลือกตั้ง แต่มาถึงตอนนี้ถ้าการสอบสวนเรื่องร้องเรียนไม่แล้วเสร็จและจะครบตามกรอบเวลา 30 วัน กกต.ก็ต้องประกาศรับรองผลไปก่อน” นางสดศรีกล่าว
ส่วนการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 3 นั้น นางสดศรีกล่าวว่า ที่ประชุม กกต.กลางวันนี้ (19 มี.ค.) จะมีการพิจารณาแต่งตั้ง กกต.ประจำเขตเลือกตั้งที่ 3 เพราะ กกต.ได้มีการเสนอร่างกำหนดวันเลือกตั้งไปแล้วเป็นวันที่ 21 เม.ย. ดังนั้นจึงต้องมีกระบวนการและระยะเวลาในการดำเนินการต่างๆ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งรัฐบาลก็ต้องเป็นผู้สนับสนุน โดยขณะนี้หลายฝ่ายพูดกันว่าเป็นเรื่องสมควรหรือไม่ ที่จะให้ผู้ที่ลาออกเป็นผู้ที่ชดใช้ค่าจัดการเลือกตั้งใหม่ แต่เมื่อกฎหมายไม่ได้บัญญัติไว้รัฐบาลก็ต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย ซึ่งในส่วนของการเลือกตั้งท้องถิ่น กกต.ก็ได้มีการเสนอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นว่า หากผู้บริหารหรือสมาชิกสภาท้องถิ่นคนใดลาออกก่อนครบวาระให้บุคคลนั้นต้องชดใช้ค่าเสียหายในการจัดการเลือกตั้งใหม่ โดย อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา ซึ่งก็ต้องรอดูว่าสภาจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ นางสดศรียังกล่าวถึงการที่ ส.ส.และ ส.ว.จับมือกันเตรียมเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราว่า เท่าที่ทราบจะมี 3 มาตราที่จะมีการแก้ไข โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวผู้ที่จะเป็น ส.ส. ส.ว. โดยตรง เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญในมาตรา 68 รวมถึงเรื่องของการยุบพรรคตามมาตรา 237 ซึ่งหากมีการแก้ไขมาตราเหล่านี้ก็ต้องมีการแก้กฎหมายลูกตามมาด้วย อย่างไรเรื่องของ ส.ว.ที่จะไม่ให้มี ส.ว.มาจากการสรรหา ก็ต้องไปแก้ไขใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. โดยเอา ส.ว.สรรหาออก และต้องไปเพิ่มจำนวน ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนที่จะแก้มาตรา 237 สมัยที่ตนเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก็เป็นเสียงข้างน้อย เพราะเห็นว่าการที่จะยุบพรรคจากกรณีที่หัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคไปกระทำทุจริตการเลือกตั้ง น่าจะเป็นเรื่องความรับผิดของตัวบุคคลมากกว่า แต่เสียงข้างมากก็เห็นว่า พรรคมีหน้าที่ต้องดูแลให้กรรมการบริหาหารพรรคปฏิบัติตนตามกรอบที่กฎหมายกำหนด หากมีการกระทำผิดพรรคก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งตนก็เห็นว่า แนวคิดนี้ที่นำมาสู่การยุบพรรคได้ง่าย ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ และอาจกล่าวได้ว่า ปัญหาการยุบพรรคจากรณีดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาก่อให้เกิดความเสียหายในทางการเมืองในขณะนี้ ซึ่งในต่างประเทศจะไม่มีบทบัญญัติในลักษณะนี้ มีใช้แต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ทั้งนี้เมื่อจะมีการแก้ไขก็จะต้องขึ้นอยู่กับผู้ที่มีอำนาจว่ามีแนวคิดในเรื่องนี้อย่างไร