กกต.ชี้เรื่องร้องเรียนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.คงเข้าที่ประชุมสัปดาห์หน้า รับเคยเตือน กกต.จว.แล้วห้ามเปิดเผยมติ หวั่นทำส่วนกลางกดดัน สวนหน้าที่ไม่ใช่ศาลชั้นต้น จวก ปธ.กกต.กทม.จ้อทำถูกมองเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เผยหนักใจแจกเหลือง-แดงก่อนรับรองผล แต่ชี้ถ้าเลือกตั้งใหม่รัฐก็ต้องจ่ายค่าจัดการ
วันนี้ (13 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกระแสข่าว กกต.กทม.มีมติเสนอ กกต.กลางให้สั่งเลือกตั้งใหม่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้รับการเลือกตั้งว่า ทราบจากผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานครเพียงว่ามีเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เข้ามา 20 เรื่อง สั่งไม่รับ 3 เรื่อง และเป็นเรื่องที่ร้อง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ 9 เรื่อง โดยจะส่งมาให้ กกต.กลางพิจารณา 2 เรื่อง ซึ่งขณะนี้ กกต.กลางยังไม่ได้รับ หากได้รับแล้วที่ประชุม กกต.ก็ต้องพิจารณาก่อนว่าพยานหลักฐานครบถ้วนหรือไม่ จะต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ หรือถ้าทาง กกต.กทม.มีการสอบถ้อยคำของฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้องครบถ้วนแล้ว ที่ประชุม กกต.ก็จะพิจารณาเพื่อมีมติต่อไป ซึ่งก็คงจะไม่ทันเข้าที่ประชุม กกต.ในสัปดาห์นี้ รวมทั้ง กกต.กลางไม่มีประชุมแล้ว ดังนั้นที่ประชุม กกต.คงจะได้มีการพิจารณาในสัปดาห์หน้า
นางสดศรียังกล่าวอีกว่า กกต.กลางได้เคยมีหนังสือแจ้งไปยัง กกต.จังหวัดทุกจังหวัดแล้วว่าเมื่อมีมติว่าจะเสนอ กกต.กลางอย่างไร จะเปิดเผยไม่ได้ ถือเป็นความลับทางราชการ สำนวนต่างๆ ไม่ควรมีการพูดว่าจะเสนอให้ใบแดง ใบเหลือง เพราะถ้าไปบอกเช่นนั้น คนที่จะถูกกดดันก็คือกกต.กลางที่จะต้องเป็นผู้วินิจฉัยขั้นตอนสุดท้าย
“เมื่อถึงเวลา กกต.กลางพิจารณาก็จะถูกจับจ้องว่าจะวินิจฉัยไปเข้าข้างใดข้างหนึ่งหรือไม่ ก็อยากเรียกร้องไปยัง กกต.จังหวัดให้ปฏิบัติตนอยู่ในระเบียบ ไม่ใช่ กกต.จังหวัดเป็นศาลต้น แล้ว กกต.กลางเป็นศาลอุทธรณ์ เพราะอำนาจของ กกต.จังหวัดแค่พิจารณาว่าควรจะรับเป็นคำร้องหรือไม่เท่านั้นเอง ซึ่งที่ผ่านมามีมากที่ กกต.กลางไม่เห็นด้วยกับมติที่ กกต.จังหวัดเสนอมา และมีมากถึงร้อยละ 60 ที่เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลแล้วศาลยกคำร้องไม่เห็นตาม กกต. ฉะนั้น คำตอบต่างๆ จึงต้องรอฟังศาลเว้นแต่จะสอยก่อนการประกาศผลการเลือกตั้ง และถ้าทำเช่นนั้นการจะให้ใบเหลือง ใบแดง ก็ต้องใช้เสียงของที่ประชุม กกต.ถึง 4 ใน 5 ซึ่งมากกว่ากรณีปกติ” นางสดศรีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำแถลงของประธาน กกต.กทม.สอดรับกับคำสัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านั้นที่ระบุว่า กกต.จะให้ใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ นางสดศรี กล่าวว่า เป็นผลจากการพูดไปก่อนของประธาน กกต.กทม.โดยไม่คิดว่าจะมีผลกระทบไปที่ไหนบ้าง โดยหลักแล้วต้องคิดว่าผลลัทธ์มันจะมากระทบกับองค์กร อีกทั้งการพูดไปก่อนทำให้ตัวประธาน กกต.กทม.ถูกมองว่าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ ซึ่งประธาน กกต.ควรจะบอกแต่เพียงว่า กกต.กทม.มีมติส่งเรื่องมายัง กกต.กลางกี่เรื่องเท่านั้น
เมื่อถามต่อว่า การทำหน้าที่ของประธาน กกต.กทม.อาจถูกร้องเรียนไม่ให้มีส่วนในการพิจารณาคำร้องต่อไปได้หรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ของทั้ง กกต.กลาง และกกต.กทม. หากทำด้วยความเป็นกลางย่อมได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายอยู่แล้ว เว้นแต่มีการกระทำที่ส่อให้เห็นชัดเจนว่าเข้าข้าง หรือเป็นไปเพื่อประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนก็ใช้สิทธิในการยื่นร้องคัดค้านการทำหน้าที่ของ กกต.จังหวัดเข้ามาค่อนข้างเยอะ กกต.กลางก็จะพิจารณาว่ามีเหตุผลรับฟังได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม นางสดศรียอมรับว่า กกต.ค่อนข้างหนักใจหากจะต้องมีการพิจารณาให้ใบเหลือง ใบแดง ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.ก่อนการประกาศรับรองผล เพราะถ้าจะทำเช่นนั้นต้องมีหลักฐานชัดเจน จะใช้หลักฐานเพียงเชื่อได้ว่าลำบากมาก อีกทั้งระยะเวลาที่เหลือในกรอบเวลา 30 วันค่อนข้างกระชั้นชิดอาจไม่ทันกับการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ถ้า กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน แล้วไปสอยภายหลังก็จะมีศาลอุทธรณ์ช่วยกลั่นกรองว่าหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าที่ กกต.เสนอไปนั้นรับฟังได้หรือไม่ แต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะสอยก่อนหรือหลังประกาศรับรองผล หากเป็นการสั่งเลือกตั้งใหม่โดยไม่เพิกถอนสิทธิ รัฐจะต้องเป็นสนับสนุนงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งใหม่