xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” เกทับ อ้างนิทรรศการกู้ 2.2 ล้านล้านสานต่อแผนเดิม โวถ้าเป็น ปชป.ทำได้ไม่ต้องกู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจากเฟซบุ๊ก “Abhisit Vejjajiva”
หน.ปชป.นำทีมบุกดูนิทรรศการเงินกู้ 2.2 ล้านล้านของรัฐบาล อ้างแค่สานต่อรถไฟรางคู่ แผนงานเดิมสมัย ปชป.พ่วงรถไฟความเร็วสูงเพิ่มเข้ามา ค้านออก พ.ร.บ.หนีระบบงบประมาณ ห่วงกระทบวินัยการเงินการคลัง หวั่นซ้ำรอย พ.ร.ก.กู้ 3.5 แสนล้าน โวถ้าเป็น ปชป.ทำได้ทันทีไม่ต้องกู้ พบนิทรรศการใหญ่ไร้คนเหลียวแล ต้องเกณท์นักศึกษา กศน.เข้าชมงานแทน


วันนี้ (11 มี.ค.) ที่ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค และคณะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาชมนิทรรศการไทยแลนด์ 2020 โดยมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม รอให้การต้อนรับพร้อมกับนำชมนิทรรศการตลอดงาน โดยใช้เวลาในการเยี่ยมชมนิทรรศการดังกล่าวประมาณ 30 นาที

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จากที่ดูการนำเสนอการลงทุนของรัฐบาล เป็นการสานต่อแผนงานเดิมที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์วางแผนไว้ เช่น รถไฟรางคู่ระยะที่ 2 และการปรับปรุงระบบรางโดยรวม บวกกับเส้นทางใหม่ เช่น เด่นชัย มุกดาหาร นครพนม ทั้งหมดนี้อยู่ในแผนเดิม มีรถไฟความเร็วสูงที่เพิ่มเข้ามา แต่มีความต่างในความคิดคือทางพรรคเห็นว่าควรจะไปหนองคาย และเชื่อมไปที่มาเลเซียก่อน แต่รัฐบาลชุดนี้ตัดสินใจหยิบที่โคราชและหัวหิน ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการเสียโอกาสในการเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงของจีน ที่ทำจากลาวมาชายแดนไทย

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่เป็นห่วงคือการหาเงินมาทำโครงการเพราะไม่เห็นด้วยต่ตอการกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท เนื่องจากเชื่อว่าจากแผนที่กำหนดจะใช้เงินปีละประมาณ 3 แสนล้านบาท สามารถบริหารจัดการระบบงบประมาณได้โดยตัดโครงการที่ไม่จำเป็น ลดการรั่วไหลจากการทุจริต แต่ถ้ามุ่งไปสู่การกู้เงินก็จะเป็นการหลีกเลี่ยงตามระบบงบประมาณ ทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับการประเมินสถานะการเงินการคลัง และความโปร่งใสด้วย เพราะที่ผ่านมารัฐบาลนี้ยกเว้นระเบียบระเบียบการจัดซื้อการจัดจ้าง และใช้วิธีพิเศษแทน เช่น การออก พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท รัฐบาลก็จัดนิทรรศการเช่นนี้ แต่สุดท้ายการดำเนินการก็ไม่มีความชัดเจน

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า นายชัชชาติรับฟังความเห็นต่างของตนเรื่องการจัดลำดับโครงการ แต่จะนำความเห็นนี้ไปทำอะไรหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ของรัฐบาล ทั้งนี้ ตนไม่ได้ถามว่าเหตุใดรัฐบาลจึงเลือกที่จะออก พ.ร.บ.กู้เงินแทนการจัดสรรตามระบบงบประมาณตามปกติ แต่นายกิตติรัตน์ พยายามชี้แจงว่าการกู้เงินไม่กระทบต่อเสถียรภาพ ซึ่งยังไม่ได้คุยในเชิงระบบว่าเมื่อรัฐบาลทำแบบนี้จะทำให้ระบบงบประมาณไร้ความหมายในเชิงติดตามตรวจสอบ และไม่ได้พูดถึงระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะการแยกเงินลงทุนออกจากการจัดงบประมาณปกติ โดยเลี่ยงใช้การออกกฎหมายกู้เงินแทนนั้น จะมีผลต่อวินัยการเงินการคลัง เพราะทำให้ไม่รู้สถานะที่แท้จริงเหมือนกับสิ่งที่รัฐบาลทำในขณะนี้ ก็อ้างว่าการจัดสรรงบประมาณน้อยลงในปี 2557 แต่เมื่อดูจากการกู้เงินก็จะเป็นสถานะการเงินการคลังที่แท้จริงของประเทศ

ดังนั้น การที่รัฐบาลทำให้มีเงินกู้แยกออกเป็นหลายบัญชี เชื่อว่าบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญดูออก แต่เกรงว่าคนที่ทำนโยบายเองที่จะไม่เที่ยงตรงกับตัวเอง เพราะมีการวางเป้าหมายจัดงบสมดุลในปี 60 แต่ก็มีคำถามว่าความจริงแล้วหนี้จะเพิ่มไปเท่าไหร่ แม้ว่าโครงการเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ แต่วิธีการนำเงินมาใช้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ตนยืนยันว่าหากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสได้บริหารงานต่อ สิ่งเหล่านี้สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงิน ซึ่งวิธีการนี้จะเป็นประโยชน์ว่ารัฐบาลจะต้องไปทบทวนโครงการที่ไม่จำเป็น อีกทั้งสมมติฐานหลายอย่างของรัฐบาลก็ไม่ชัดเจนว่าจะเป็นไปได้จริงหรือไม่ เช่น ระบุว่าการจำนำข้าวจะไม่ขาดทุนหลังปี 2556 ก็ไม่ทราบว่าสมมุติฐานการคลังคืออะไร เพราะในปีแรกขาดทุนไปแล้ว 2 แสนล้านบาท หากทำต่อเนื่องก็จะขาดทุนทุกปีปีละ 2 แสนกว่าล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิทรรศการดังกล่าวแทบจะไม่มีประชาชนทั่วไปมาเยี่ยมชม แต่มีการเกณฑ์นักศึกษา กศน.จากทั่วประเทศมาร่วมงานแทน ซึ่งทั้งหมดจะใส่เสื้อสีชมพูแสดงชัดเจนว่ามาจากสำนักงาน กศน.


กำลังโหลดความคิดเห็น