“ปานเทพ” เผย พธม.เสนอนิรโทษฯ เฉพาะผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.มั่นคง พิสูจน์ความจริงใจแกนนำแดง เชื่อมวลชนถูกจับเป็นตัวประกันไม่ให้รอดไปโดยไม่พ่วงตัวการเข้าไปด้วย ด้าน “อ.ณรงค์” ยกย่อง “ชาเบซ” ต้นแบบผู้นำกล้าหาญ ลุกขึ้นทวงผลประโยชน์น้ำมันจากอเมริกา อีกทั้งยังเป็นคนรักชาติ รักคนจน ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ชี้คุณสมบัติเหล่านี้หาไม่ได้เลยในนักการเมืองไทย
วันที่ 6 มี.ค. รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
โดยนายปานเทพ กล่าวถึงการยื่นข้อเสนอของพันธมิตรฯ เรื่องนิรโทษกรรมว่า การที่ตนยื่นครั้งนี้เป็นการพิสูจน์ว่าในที่สุดแล้วแกนนำต้องการเอามวลชนมาเป็นตัวประกันให้ตัวเองหรือไม่ เพราะเราเสนอให้นิรโทษกรรมเฉพาะผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.มั่นคง โดยกระบวนการที่มีระบบอย่างที่สามารถอธิบายต่อสังคมได้ ซึ่งหากสามารถทำได้จะมีถึงพันกว่าคนที่จะได้ล้างความผิด ในพันกว่าคนนี้ไม่มีความผิดทางอาญาอย่างอื่นเลย แค่ไปชุมนุมแล้วถูกกฎหมายครอบ บางคนประกันตัวออกมา บางคนติดคุก บางคนหนีคดี แต่แกนนำไม่ต้องการให้พวกนี้หลุดเพราะต้องเอามาผูกรวมกับคดีอาญาร้ายแรงอื่นๆ โดยอ้างความน่าสงสารของมวลชนเพื่อที่ตัวเองจะได้หลุดพ้นความผิดไปด้วย เลยวัดใจว่าแกนนำสงสารมวลชนจริงหรือเปล่า นี่จึงเป็นที่มาของการเสนอเงื่อนไขของพันธมิตรฯ
ส่วนกรณีที่ ส.ส.เพื่อไทย 21 ราย เตรียมยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมต่อประธานสภาฯ โดยเว้นความผิดให้เฉพาะมวลชนไม่รวมแกนนำ ซึ่งตนไม่แปลกใจที่ไม่รวมแกนนำด้วย สังเกตว่าแกนนำเสื้อแดงกำลังอยู่ในสภาพแซนด์วิช คือมวลชนดันขึ้น แต่รัฐบาลกดลง แกนนำตรงกลางมีหลายคนที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาด้วย การยกเว้นความผิดให้กระบวนการเหล่านี้จะทำให้แกนนำพ้นผิดคดีอาญาไปด้วย แต่รัฐบาลไม่ยอมถ้ายกเว้นความผิดเฉพาะแกนนำและมวลชน นั่นคือแกนนำจับมวลชนมาเป็นตัวประกัน แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และคนที่เกี่ยวกับรัฐบาลต้องการเอามวลชนและแกนนำมาผูกกับตัวเองด้วย แต่การเสนอชื่อแบบนี้เอาตัวเองรอด ตนมั่นใจว่าขัดรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการกันแห่งผลประโยชน์ในการช่วยพวกของตัวเอง แล้วตนก็เชื่อว่าสุดท้ายอาจไม่มีการนำเข้าสู่สภาในทางปฏิบัติ เพียงแต่คาเอาไว้เพื่อเอาใจมวลชน เพราะเขาก็หาทางออกไม่ได้ว่าทำอย่างไร เพราะเข้าสู่สภาเมื่อไหร่มั่นใจเลยว่าขัดรัฐธรรมนูญ
นายปานเทพกล่าวต่อว่า การที่เราไปครั้งนี้ไปเพื่อบอกว่าเราไม่ใช่คู่กรณีของคนเสื้อแดง แต่คู่กรณีคือแกนนำและรัฐบาลเอง ตนขอย้ำว่าคนเสื้อแดงที่ติดคุกเหล่านี้เดือดร้อนจริง แต่ที่สำคัญคนเหล่านี้หันมามองบ้างไหมว่าแกนนำพวกเขาไม่ต้องติดคุก ทักษิณเป็นอิสระอยู่ต่างประเทศ สามารถใช้เงินมหาศาล แต่คนทั้งหมดกลับเอาเสื้อแดงเป็นตัวประกันเพื่อผลประโยชน์ตัวเองเท่านั้น ถ้าการนิรโทษกรรมให้มวลชนเดินหน้าได้ไม่มีข้อขัดแย้งเลย แสดงว่าจริงใจต่อมวลชน ที่เรากำลังทำอยู่เพื่อให้ประชาชนที่ร่วมชุมนุมได้เรียนรู้ธาตุแท้ของแกนนำและพรรคเพื่อไทย ว่าเนื้อแท้เขาคิดอย่างไรต่อการใช้มวลชนตัวเอง
รศ.ดร.ณรงค์ กล่าวถึงกรณีการเสียของ อูโก ชาเบซ ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาว่า คนประเภทนี้ได้ให้บทเรียนแก่โลก ดังนี้ 1. พิสูจน์ว่าคนที่อยู่ในประเทศเล็กถ้ากล้าสู้ กล้าเสี่ยง และฉลาดในการต่อสู้ สามารถสู้มหาอำนาจได้ อย่างชาเบซได้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับอเมริกาเรื่องบ่อน้ำมัน โดยขอค่าภาคหลวง 80 เปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่ให้จะยึดคืน อเมริกาก็ขู่ว่าถ้ายึดไปจะไม่มีใครซื้อน้ำมันด้วยเพราะเป็นน้ำมันที่กำมะถันเยอะ แต่ชาเวซรู้ว่าประเทศไหนสามารถใช้น้ำมันเขาได้ โดยมีจีนและบราซิลพร้อมที่จะซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลา จนอเมริกาต้องยอม
2. ถ้าประเทศเล็กๆ ฉลาดในการรวมตัวกัน สามารถสร้างอำนาจในการต่อรองได้ ที่อเมริกาสามารถครอบงำประเทศเล็กๆ ได้ตลอดเพราะเขาไปจับตัวผู้นำไว้ และมวลชนไม่เข้าใจข้อมูลต่างๆ แต่ชาเบซหลังออกจากคุกเขาเดินทางทั่วประเทศไปอยู่กับชาวบ้าน ไปส่งเสริมชุมชน ให้การศึกษาอย่างต่อเนื่อง จนประชาชนตื่นตัว นี่เป็นบทเรียนของเรา เรามีคนที่อาสาทำงานการเมืองที่คัดค้านมหาอำนาจหรือไม่ ตนรู้สึกผิดหวังเพื่อตนที่เป็นเสื้อแดงหลายคน ตอน 14 ตุลา ออกมาไล่อเมริกา แต่มาวันนี้ไม่ทำอะไรสักอย่าง ไม่เข้าใจทำไมเปลี่ยนไป พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้นำประชานิยม ไม่เคยต่อต้านมหาอำนาจ แต่การที่คนเล็กคนน้อยระดมคนขึ้นมาให้เข้าใจข้อเท็จจริง มันสามารถสร้างพลังผลักดันจากประชาชนได้
3. ทำไมคนคนเดียวสามารถสร้างประกายแห่งพลังของคนเล็กคนน้อยคนยากจนทำให้แผ่กระจายไปทั่วละตินอเมริกาได้ นั่นเพราะเขามีพลังผลักดัน ไม่ใช่คนที่ทำอะไรโดยมีสิ่งจูงใจมาล่อ แต่เขาเป็นคนมีความเจ็บปวด ต้องทำเพื่อหนีความเจ็บปวด ชาเบซโตมาจากชาวบ้านจนๆ ผลักตัวเองขึ้นมาเป็นชนชั้นแรงงาน มีความรู้ มีความคาดหวัง แต่ผิดหวังเลยเกิดความคับแค้นใจ จึงเป็นแรงผลักดันให้เขา ทำให้รักคนจน รู้สึกเป็นพวกเดียวกันกับคนจน ทีนี้เขาตั้งคำถามคนจนเกิดจากอะไร ในเมื่อน้ำมัน ทรัพยากรก็เยอะ นี่คือสิ่งที่ฝังใจเขา ดังนั้นต้องดึงทรัพยากรคืนมาให้ได้เพื่อแจกคนจน นี่คือประชานิยมแบบชาเวซ เรียกได้ว่าเป็นนักประชานิยมตัวจริง แล้วเขายังส่งเสริมคนจนด้วยการดึงขึ้นมาทำงานเป็นรัฐมนตรี เป็นการมอบอำนาจให้ไปอยู่ในมือประชาชน แต่ของไทยทำประชานิยมเพื่อให้ประชาชนมอบอำนาจให้รัฐบาล มันตรงข้ามกัน
การสร้างประชานิยมแบบเพื่อไทย ถ้าเลียนแบบชาเบซสักหน่อยก็น่าจะดี เงินกู้ 2.2 ล้านล้าน ใช้เวลา 7 ปี ถามว่าถ้าใช้วิธีชาเบซ เพิ่มค่าภาคหลวง 60 เปอร์เซ็นต์พอ ไม่ต้องถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ปีหนึ่งจะได้ 3 แสนล้านบาท 7 ปีได้ 2.1 ล้านล้าน ไม่จำเป็นต้องกู้เลย ตนอยากถามรัฐบาลว่ามีเสียงเต็มสภา ล็อบบี้กันกู้เงิน 2.2 ล้านล้านยังทำได้ แต่ทำไมไม่สามารถออก พ.ร.บ.ปิโตรเลียมใหม่ให้ขึ้นค่าภาคหลวง เพื่อสร้างประชานิยมของคุณเอง มันยากตรงไหน ใครไปมัดมือคุณไว้ถึงทำไม่ได้ ทรัพยากรของเราสามารถเอามาใช้ให้คนจนของประเทศหายไปได้ ทำไมไม่ทำ
นายปานเทพกล่าวว่า สิ่งที่เราได้จากชาเบซ คือทำให้เห็นว่าประเทศสามารถฝ่าวงล้อมทุนนิยมสามานย์ข้ามชาติได้ จากความเชื่อเดิมๆ ว่าเราต้องอยู่ภายใต้ทุนข้ามชาติ แล้วเขาก็ทำสำเร็จ นอกจากนี้เขาเป็นนักต่อสู้ กล้าลงมือ และยอมเสียสละ สร้างองค์ความรู้ให้ประชาชน แล้วเขาก็ไม่หวั่นต่อมหาอำนาจ แต่ของไทยมักเป็นเด็กดีต่ออเมริกา
แม้เทียบประชานิยมใกล้เคียงกับไทย แต่ผลสุดท้ายหลักวิธีคิดของชาเบซ เขามีวิธีคิดว่าหาเงินจากไหนมาทำประชานิยม โดยเอาทรัพยากรเป็นหลักคือต้องไม่ตกภายใต้ทุนสามานย์ แต่ต้องตกอยู่กับประชาชน เอาเงินจากทรัพยากรไปให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์อย่างมหาศาล ตรงข้ามกับประชานิยมของไทย มองแต่ให้เฉยๆ แต่ไม่มองถึงแหล่งที่มา และเอาประโยชน์ทั้งหลายไปให้ทุนนิยมข้ามชาติและนักการเมือง มันเป็นการกอบโกยเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อชาติ เพื่อประชาชน
ที่สำคัญมันแปลกเวลาทำประชานิยมเขาแจกชาวบ้าน ลดภาษี ลดการจัดเก็บรายได้ แต่สร้างหนี้เยอะ ขัดแย้งกันเองหมดเลย อยากได้ทุกอย่าง แต่ทรัพยากรกลับเป็นของนักการเมือง ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปวันหนึ่งไทยจะเป็นกรีซแห่งที่สอง หรือไม่ก็เป็นอาร์เจนตินา ยุคเปรอง ทุกอย่างขายหมดเพราะต้องคืนหนี้ด้วยการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขายทรัพย์สิน
เมื่อถามว่าในประเทศไทยสามารถมีใครเป็นอย่างชาเบซได้หรือไม่ รศ.ดร.ณรงค์กล่าวว่า ตนมองไม่เห็นเลย เนื่องจากชาเบซมีคุณสมบัติ คือ 1. เป็นนักสังคมนิยม ที่รักและเสมอภาคกับคนจนมากๆ 2. เป็นคนที่รักชาติ ทุกครั้งที่เขาอ่านเรื่องมหาอำนาจรังแกประเทศอื่น เขาจะโกรธมาก อีกทั้งเขาโตมาจากชนชั้นที่ด้อยในสังคม เลยรู้สึกเกลียดการเอาเปรียบมาก 3. เขาค่อนข้างเกลียดพวกมหาอำนาจ ความเกลียดโกรธ ทำให้พร้อมที่จะลุย 4. เขาพยายามผสมระหว่างคอมมิวนิสต์กับทุนนิยม แนวทางถึงออกมาเป็นรัฐสวัสดิการ แม้เขาเอาทรัพยากรคืนจากมหาอำนาจ แต่พอเอามาได้แล้วหลังจากนั้นก็อ่อนลง มีการเชิญนายทุนอเมริกาเข้ามาลงทุน ช่วงเด็ดขาดก็เด็ดขาด แต่พอประนีประนอมก็ต้องประนีประนอม 5. เป็นนักคิดนักปฏิบัติ คิดอะไรก็นำไปสู่การปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่เพ้อฝัน
นายปานเทพกล่าวว่า คุณสมบัติ 5 ประการที่ รศ.ดร.ณรงค์กล่าวมานั้น ไม่มีในนักการเมืองไทยเลย ฉะนั้นประเทศจะเปลี่ยนก็ต่อเมื่อประชาชนต้องเป็นคนผลักดัน เราอาศัยนักการเมืองที่มีอยู่ในระบบขณะนี้ไม่ได้เลย ถึงวันนี้ไม่มีใคร ไม่มีพรรคไหน พูดถึงเรื่องปฏิรูปปิโตรเลียมเพื่อคนไทยเลย ตนคิดว่าไม่มีทางอื่นนอกจากประชาชนต้องลุกขึ้นสู้ อาจต้องรอให้เกิดความเจ็บปวดจากวิกฤตที่จะเกิดขึ้น หรือถ้าโชคดียังไม่เกิดวิกฤตแต่ประชาชนรู้สึกเองว่าต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง และต้องการผู้นำแบบชาเบซ ซึ่งคนแบบชาเบซมีในไทยแต่ไม่ได้เป็นนักการเมือง อาจต้องรอเวลาและสถานการณ์บ่มเพาะ ถึงเวลานั้นอาจมีคนแบบอูโก ชาเบซได้