“ส.ว.สุมล” เฉ่ง “เฮียเพ้ง” กระต่ายตื่นตูมทำชาวบ้านตกใจปูดไฟฟ้าไม่พอใจ ย้อนถามแผนขึ้นค่าไฟฟ้าของรัฐบาลใช้หรือไม่ ด้าน “ประสาร” ห่วงเงินกู้ป้องกันน้ำท่วม 3.5 แสนล้านบาท ไม่โปร่งใส แฉ บ.เค-วอเตอร์ รัฐวิสาหกิจจากเกาหลี 1 ใน 6 บริษัทที่เข้ารอบโครงการบริหารจัดการน้ำ จับเสือมือเปล่า มาแต่ตัวไม่มีพันธมิตรบริษัทก่อสร้างและผู้ชำนาญการ “ยุวดี” โวยป้ายหาเสียงผู้ว่าฯ กทม.ขวางจราจร
ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมวุฒิสภา วันนี้ (26 ก.พ.) ซึ่งมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ทำหน้าเป็นประธาน ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ โดย น.ส.สุมล สุตะวิริยวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวว่า ขณะนี้สังคมกำลังตกใจกับประกาศของนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน ต่อกรณีที่พม่าปิดซ่อมท่อก๊าซในเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีการปิดซ่อม ตนจึงคิดว่า รมว.พลังงานทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องเตรียมแผนรองรับ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องออกมาโวยวาย ไม่แปลกที่ภาคอุตสาหกรรมจะตำหนิการกระทำของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม จากการกระทำดังกล่าวทำให้เกิดคำถามว่ารัฐบาลจะขึ้นค่าไฟฟ้าใช่หรือไม่ สิ่งที่รัฐบาลสมควรทำ คือ มาตรการประหยัดพลังงาน ตนไม่เคยเห็นรัฐบาลชุดนี้สนับสนุนมาตรการประหยัดพลังงานเลย มีแต่โครงการประชานิยมที่ให้ใช้พลังงานมากขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้น ไม่ว่าพม่าจะซ่อมหรือไม่ซ่อมท่อแก๊ส รัฐบาลไทยก็ต้องมีมาตรการประหยัดพลังงานอย่างยั่งยืน
ด้านนายสุริยา ปันจอร์ ส.ว.สตูล กล่าวว่า รัฐบาลอาจใช้มาตรการประหยัดพลังงานในช่วงวิกฤตระหว่างวันที่ 5-14 เม.ย. โดยปิดหลอดไฟฟ้าบนท้องถนนทั้งในเมืองและชนบท ซึ่งโอกาสที่จะประสบปัญหาก็คงจะหายไป
ส่วนนายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา หารือว่า พ.ร.ก.การบริหารจัดการน้ำ ที่ต้องมีการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งในมาตรา 3 กำหนดว่าให้กระทำได้ภายในกำหนดเวลาไม่เกินวันที่ 30 มิ.ย. 2556 เท่ากับเหลือเวลาเพียง 4 เดือน ทั้งนี้จะทำอีไอเอ (EIA) และเอชไอเอ (HIA) กันอย่างไร ทั้งแก่งเสือเต้น เขื่อนแม่วงศ์ และประตูระบายน้ำ เพราะทั้งหมดล้วนเป็นโครงการที่เข้ามาตรา 67 (2) ที่ต้องผ่านการการทำทั้งอีไอเอ และเอชไอเอทั้งสิ้น โดยบริษัทที่ผ่านการกลั่นกรองเพื่อดำเนินโครงการนี้มีทั้งหมด 6 บริษัท แต่บริษัทที่ได้รับการเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ คือ บริษัท เค-วอเตอร์ ของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งบริษัทดังกล่าวไม่ได้เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง แต่เป็นรัฐวิสาหกิจของเกาหลีใต้ โดยไม่มีพันธมิตรและผู้ชำนาญการในแต่ละด้านร่วมด้วย เรียกได้ว่ามาแต่ตัว จับเสือมือเปล่า จะเข้าทำนองเดียวกับบริษัทเดียวสร้างโรงพัก 396 โรงพักหรือไม่
นายประสารกล่าวว่า ในช่วงที่น้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 ทางรัฐบาลไทยได้ขอให้ไจก้า ซึ่งเป็นองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นช่วยศึกษาและทำแผนบริหารจัดการอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งล่าสุดไจก้าชี้ว่าการที่รัฐบาลไทยมีแผนจะสร้างทั้ง 10 โครงการ ในงบประมาณ 3.5 แสนล้านบาทนั้นไม่จำเป็นต้องสร้างทั้งหมด สามารถใช้มาตรการอื่นที่ไม่ใช่สิ่งก่อสร้างทดแทนได้ เช่น สนับสนุนให้ชุมชนในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาปรับตัวให้อยู่กับน้ำโดยไม่เดือดร้อนเมื่อน้ำท่วม โดยรัฐบาลไทยควรบริหารจัดการน้ำในเขื่อนใหญ่ 2 เขื่อนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา แก้ปัญหาน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นหลักร่วมกับการปรับปรุงขุดลอกแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นต้น จะทำให้งบประมาณก่อสร้างจะลดลงถึงร้อยละ 70 ซึ่งงบประมาณดังกล่าวจะเหลือเพียง 1 แสนล้านบาทเท่านั้น
ดังนั้น โครงการนี้ต้องจับตาเป็นพิเศษ เพราะว่ารัฐบาลยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไร ขอแต่เพียงให้ได้ใช้เงิน 3.5 แสนล้านบาทเท่านั้น โดยที่ยังไม่ได้ฟังความต้องการของชาวบ้าน อีกทั้งยังไม่ทำ อีไอเอ เอชไอเอ แต่จะใช้เงินก้อนนี้ให้ได้
ด้านนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ขอให้คณะกรรมาธิการที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบทุจริตได้ติดตามตรวจสอบว่า เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท มีค่าปากถุงในการกู้เงินเท่าไหร่ ปกติจ่ายกันร้อยละ 25 สตางค์ หรือที่มีข้อครหา 30 เปอร์เซ็นต์เป็นค่าคอมมิชชันในการคอร์รัปชัน ซึ่งจากข้อมูลของไจการะบุชัดเจนว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินถึง 3.5 แสนล้านบาท ลดลงเหลือแค่แสนล้านเท่านั้นเองอีก 2.45 แสนล้านจะเอาไปทำอะไรก็ขอให้ติดตาม
ขณะที่นางยุวดี นิ่มสมบูรณ์ ส.ว.สรรหา หารือถึงแผ่นป้ายหาเสียงของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ว่า หลายจุดที่ติดตั้งบดบังการจราจร ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกสบาย ที่สำคัญอาจก่อให้เกิดอันตรายได้โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและคนพิการ ยิ่งใกล้ถึงวันเลือกตั้ง 3 มี.ค.นี้ยิ่งติดป้ายหาเสียงมากขึ้นชนิดที่เรียกว่าติดกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทั้งนี้ นโยบายส่วนใหญ่ของผู้สมัครเน้นให้คน กทม.มีความสุข แต่ตนคิดว่าแค่เพียงเริ่มต้นก็ก่อให้เกิดความทุกข์เสียแล้ว ดังนั้นจึงขอเชิญชวนประชาชนอย่าเลือกตั้งผู้สมัครที่ดีแต่พูดและไม่รักษาสัญญา ทั้งนี้ ใคร่ขอความกรุณาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย
