xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” ขนทีม ศก.กินข้าวเช้านักลงทุนฮ่องกง หารือผู้บริหารสูงสุดเพิ่มความเชื่อมั่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ภาพจากแฟ้ม)
นายกรัฐมนตรีนำทีมเศรษฐกิจร่วมหารือกับนักลงทุนชั้นนำในฮ่องกง ย้ำถึงโอกาสการลงทุนของไทยภายใต้แผนยุทธศาสตร์ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ก่อนหารือผู้บริหารฮ่องกง ยกระดับความร่วมมือหาแนวทางพัฒนาร่วมกัน หวังเพิ่มความเชื่อมั่นไทย

วันนี้ (26 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการเดินทางเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกงอย่างเป็นทางการว่า ที่ห้องเบอร์กันดี โรงแรมไอส์แลนด์ แชงกรี-ลา นายกฯ และคณะ เช่น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ได้ร่วมรับประทานอาหารเช้ากับผู้บริหารชั้นนำระดับสูงด้านการธนาคารและการลงทุนของฮ่องกงและต่างชาติ

โดยการพบปะครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ภายหลังการประสบอุทกภัย ที่ผ่านมาโดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยได้เจริญเติบโตมาอย่างเข้มแข็ง แม้จะมีการชะลอตัวกับบางประเทศคู่ค้า โดยในปี 2012 เศรษฐกิจไทยเติบโต 6.4% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.1% และในปี 2013 เศรษฐกิจตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้น 5.0-6.0 % สำหรับปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันการเติบโตในปีนี้ คือ อุปสงค์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เสถียรภาพภายในประเทศเอื้ออำนวยต่อการเติบโต

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า การลงทุนในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานมีแผนสำคัญ ได้แก่ แผนการลงทุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ตั้งเป้าเพื่อเป็นการส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันงบประมาณ 2 ล้านล้านบาท จะใช้ในการดำเนินงานโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 7 ปี เพื่อยกระดับสาธารณูปโภคด้านการคมนาคมของประเทศ แผนการลงทุนจะเน้นด้านการคมนาคมและเครือข่ายลอจิสติกส์ ประกอบด้วย เส้นทางรถไฟ เส้นทางเดินเรือ และสาธารณูปโภคตามแนวชายแดน สำหรับโครงการระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ได้ตั้งงบประมาณ 350,000 ล้านบาท โดยจะดำเนินการในช่วงระยะเวลา 6 ปี เพื่อป้องกันอุทกภัยและสนับสนุนระบบชลประทานทั่วประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลมีความคิดริเริ่มและแรงจูงใจในการลงทุน โดยได้กำหนดมาตรการสำคัญ อาทิ ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 20% ในปีนี้ โดยลดต่อเนื่องจากปีที่ผ่านๆ มา ซึ่งจะทำให้อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของไทยต่ำกว่าหลายประเทศในภูมิภาค

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ย้ำถึงโอกาสการลงทุนของไทยภายใต้แผนยุทธศาสตร์ (Country Strategy) ที่จะส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยจะเน้นการลงทุนในอินฟราสตรักเจอร์ การจัดทำโซนนิ่งเกษตร และการส่งเสริมเอสเอ็มอี และโอทอป นอกจากนี้จะให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำผ่านการพัฒนาระบบการศึกษาและสาธารณสุขให้ทั่วถึง โดยการสร้างความเจริญเติบโต ที่จะต้องยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการลงทุนด้านการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงโครงสร้างลงทุนพื้นฐานขนาดใหญ่ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจากต้นทุนที่ลดลง การกระจายความเจริญ การส่งเสริมความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาค ซึ่งจะสามารถเป็นจุดเชื่อมต่อกับฮ่องกง ซึ่งมีท่าอากาศยานและท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ และเป็นจุดขนส่งสินค้าที่สำคัญที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าเป็นอันดับต้นของโลกได้อีกด้วย

ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปยังอาคารทำเนียบรัฐบาลเพื่อหารือข้อราชการกับนายเหลียง จุ้นอิง ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง ในการยกระดับและสานความร่วมมือกับรัฐบาลฮ่องกง โดยนายกรัฐมนตรีได้แสดงความยินดีต่อนายเหลียง จุ้นอิง ที่ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงในปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งชื่นชมศักยภาพของฮ่องกงที่เป็นศูนย์กลางการเงินชั้นนำของโลก และมีการเติบโตทาเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง โดยได้ใช้โอกาสการนี้สร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย ทั้งด้านการเมืองที่ปัจจุบันถือว่ามีเสถียรภาพทางการเมือง เอื้ออำนวยการต่อการลงทุน และรัฐบาลได้ดำเนินนโยบายสร้างความปรองดอง ที่จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อความมั่นคงทางการเมืองของไทยให้ต่อเนื่องยิ่งขึ้น ส่วนด้านเศรษฐกิจนั้นรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการที่ครอบคลุมเพื่อสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 4.5 ถึง 5.5 รวมทั้งพัฒนาการค้าและการลงทุนใหม่ๆ

ขณะเดียวกัน การลงทุนจากต่างประเทศ หรือ FDI (Foreign Direct Investment) รัฐบาลก็ได้ให้ความสำคัญและส่งเสริม โดยเฉพาะเทคโนโลยีชั้นสูง และอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่มูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท รวมทั้งโครงการการบริหารจัดการน้ำอีก 350,000 ล้านบาท ซึ่งโดยโครงการที่เป็นที่สนใจ คือเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมจากกรุงเทพฯ ไปภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันตก และภาคใต้ รวมทั้งการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนสร้างมอเตอร์เวย์จากกรุงเทพฯ ไปชายแดนประเทศพม่า เพื่อเป็นการเชื่อมต่อทางบกกับท่าเรือน้ำลึกทวาย รวมถึงการให้ความสำคัญในการพัฒนาการเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงภูมิภาค โดยการพัฒนาเส้นทางคมนาคมและเครือข่าย

นอกจากนี้ นายกฯ และผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงยังได้หารือแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาความร่วมมือที่เอื้อต่อการส่งเสริมความร่วมมือและการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งฮ่องกงถือเป็นประตูสู่จีน และมีศักยภาพด้านการค้า ลอจิสติกส์ การลงทุน บริการ และการเงินและธนาคาร และไทยและฮ่องกงจะได้ใช้ศักยภาพที่มีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดระหว่างกัน รวมทั้งส่งเสริมการค้าข้าวไทยในฮ่องกง ที่เป็นตลาดสำคัญของไทย และมีการนำเข้าเป็นจำนวนมากในทุกปี และยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มได้อีกมาก รวมทั้งตลาดท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระหว่างกัน ที่สนับสนุนและส่งเสริมให้มีการเติบโตมากขึ้น

มีรายงานว่า ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีและนายเหลียง จุ้นอิง ได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทย-เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ระหว่างนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายกรีกอรี โซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจของฮ่องกง ซึ่งสาระสำคัญของข้อตกลงฯ เช่น การอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการค้าสินค้า, การอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการบริการ, การแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือในการดำเนินการตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้า, ความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง, ความร่วมมือและการส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น