xs
xsm
sm
md
lg

“จิรายุ” เตือน ปชป.อย่ายุ่งพาสปอร์ต “นช.แม้ว” ไล่ไปหา สด.9 อภิสิทธิ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (ภาพจากแฟ้ม)
รองโฆษกเพื่อไทยแถลงข่าวยืดยาว ยัน “ทักษิณ” มาเชียงรายระหว่างนายกฯ ปฏิบัติราชการไม่เป็นเรื่องจริง ไล่ “ชวนนท์” ไปหา สด.9 อภิสิทธิ์ มากกว่าจี้ถอนพาสปอร์ตทักษิณ กังขา ปชป. ปูดข่าวคนย้ายเข้าทะเบียนบ้าน กทม. บอกทำไม “สุขุมพันธุ์” ไม่โวยวายก่อนหน้า “หมวดเจี๊ยบ” ปัดตำรวจจับมือเสื้อแดงโกงเลือกตั้ง ชี้เรื่องเหลวไหล โวคะแนนนิยม “พงศพัศ” ดีถึงถูกใส่ร้ายบ่อย

วันนี้ (16 ก.พ.) ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 10.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวโดยกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน เดินทางมาที่จังหวัดเชียงราย ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปราชการนั้นไม่เป็นเรื่องจริง ตนเห็นว่าเป็นการพยายามดิสเครดิตท่านนายกยิ่งลักษณ์รายวัน และทำอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่แพ้เลือกตั้ง ส่วนกรณีที่อดีตนายกฯจะมาประเทศเพื่อนบ้านที่ไหนเมื่อไรนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไร และวันนี้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็ยินดีต้อนรับและเชิญอดีตนายกฯ ไปบรรยายเกือบทุกสัปดาห์ในหลากหลายทวีป และหากจะไปประเทศไหนตนจะบอกให้พลพรรคประชาธิปัตย์ทราบก่อนจะได้ไม่ต้องตื่นเต้นมากนัก

“เดี่ยวนี้คนไทยมีลูกไปเรียนต่างประเทศเขาคุยกันเห็นหน้ากันด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องออกมาพูดว่า ท่านนายกยิ่งลักษณ์ไปพบท่านทักษิณที่เชียงราย เรื่องนี้ไม่เห็นจะเป็นประเด็นอะไรนอกจากพวกเจ้าของโรงน้ำแข็งที่ปั้นน้ำเป็นตัวทุกวันเพื่อใส่ร้ายนายกยิ่งลักษณ์” นายจิรายุกล่าว

ส่วนกรณีที่นายชวนนท์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ พยายามจะใช้วาทะกรรมเล่นคำกรณีไปสั่งการให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ถอนพาสปอร์ตอดีตนายกฯ นั้น ตนไม่เข้าใจว่าพลพรรคนี้เป็นอะไรมากหรือไม่ และตนเห็นว่านายชวนนท์ ควรจะไปชนเขื่อนในบ้านของตัวเอง ควรไปช่วยนายอภิสิทธิ์หัวหน้าพรรคไปหาเอกสาร สด.9 ให้เจอก่อนจะดีกว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินเขาก็รออยู่จะได้ไม่โดนคำครหาในกรณีสองมาตรฐาน ว่าเรื่องนี้ด่วนเรื่องนี้หวานเย็นได้ เพราะวันนี้กว่า 3 เดือน ประชาชนก็รอฟังอยู่ว่า สด.9 ของนายอภิสิทธิ์นั้นมีจริงหรือไม่ เพราะหากมีจริงกลาโหมจะได้คืนยศร้อยตรีให้นายอภิสิทธิ์ไปเป็นหมวดมาร์คเหมือนเดิม ตนไม่อยากไห้ใครไปคิดว่าผู้ตรวจการแผ่นดินขยันทำงานเฉพาะเรื่องของทักษิณอย่างเดียว

นายจิรายุกล่าวว่า วันนี้นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ ส.ส. ส.ก. ส.ข.หาเสียงโดยใช้นโยบายการหาเสียงในรูปแบบนำเสนอนโยบายที่ดีว่าจะเปลี่ยนแปลงกรุงเทพในทางที่ดีขึ้นอย่างไร ทั้งคุณภาพชีวิต การจราจร และสวัสดิการสังคม และการเดินหน้าทำกรุงเทพไปในทางที่ดีขึ้นด้วยการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม ให้กับกรุงเทพมหานคร ซึ่งวันนี้ตนไม่เห็นด้วยที่คู่แข่งบางพรรคจะหมดมุกที่จะหาเสียงผู้ว่าฯ กทม.ด้วยนโยบายหรืออย่างไร ซึ่งหากมีนโยบายอะไรที่ดีๆ ที่จะทำให้กับคนกรุงได้ก็ควรบอก ไม่ใช่จะมาสาดโคลนใส่ผู้สมัครตลอดเวลา

อย่างเรื่องพระราชทานยศพลตำรวจตรี พอความจริงปรากฏว่าได้มาตามขั้นตอนถูกต้องก็แถว่าไม่ได้พูด มาคราวนี้เรื่องโรงพักก็ไม่จบแขวะซ้ายทีขวาที ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ โดยตรง ยังแถไปได้อีก และเรื่องแบบนี้ พล.ต.อ.พงศพัศ ก็ไปชี้แจงด้วยตัวเองหลายครั้งว่าไม่เกี่ยวกัน ก็ยังพยายามโยงทุกวันให้เกี่ยวจนได้ ตนไม่อยากคิดว่าจะเป็นการโยงเพื่อหวังผลต่อการเลือกตั้ง แต่อยากจะบอกว่าคนกรุงฯเขาเบื่อแล้วเขาอยากฟังว่าจะทำอะไรให้ คน กทม.ที่อยู่กับของเดิมๆ มา 8 ปีบ้าง และอะไรที่จะทำให้คนเลือกของเก่าบ้าง วันนี้น่าจะใช้พื้นที่สื่อออกมาบอกประชาชนคนกรุงดีกว่า ว่าอะไรที่ทำไปแล้วและคนกทม.จำได้เป็น มรรคเป็นผลบ้าง และอะไรที่ยังไม่ทำโดยเฉพาะนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ เมื่อ 11 มกราคม 2552 ของอดีตผู้ว่าฯ กทม. ตั้ง 30 ข้อ

นายจิรายุกล่าวอีกว่า กรณีที่พลพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาปูดเรื่องการย้ายคนเข้ามาในทะเบียนบ้านใน กทม.ในขณะนี้นั้นตนไม่ทราบว่าคนพูดตั้งใจกุข่าวหรือแกล้งมึน เพราะการย้ายทะเบียนบ้านจากต่างจังหวัดไปจังหวัดไหนเป็นสิทธิของประชาชน แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย เพราะกฎหมายเลือกตั้งเขาก็เขียนไว้ชัดเจนว่าต้องมีชื่อในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่า 3 เดือนหรือ 90 วันถึงจะมีสิทธิในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในจังหวัดนั้นๆ และหากย้ายกันจริงในวันนี้ เดือนนี้ก็ไม่ครบ 90 วันก็ไม่มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อยู่ดี แต่หากย้ายก่อนหน้านี้ 3 เดือนก็หมายความว่า ต้องย้ายในช่วงเดือน พฤศจิกายน ปีที่แล้ว ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. คนก่อนก็ชื่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร และคุมผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขตและคุมทะเบียนราษฎรในกทม.อยู่ใช่หรือไม่ ทำไมไม่ออกมาโวยวายตอนนั้น อย่างนี้น่าจะไปถามอดีตผู้ว่าฯ กทม. จะรู้มากกว่าว่าย้ายคนมามากจริงหรือไม่

ส่วนกรณีภาคประชาชนกว่าหมื่นคนจะร่วมกันเป็นหน่วยสอดส่องเฝ้าระวังการทุจริตการเลือกตั้งนั้น แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปปราศรัยที่วงเวียนใหญ่เมื่อวานนี้กลับบอกว่า หากเลือกผู้สมัครหมายเลข 9 จากพรรคเพื่อไทยแล้วจะเป็นเหมือนการปล้นทางการเมือง ซึ่งการปราศรัยเช่นนี้ กกต.กทม.น่าจะนำไปพิจาราณาว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสีหรือไม่ และตนคิดว่าคำว่าปล้นทางการเมืองนั้นต้องใช้ในลักษณะที่แพ้เลือกตั้ง และมีเสียงในสภาน้อยกว่าครึ่ง แต่ไปชักชวนสมาชิกพรรคคนอื่นไปตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหารและมาเป็นรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรีแบบพรรคตัวเองไม่ต้องชนะเลือกตั้ง อย่างนี้น่าจะใช้คำว่าปล้นทางการเมืองมากกว่า นายสุเทพไม่ควรดูถูกคนกรุงเทพ ที่มีความรู้ และเข้าใจในการเมืองพอสมควร

ส่วนอาสาสมัครจับทุจริตของภาคประชาชนกว่าหมื่นคนชุดนี้จะลงพื้นที่ทุกคูหาเลือกตั้งอย่างเข้มข้น เพราะมีตัวอย่างในการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 ที่มีการนับคะแนนที่หน่วยแต่ ขานบัตรเสียหมายเลข 1 เยอะจนผิดปรกติ ก็ไม่มีใครทักท้วง พอนับเสร็จ ยอดที่นับที่หน่วยพอไปถึงเขตรวมคะแนนออกมาเป็นอีกยอด นอกจากนี้พรรคยังได้รับการร้องเรียนจำนวนมากว่ามีผีปรากฏในทะเบียนจริงคือ มีชื่อคนตายปรากฏในทะเบียนบ้านที่มีสิทธิเลือกตั้ง และส่วนใหญ่กลับเป็นหมู่บ้านที่ไม่เคยเลือกพรรคเพื่อไทย เรื่องอย่างนี้ต้องเกาะติดอย่างเข้มข้นและจะรวบรวมหลักฐานส่งให้กกต.ต่อไป

นอกจากนี้ พรรคยังได้กำชับให้ ส.ส.แต่ละเขต เฝ้าระวังจับผิดการทำลายป้ายหาเสียง อย่างในเขตคลองสามวาของตน หมายเลข 9 โดนเก็บทุกวันซึ่งก็ได้นำป้ายไปติดในจุดที่มีกล้องซีซีทีวีแล้ว หากกล้อง กทม.ไม่สามารถเก็บภาพก็หมายความว่า กล้องเป็นกล้องดัมมี่ เพราะหลายวันมานี้สายตรวจภาคพลเมืองในเขตคลองสามวา เช่น รปภ. ตามหมู่บ้านแจ้งมาว่ามีรถออกตะเวนเก็บป้าย และทำลายป้ายหมายเลข 9 ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลเพื่อรวบรวมร้อง กกต.และแจ้งความดำเนินคดีต่อไป

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม กล่าวว่า ตามที่ นายสุเทพ กล่าวปราศรัยบนเวทีวงเวียนใหญ่ ทำนองว่ารัฐบาลอาจสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมมือกับคนเสื้อแดงโกงเลือกตั้ง โดยการพิมพ์บัตรเลือกตั้งปลอมที่กองสลาก ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมกองสลากอยู่ แล้วจะให้คนเสื้อแดงแอบเอาบัตรไปยัดหีบเลือกตั้งนั้น พรรคเพื่อไทยขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง คำพูดของนายสุเทพ เป็นเรื่องที่เหลวไหล น่าตกใจที่ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์มีความคิดเช่นนี้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่รัฐบาลจะไปสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดกฎหมาย

นอกจากนี้ การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐก็ถูกควบคุมด้วย พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น มาตรา 60 อยู่แล้ว ซึ่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำการอันเป็นคุณเป็นโทษแก่ผู้สมัครรายใด ซึ่งพรรคเพื่อไทยเองก็ต้องการเห็นเจ้าหน้าที่รัฐและองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งวางตัวเป็นกลางเช่นกัน ดังนั้น สิ่งเดียวที่รัฐบาลกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็คือ ขอให้ทำตามหน้าที่ และดูแลการเลือกตั้งให้มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อให้ผลการเลือกตั้งเป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยมีความคิดโกงการเลือกตั้ง และที่ผ่านมา ก็ไม่เคยโกงการเลือกตั้ง โดยเฉพาะใน กทม.ไม่ว่าจะเป็นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยหวังว่าสังคมจะให้ความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ในช่วงหลังมักถูกคู่แข่งนำไปโยงกับประเด็นข่าวต่างๆ เพื่อหวังดิสเครดิตและทำลายชื่อเสียง โดยไม่มีหลักฐานชัดเจน ซึ่งอาจเป็นเพราะคู่แข่งเห็นว่าคะแนนนิยมของ พล.ต.อ.พงศพัศ มีแนวโน้มที่ดี และ พล.ต.อ.พงศพัศ เองก็ยืนยันว่าไม่ต้องการดำเนินการตามกฎหมายกับใครในช่วงเลือกตั้ง จึงทำให้คู่แข่งหันมาใช้วิธีการสกปรกเพื่อลดความน่าเชื่อถือ พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมแข่งขันเลือกตั้งอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่มาดิสเครดิตกันโดยไม่เป็นความจริง


กำลังโหลดความคิดเห็น