ASTVผู้จัดการรายวัน- 2 กุนซื้อแม้ว "โกร่ง-หมอมิ้ง" ได้ที จี้ปลด "กิตติรัตน์" กรณีโกหกสีขาว ทำภาพลักษณ์รัฐบาลติดลบ ด้าน"ปู"ยังอุ้ม"โต้ง" อ้างโกหกด้วยเจตนาดี แถมทำไขสือ ไม่มีใครสั่งขุนคลังแหกตาตัวเลขได้ ปรับเป้าส่งออกรอบใหม่ เป็น 8-9 % พิลึกบอกสื่ออย่าลงข่าวเรื่องก็จบ "ส.ว.คำนูณ" จี้ลาออก พร้อมขอโทษประชาชน นักลงทุน ระบุขัดจริยธรรม- รธน.มาตรา 279-178 ผู้ตรวจการแผ่นดิน ต้องเข้ามาดำเนินการ ส่งเรื่องให้ป.ป.ช. ฟัน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ออกมายอมรับว่า ได้พูดโกหกเรื่องตัวเลขการส่งออกที่ตั้งเป้าไว้ 15% เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน และยังบกว่าได้รับอนุญาตให้พูดไม่จริงบ้างในบางเรื่อง หรือที่เรียกว่า White lie หรือโกหกสีขาว ว่า เชื่อว่าทุกคนมีเจตนาดี ท่านรองนายกฯกิตติรัตน์ ก็มีเจตนาดี คงไม่มีเหตุผลในการที่จะมาปกปิดอะไร และตัวเลขก็เป็นตัวเลขที่เก็บจากข้อมูลจริง ซึ่งเราต้องชี้แจงประชาชนอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการออกมายอมรับแบบนี้ จะฉุดความเชื่อมั่นของรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าท่านคงไม่มีเจตนา ถ้ามีเจตนา ท่านคงไม่พูดคำนี้
เมื่อถามว่า การที่นายกิตติรัตน์ ระบุชัดเจนว่า ได้รับคำสั่งให้พูดไม่จริงได้ในบางเรื่องนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า " คำสั่งอะไรคะไม่มีหรอกค่ะ ใครจะสั่งได้คะ ตัวเลขนี้ก็เป็นตัวเลขจริงหมด"
เมื่อถามว่า ตัวเลขการส่งออกที่นายกฯ มองว่าจะเป็นไปได้ จะอยู่ที่ประมาณเท่าไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ณ วันนี้ตัวเลขส่งออกที่ทางสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานครึ่งปีอยู่ที่กว่า 7% แต่เดิมทีที่ตั้งเป้ามากับกระทรวง 15% แต่เนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ สถานการณ์ความผันผวนทางตลาดของยุโรป ทำให้การส่งออกมีตัวเลขที่ลดลง ตนเองมองว่า จากตัวเลขที่เราพยายามจะเร่งในส่วนอื่นๆ ด้วย เชื่อว่าตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 8-9% นี่คือเป้าหมาย
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะดูแลนักลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแลในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออก เรียนว่าภาพรวมต้องดูในหมวดอื่นๆ ที่มีศักยภาพที่จะเร่งจำนวนตัวเลขในการส่งออกให้มากขึ้น แต่ว่าในอุตสาหกรรมที่มีตัวเลขลดลง ภาครัฐคงต้องเข้าไปดูแล เพื่อให้ประคองในแง่ของธุรกิจต่างๆ และในระยะยาว คงสนับสนุนในเรื่องของการสร้างความแข็งแรงของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นที่เราต้องทำ โดยเฉพาะในภาคการเกษตร
ผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสอบถามต่อถึงกรณีที่หลายฝ่ายโดยเฉพาะกลุ่มส.ว.ที่ออกมาแสดงความหวังดีต่อรัฐบาล โดยเสนอให้ นายกิตติรัตน์ ลาออกจากการทำหน้าที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินออกจากวงล้อมผู้สื่อข่าว พร้อมกับยิ้มและพูดเพียงสั้นๆว่า “พอแล้วค่ะ” จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พยายามที่จะถามย้ำเรื่องดังกล่าว นายกฯ หันมาพูดกับผู้สื่อข่าวว่า"ก็อย่าไปลงสิ ก็จบ"
**"2กุนซือแม้ว"ตะเพิด"โต้ง"
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ขณะนี้ 2 ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ถือเป็น "มันสมอง" ในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ คือ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่ปรึกษาฯ ในด้านลับ มีความเห็นพ้องที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงตัว รมว.คลัง ในการปรับครม. ที่กำลังจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้โดยอาศัย ข้ออ้างเรื่อง White Lie หรือ "โกหกสีขาว" ที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้ออกมาพูดยอมรับว่า ได้รับอนุญาตให้พูดโกหกในเรื่องตัวเลขการส่งออก ว่าจะถึง 15% เพราะถ้าออกมาพูดความจริงว่าการส่งออกของไทยจะทำได้ไม่ถึง 15% จะทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนมีปัญหา
รายงานข่าวแจ้งว่า คำพูดของนายกิตติรัตน์ ถูกมองว่า ทำให้ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ติดลบโดยทันที และอาจเป็นปัญหาต่อการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาลในระยะยาว รวมถึงการทำให้แผนแถลงนโยบายของรัฐบาล 1 ปี ที่กำลังเขียนอยู่ มีปัญหาทันที ซึ่งอาจส่งผลไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย
ดังนั้นการปรับนายกิตติรัตน์ พ้นเก้าอี้รมว.คลัง จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แล้วเปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่แทน
** "ส.ว.คำนูณ" จี้ "กิตติรัตน์" ลาออก
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงการที่นายกิติติรัตน์ ยอมรับว่า พูดไม่จริงในเรื่องเป้าหมายการส่งออกว่าจะขยายตัว 15% แต่เป็นการโกหกสีขาวตามมาตรฐานสากลนั้น ตนถือว่า เป็นเรื่องใหญ่ ต่อไปใครจะเชื่อถือรัฐบาล ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ประจำปี 2556 ที่จะเข้าสู่วุฒิสภาในสัปดาห์หน้า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเลขใดโกหกสีขาวบ้าง หรือ โกหกหมด ตนเห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ประมวลจริยธรรมของข้าราชการ นักการเมือง ข้อ 6 (2) (7) และข้อ10 ข้อ15 ดังนั้น นายกิตติรัตน์ จะต้องลาออกจากตำแหน่ง หรือถ้าไม่ลาออก อย่างน้อยต้องออกมาขอโทษประชาชน นักธุกิจ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ว่าที่ผ่านมานายกิตติรัตน์ กระทำการผิดพลาด ซึ่งจะหลีกหนีต่อปัญหานี้ไม่ได้ เพราะตามประมวลจริยธรรมฯ ข้อ 30 นั้น ระบุไว้ ให้มีหน้าที่ต้องกำกับดูแลงานในส่วนที่รับผิดชอบ
นายคำนูณ กล่าวด้วยว่า อยากฝากไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินว่า เรื่องนี้ควรจะต้องมีการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ มาตรา 44 (2) ดำเนินการเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 วรรค 3 การไม่ปฎิบัติตามจริยธรรม กระทำผิดทางวินัย ให้ผู้ตรวจการฯ รายงานต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หากเป็นการกระทำผิดร้ายแรง ต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. พิจารณา และดำเนินการ โดยให้ถือเป็นเหตุที่จะถูกถดถอนตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวานนี้ ช่วงก่อนเข้าสู่วาระ ประธานในที่ประชุม ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกได้หารือ ก็มีส.ว.หลายคน อาทิ น.ส. สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี นายเจตน์ ศิรธนานนท์ ส.ว.สรรหา ก็นำเรื่องนี้มาหารือในที่ประชุมด้วย เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีความผิดร้ายแรง กระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด โดยด่วน
**เปิดคลิปมัด"ปู"ต้นตอสั่ง"โต้ง"โกหก
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้พบต้นตอ การโกหกของนายกิตติรัตน์แล้ว และคนที่มีนโยบายให้นายกิตติรัตน์โกหกคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเด็กเลี้ยงแกะ ที่ทำให้ประเทศหมดความน่าเชื่อถือ
ทั้งนี้ น.ส.มัลลิกา ได้นำคลิปวีดีโอ คำพูดของนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง เกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายการส่งออกที่ 15 % คือเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.55 น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวระหว่างการประชุมปฏิบัติการด้านการส่งออก เพื่อผลักดันการส่งออกให้มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 15 และ คำพูดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 7 ก.ค.55 ในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน โดยทั้งสองช่วงเวลา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ย้ำถึงตัวเลขเป้าการส่งออกที่ 15 % โดยให้เหตุผลว่า จะมีการการปรับวิธีการ แต่ไม่ปรับเป้าหมาย และมั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ แสดงให้เห็นว่า คนที่อนุญาตให้นายกิตติรัตน์โกหก ก็คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์
อย่างไรก็ตาม พรรคจะติดตามคณะทำงาน 5 ชุด ที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น เพื่อผลักดันตัวเลขส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมาย15 % ด้วยว่า มีส่วนใดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศหรือไม่ เพราะเชื่อในพุทธพจน์ที่ว่า คนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี และต่อจากนี้ไป จะตรวจสอบคำพูดของนายกรัฐมนตรี ว่ามีส่วนไหนที่โกหกประชาชนหรือไม่ เพื่อมานำเสนอต่อสาธารณะด้วย
"ดิฉันอยากถามว่า มีเรื่องไหนที่ไม่โกหก ที่ผ่านมาโกหกทุกเรื่องหรือไม่ ที่โฟร์ซีซั่นส์ โกหกหรือไม่ การโกหกนอกจากผิดจริยธรรมทางการเมืองแล้ว ยังสร้างความเสียหายให้กับประเทศด้วย จึงขอเรียกร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน พิจารณาเรื่องนี้ เพื่อส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามระเบียบต่อไป โดยพรรคจะประสานทางโทรศัพท์ไปก่อนว่า ทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้หยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาหรือไม่ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ชาติเสียหาย กระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศด้วย หากผู้ตรวจการแผ่นดินไม่มีการดำเนินการ พรรคจะหารือกับฝ่ายกฎหมาย เพื่อรวบรวมข้อมูลดำเนินการต่อไป" รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
***'โอ๊ค'เกาะ'White lie'ช่วย'โต้ง'
นายพานทองแท้ ชินวัตร โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก หัวข้อ White lie vs. Black truth “โกหกสีขาว ตรงข้ามกับ พูดความจริงสีดำ" อย่างไหนเหมาะกับสังคมไทย ระบุว่า ผมว่าในปัจจุบันอย่างหลังยังได้เปรียบอยู่เยอะเพราะโกหกสีขาวพอขึ้นชื่อว่าโกหกปุ๊บ จะอธิบายอย่างไรคนมักจะไม่ฟังกันแล้ว พรรคประชาธิปัตย์รู้ความจริงข้อนี้ดี เลยออกมาโจมตีรองนายกกิตติรัตน์ กันใหญ่ตั้งแต่หัวแถวยันปลายแถว โดยลืมไปว่าคนที่ใช้วิธีโกหกสีขาวมาก่อนหน้านี้คือพรรคประชาธิปัตย์เอง โกหกต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 3-4ปี แถมโกหกแล้วยังถูกจับได้คาหนังคาเขา ไม่ได้ออกมายืดอกยอมรับแบบลูกผู้ชายด้วยตัวเองเหมือนรองกิตติรัตน์ด้วยซ้ำไป
นายพานทองแท้ ระบุอีกว่า พวกเรายังจำเรื่องกล้องซีซีทีวีปลอมของ กทม. หรือที่เรียกว่า "กล้องดัมมี่" ได้ไหมครับที่มีคนแอบไปส่องดูแล้วพบว่ากล้องตามที่ผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์โฆษณาหาเสียงว่าติดตั้งครบแล้ว10,000 ตัว พร้อมสโลแกน "ทั้งชีวิตเราดูแล พร้อม...เพื่อคนกรุงเทพ" เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด จำเลยทางสังคมในเรื่องนี้ทั้ง 2 คน โยนความผิดกันไปมา ล้วนเป็นผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งคู่ ติดตั้งกล้องดัมมี่ตั้งแต่ปี 50 สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ยันสมัยม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร โกหกคนกรุงเทพฯทั้งเมือง ปิดข่าวเงียบกริบจนมีคนไปถ่ายรูปมาลงในเน็ต จนสุดท้ายต้องยอมรับสารภาพว่าโกหก และติดกล้องดัมมี่หลอกเอาไว้เป็นพันๆตัว แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาให้เหตุผลกันยกใหญ่ว่าโกหกด้วยความปรารถนาดีบ้าง เอาไว้หลอกโจรจะได้ไม่กล้ากระทำผิดบ้าง แต่ในกรณีที่คนดีๆที่เขากล้าไปเดินคนเดียว เพราะนึกว่ามีกล้องอยู่จริงๆ ปรากฏว่าโดนปล้น,จี้,ข่มขืน.ฆ่า แล้วจับตัวผู้ร้ายไม่ได้เพราะเป็นกล้องปลอม เขาต้องเดือดร้อนจากผู้ว่าฯโกหก ไม่มีพลพรรคประชาธิปัตย์ออกมาด่าผู้ว่าพรรคตัวเองสักคน
“ผมสรุปอย่างนี้แล้วกันนะครับว่า รองกิตติรัตน์ คราวหน้าไม่ต้องไปหวังดีขนาดนั้นครับ ตัวเลขมันจะตามหรือไม่ตามเป้าก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริงเลยดีกว่าเพราะการเมืองไม่เหมือนภาคธุรกิจ เนื่องจากมีฝ่ายค้านครับ ค้านได้ทุกเรื่องแล้วก็อีกอย่างทางการเมืองเค้าไม่ใช้วิธียอมรับ ไม่ว่าจะดำหรือขาวยอมรับไปเจอไฮยีน่ารุมตายเลยครับ ทางการเมืองเขาใช้วิธีไม่พูดครับ บางเรื่องโดนจับได้คาหนังคาเขา หลักฐานชัด พยานเพียบ ถามอย่างไรก็ไม่ตอบ จี้ถามไปหนักๆเข้าก็หลบหน้านักข่าวให้เรื่องเงียบ แล้วค่อยออกมาพล่ามกันต่อแบบนี้ก็มีครับ"
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ออกมายอมรับว่า ได้พูดโกหกเรื่องตัวเลขการส่งออกที่ตั้งเป้าไว้ 15% เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน และยังบกว่าได้รับอนุญาตให้พูดไม่จริงบ้างในบางเรื่อง หรือที่เรียกว่า White lie หรือโกหกสีขาว ว่า เชื่อว่าทุกคนมีเจตนาดี ท่านรองนายกฯกิตติรัตน์ ก็มีเจตนาดี คงไม่มีเหตุผลในการที่จะมาปกปิดอะไร และตัวเลขก็เป็นตัวเลขที่เก็บจากข้อมูลจริง ซึ่งเราต้องชี้แจงประชาชนอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการออกมายอมรับแบบนี้ จะฉุดความเชื่อมั่นของรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าท่านคงไม่มีเจตนา ถ้ามีเจตนา ท่านคงไม่พูดคำนี้
เมื่อถามว่า การที่นายกิตติรัตน์ ระบุชัดเจนว่า ได้รับคำสั่งให้พูดไม่จริงได้ในบางเรื่องนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า " คำสั่งอะไรคะไม่มีหรอกค่ะ ใครจะสั่งได้คะ ตัวเลขนี้ก็เป็นตัวเลขจริงหมด"
เมื่อถามว่า ตัวเลขการส่งออกที่นายกฯ มองว่าจะเป็นไปได้ จะอยู่ที่ประมาณเท่าไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ณ วันนี้ตัวเลขส่งออกที่ทางสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานครึ่งปีอยู่ที่กว่า 7% แต่เดิมทีที่ตั้งเป้ามากับกระทรวง 15% แต่เนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ สถานการณ์ความผันผวนทางตลาดของยุโรป ทำให้การส่งออกมีตัวเลขที่ลดลง ตนเองมองว่า จากตัวเลขที่เราพยายามจะเร่งในส่วนอื่นๆ ด้วย เชื่อว่าตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 8-9% นี่คือเป้าหมาย
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะดูแลนักลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปดูแลในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออก เรียนว่าภาพรวมต้องดูในหมวดอื่นๆ ที่มีศักยภาพที่จะเร่งจำนวนตัวเลขในการส่งออกให้มากขึ้น แต่ว่าในอุตสาหกรรมที่มีตัวเลขลดลง ภาครัฐคงต้องเข้าไปดูแล เพื่อให้ประคองในแง่ของธุรกิจต่างๆ และในระยะยาว คงสนับสนุนในเรื่องของการสร้างความแข็งแรงของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นที่เราต้องทำ โดยเฉพาะในภาคการเกษตร
ผู้สื่อข่าวพยายามที่จะสอบถามต่อถึงกรณีที่หลายฝ่ายโดยเฉพาะกลุ่มส.ว.ที่ออกมาแสดงความหวังดีต่อรัฐบาล โดยเสนอให้ นายกิตติรัตน์ ลาออกจากการทำหน้าที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินออกจากวงล้อมผู้สื่อข่าว พร้อมกับยิ้มและพูดเพียงสั้นๆว่า “พอแล้วค่ะ” จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พยายามที่จะถามย้ำเรื่องดังกล่าว นายกฯ หันมาพูดกับผู้สื่อข่าวว่า"ก็อย่าไปลงสิ ก็จบ"
**"2กุนซือแม้ว"ตะเพิด"โต้ง"
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ขณะนี้ 2 ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ถือเป็น "มันสมอง" ในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ คือ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่ปรึกษาฯ ในด้านลับ มีความเห็นพ้องที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงตัว รมว.คลัง ในการปรับครม. ที่กำลังจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้โดยอาศัย ข้ออ้างเรื่อง White Lie หรือ "โกหกสีขาว" ที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้ออกมาพูดยอมรับว่า ได้รับอนุญาตให้พูดโกหกในเรื่องตัวเลขการส่งออก ว่าจะถึง 15% เพราะถ้าออกมาพูดความจริงว่าการส่งออกของไทยจะทำได้ไม่ถึง 15% จะทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนมีปัญหา
รายงานข่าวแจ้งว่า คำพูดของนายกิตติรัตน์ ถูกมองว่า ทำให้ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ติดลบโดยทันที และอาจเป็นปัญหาต่อการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาลในระยะยาว รวมถึงการทำให้แผนแถลงนโยบายของรัฐบาล 1 ปี ที่กำลังเขียนอยู่ มีปัญหาทันที ซึ่งอาจส่งผลไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย
ดังนั้นการปรับนายกิตติรัตน์ พ้นเก้าอี้รมว.คลัง จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แล้วเปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถเข้ามาทำหน้าที่แทน
** "ส.ว.คำนูณ" จี้ "กิตติรัตน์" ลาออก
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงการที่นายกิติติรัตน์ ยอมรับว่า พูดไม่จริงในเรื่องเป้าหมายการส่งออกว่าจะขยายตัว 15% แต่เป็นการโกหกสีขาวตามมาตรฐานสากลนั้น ตนถือว่า เป็นเรื่องใหญ่ ต่อไปใครจะเชื่อถือรัฐบาล ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ประจำปี 2556 ที่จะเข้าสู่วุฒิสภาในสัปดาห์หน้า เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ตัวเลขใดโกหกสีขาวบ้าง หรือ โกหกหมด ตนเห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ประมวลจริยธรรมของข้าราชการ นักการเมือง ข้อ 6 (2) (7) และข้อ10 ข้อ15 ดังนั้น นายกิตติรัตน์ จะต้องลาออกจากตำแหน่ง หรือถ้าไม่ลาออก อย่างน้อยต้องออกมาขอโทษประชาชน นักธุกิจ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ว่าที่ผ่านมานายกิตติรัตน์ กระทำการผิดพลาด ซึ่งจะหลีกหนีต่อปัญหานี้ไม่ได้ เพราะตามประมวลจริยธรรมฯ ข้อ 30 นั้น ระบุไว้ ให้มีหน้าที่ต้องกำกับดูแลงานในส่วนที่รับผิดชอบ
นายคำนูณ กล่าวด้วยว่า อยากฝากไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินว่า เรื่องนี้ควรจะต้องมีการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ มาตรา 44 (2) ดำเนินการเกี่ยวกับจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 วรรค 3 การไม่ปฎิบัติตามจริยธรรม กระทำผิดทางวินัย ให้ผู้ตรวจการฯ รายงานต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หากเป็นการกระทำผิดร้ายแรง ต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. พิจารณา และดำเนินการ โดยให้ถือเป็นเหตุที่จะถูกถดถอนตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมวุฒิสภา เมื่อวานนี้ ช่วงก่อนเข้าสู่วาระ ประธานในที่ประชุม ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกได้หารือ ก็มีส.ว.หลายคน อาทิ น.ส. สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี นายเจตน์ ศิรธนานนท์ ส.ว.สรรหา ก็นำเรื่องนี้มาหารือในที่ประชุมด้วย เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีความผิดร้ายแรง กระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด โดยด่วน
**เปิดคลิปมัด"ปู"ต้นตอสั่ง"โต้ง"โกหก
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้พบต้นตอ การโกหกของนายกิตติรัตน์แล้ว และคนที่มีนโยบายให้นายกิตติรัตน์โกหกคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเด็กเลี้ยงแกะ ที่ทำให้ประเทศหมดความน่าเชื่อถือ
ทั้งนี้ น.ส.มัลลิกา ได้นำคลิปวีดีโอ คำพูดของนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง เกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายการส่งออกที่ 15 % คือเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.55 น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวระหว่างการประชุมปฏิบัติการด้านการส่งออก เพื่อผลักดันการส่งออกให้มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 15 และ คำพูดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 7 ก.ค.55 ในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน โดยทั้งสองช่วงเวลา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ย้ำถึงตัวเลขเป้าการส่งออกที่ 15 % โดยให้เหตุผลว่า จะมีการการปรับวิธีการ แต่ไม่ปรับเป้าหมาย และมั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ แสดงให้เห็นว่า คนที่อนุญาตให้นายกิตติรัตน์โกหก ก็คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์
อย่างไรก็ตาม พรรคจะติดตามคณะทำงาน 5 ชุด ที่นายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น เพื่อผลักดันตัวเลขส่งออกให้เป็นไปตามเป้าหมาย15 % ด้วยว่า มีส่วนใดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศหรือไม่ เพราะเชื่อในพุทธพจน์ที่ว่า คนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี และต่อจากนี้ไป จะตรวจสอบคำพูดของนายกรัฐมนตรี ว่ามีส่วนไหนที่โกหกประชาชนหรือไม่ เพื่อมานำเสนอต่อสาธารณะด้วย
"ดิฉันอยากถามว่า มีเรื่องไหนที่ไม่โกหก ที่ผ่านมาโกหกทุกเรื่องหรือไม่ ที่โฟร์ซีซั่นส์ โกหกหรือไม่ การโกหกนอกจากผิดจริยธรรมทางการเมืองแล้ว ยังสร้างความเสียหายให้กับประเทศด้วย จึงขอเรียกร้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน พิจารณาเรื่องนี้ เพื่อส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการตามระเบียบต่อไป โดยพรรคจะประสานทางโทรศัพท์ไปก่อนว่า ทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้หยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาหรือไม่ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ชาติเสียหาย กระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศด้วย หากผู้ตรวจการแผ่นดินไม่มีการดำเนินการ พรรคจะหารือกับฝ่ายกฎหมาย เพื่อรวบรวมข้อมูลดำเนินการต่อไป" รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
***'โอ๊ค'เกาะ'White lie'ช่วย'โต้ง'
นายพานทองแท้ ชินวัตร โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก หัวข้อ White lie vs. Black truth “โกหกสีขาว ตรงข้ามกับ พูดความจริงสีดำ" อย่างไหนเหมาะกับสังคมไทย ระบุว่า ผมว่าในปัจจุบันอย่างหลังยังได้เปรียบอยู่เยอะเพราะโกหกสีขาวพอขึ้นชื่อว่าโกหกปุ๊บ จะอธิบายอย่างไรคนมักจะไม่ฟังกันแล้ว พรรคประชาธิปัตย์รู้ความจริงข้อนี้ดี เลยออกมาโจมตีรองนายกกิตติรัตน์ กันใหญ่ตั้งแต่หัวแถวยันปลายแถว โดยลืมไปว่าคนที่ใช้วิธีโกหกสีขาวมาก่อนหน้านี้คือพรรคประชาธิปัตย์เอง โกหกต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 3-4ปี แถมโกหกแล้วยังถูกจับได้คาหนังคาเขา ไม่ได้ออกมายืดอกยอมรับแบบลูกผู้ชายด้วยตัวเองเหมือนรองกิตติรัตน์ด้วยซ้ำไป
นายพานทองแท้ ระบุอีกว่า พวกเรายังจำเรื่องกล้องซีซีทีวีปลอมของ กทม. หรือที่เรียกว่า "กล้องดัมมี่" ได้ไหมครับที่มีคนแอบไปส่องดูแล้วพบว่ากล้องตามที่ผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์โฆษณาหาเสียงว่าติดตั้งครบแล้ว10,000 ตัว พร้อมสโลแกน "ทั้งชีวิตเราดูแล พร้อม...เพื่อคนกรุงเทพ" เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด จำเลยทางสังคมในเรื่องนี้ทั้ง 2 คน โยนความผิดกันไปมา ล้วนเป็นผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งคู่ ติดตั้งกล้องดัมมี่ตั้งแต่ปี 50 สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ยันสมัยม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร โกหกคนกรุงเทพฯทั้งเมือง ปิดข่าวเงียบกริบจนมีคนไปถ่ายรูปมาลงในเน็ต จนสุดท้ายต้องยอมรับสารภาพว่าโกหก และติดกล้องดัมมี่หลอกเอาไว้เป็นพันๆตัว แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาให้เหตุผลกันยกใหญ่ว่าโกหกด้วยความปรารถนาดีบ้าง เอาไว้หลอกโจรจะได้ไม่กล้ากระทำผิดบ้าง แต่ในกรณีที่คนดีๆที่เขากล้าไปเดินคนเดียว เพราะนึกว่ามีกล้องอยู่จริงๆ ปรากฏว่าโดนปล้น,จี้,ข่มขืน.ฆ่า แล้วจับตัวผู้ร้ายไม่ได้เพราะเป็นกล้องปลอม เขาต้องเดือดร้อนจากผู้ว่าฯโกหก ไม่มีพลพรรคประชาธิปัตย์ออกมาด่าผู้ว่าพรรคตัวเองสักคน
“ผมสรุปอย่างนี้แล้วกันนะครับว่า รองกิตติรัตน์ คราวหน้าไม่ต้องไปหวังดีขนาดนั้นครับ ตัวเลขมันจะตามหรือไม่ตามเป้าก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริงเลยดีกว่าเพราะการเมืองไม่เหมือนภาคธุรกิจ เนื่องจากมีฝ่ายค้านครับ ค้านได้ทุกเรื่องแล้วก็อีกอย่างทางการเมืองเค้าไม่ใช้วิธียอมรับ ไม่ว่าจะดำหรือขาวยอมรับไปเจอไฮยีน่ารุมตายเลยครับ ทางการเมืองเขาใช้วิธีไม่พูดครับ บางเรื่องโดนจับได้คาหนังคาเขา หลักฐานชัด พยานเพียบ ถามอย่างไรก็ไม่ตอบ จี้ถามไปหนักๆเข้าก็หลบหน้านักข่าวให้เรื่องเงียบ แล้วค่อยออกมาพล่ามกันต่อแบบนี้ก็มีครับ"