พท.เย้ยฝ่ายค้านสอบตกอภิปรายงบประมาณ แนะทำการบ้านให้ดีในการอภิปรายญัตติซักฟอก เหน็บ “มาร์ค-เทือก” นั่งไม่ติดคดี 98 ศพ โบ้ยรัฐบาลรังแก้ ด้านรองโฆษกรัฐบาล ตั้งฉายา ปชป. “พูดเรื่องเก่า เข้าตัว มัวอิจฉา ศรัทธาเสื่อม”
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 ว่าขอชื่นชมฝ่ายค้านที่ให้ความร่วมมือในการอภิปรายตามกรอบตลอด 3 วันที่ผ่านมา แม้จะมีบางคนที่ล้ำเส้น และพูดพาดพิงบุคคลที่ 3 บ้างแต่ก็ยังอยู่ในวิสัยที่พอรับได้
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของเนื้อหาต้องถือว่า ฝ่ายค้านสอบตกไม่มีข้อมูลอะไรใหม่ที่น่าสนใจ แค่เอาข่าวตัดแปะจากหนัาหนังสือพิมพ์มาอภิปรายเท่านั้น ทั้งยังเอาแต่ร้องแลกแหกกระเชอ ขอเอกสารซึ่งได้มอบให้ไปหมดแล้ว จึงอยากฝากพรรคประชาธิปัตย์ว่า ในการอภิปรายแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 1 ปีรวมทั้ง การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขอให้ทำการบ้านมากกว่านี้ ไม่ใช่เอาแต่คุยโม้แล้วสุดท้ายก็มาพูดจาวกวน ซ้ำซาก ไร้สาระ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรนอกจากความสะใจของตัวเอง
ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่าการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 รวม 3 วัน 44 ชั่วโมงและมีมติผ่านร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ด้วยคะแนน 279 ต่อ 8 เสียงนั้นน่าเสียดายที่ประชาชนได้ประโยชน์จากการติดตามการอภิปรายไม่มากนัก เนื่องจากผู้อภิปรายจากฝ่ายค้าน หนักไปทางการทวงถามการใช้จ่ายของงบประมาณปีที่แล้ว มากกว่าจะช่วยกันพิจารณาความเหมาะสมของงบประมาณของปี 2556 วาทกรรมที่พยายามประดิษฐ์ขึ้นมาว่า “โม้ เหลว โกง กู้” ก็เป็นมุขแป๊ก ไม่สะท้อนภาพความจริงของรัฐบาลชุดปัจจุบันแม้แต่น้อย ทั้งที่ ทุกคนพยายยามจะตอกย้ำตลอดเวลา นี่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์สามารถอภิปรายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่กินไม่นอนได้คงอภิปรายกันทั้งวันทั้งคืนที่สภา ทั้งที่ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรน่าสนใจให้ติดตามฟัง
นายอนุสรณ์ กล่วว่า อยากขอตั้งฉายาการอภิปรายของพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ว่า “พูดเรื่องเก่า เข้าตัว มัวอิจฉา ศรัทธาเสื่อม” นี่ถ้าใจไม่แข็งจริง หรือเพื่อนไม่ช่วยกันยุจริงๆ คงไม่กล้ากล่าวหาว่า รัฐบาลนี้โกง ทั้งที่รัฐบาลชุดที่แล้ว เรื่องงบไทยเข้มแข็ง ก็อยู่ที่ดีเอสไอ เรื่องที่ดินเขาแพง ก็อยู่ที่ดีเอสไอ เรื่อง ปรส. เรื่องเงินบริจาคน้ำท่วม เรื่องกล้องดัมมี่ เรื่องต่อสัญญาบีทีเอส หรือ ประชุม ครม.นัดสุดท้ายทิ้งทวน เทกระจาดพิจารณากัน 300 กว่าวาระ เทกระจาดงบกว่า 6 แสนล้าน
“ความจริงนายอภิสิทธิ์ก็เหมาะสมกับการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป เพราะไม่มีข้อครหาอะไรที่รุนแรง มีเพียงข้อสงสัยเล็กๆน้อย เช่น คนสงสัยว่าทำไมถึงพาพรรคแพ้เลือกตั้งซ้ำซาก ทำไมเอาแต่คนรอบตัวเฉพาะแก๊งตัวเอง ไม่สนผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค แค่คนสงสัยในเอกสารการเกณฑ์ทหารบางรายการ แค่สงสัยว่าทำไมถึงยังต้องขอใช้รถหลวง แค่คดีความ 98 ศพที่รุกคืบเข้ามาว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ ฉะนั้น เหมาะสมจะนำทัพประชาธิปัตย์สู้ต่อ”
ขณะที่ นายพร้อมพงศ์กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ สอบสวนเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่มีผู้เสียชีวิต 98 ศพ และผู้บาดเจ็บจำนวนมากว่า วันนี้ฝ่ายค้านโดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาพูดในลักษณะร้อนรน ไม่หลงเหลือภาวะผู้นำ พยายามตีปลาหน้าไซ ต่างๆ นานา ดักคอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ทั้งที่ความจริงนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็ปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งก็สงสัยว่าเหตุใดรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จึงไม่มีการเร่งสอบสวนในเรื่องนี้ หรือพยายามกดทับอะไรไว้อยู่ พอมารัฐบาลชุดนี้ที่จะเดินหน้าสอบสวนค้นหาความจริง กลับออกมาตีโพยตีพาย คล้ายคนเสียจริต
วันนี้นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพพยายามเบี่ยงเบนประเด็น ลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล โดยให้สังคมและประชาชนมองว่าถูกรังแก โดยการใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือ ก็อยากเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์และทุกฝ่ายทุกคนที่เกี่ยวข้อง ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น พร้อมยอมรับผลการสอบสวนที่จะออกมาดีกว่า
