ASTVผู้จัดการรายวัน- ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ร้องกกต. สั่งระงับเผยแพร่ผลโพล ระบุเป็นการชี้นำ ไม่เป็นธรรมผู้สมัครอิสระ ด้านกกต.แจง สามารถทำการศึกษา และเผยแพร่ผลโพลได้ แต่จะห้ามในช่วง 7 วันสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง "สุขุมพันธุ์" อัดใช้ผลโพลชี้นำเป็นการดูถูกคนกทม. ยันไม่กังวล "พงศพัศ" หาเสียงพื้นที่รอบนอก ชู "มุสลิม อเจนดา" หาเสียง
วานนี้ (4 ก.พ.) นายกฤษณ์ สุริยะผล ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 20 เข้ายื่นหนังสือต่อกกต. ขอให้สั่งระงับการเผยแพร่ผลโพล การเลือกตั้งผู้ว่่าฯกทม. โดยนำพวงหรีดที่มีข้อความว่า “แด่โพลชี้นำ” มามอบให้ โดยนายกฤษณ์ กล่าวว่า ต้องการให้กกต. พิจารณาสั่งระงับ หรือกล่าวตักเตือนไม่ให้สำนักโพลต่างๆ เผยแพร่ผลการสำรวจการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในทุกกรณีโดยทันที และออกระเบียบห้ามไม่ให้เผยแพร่ผลการสำรวจความเห็นที่เกี่ยวข้องกับคะแนนนิยมของผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพราะผลสำรวจที่ออกมาในแต่ละสัปดาห์ ไม่ว่าสำนักโพลไหน ก็ระบุถึงคะแนนนิยมของผู้สมัครบางคนอย่างชัดเจน สร้างกระแสให้ผู้สมัครบางคน ซึ่งเท่ากับเป็นการชี้นำ
"ผมไม่มั่นใจในความน่าเชื่อถือของนักวิชาการ และสำนักโพล ที่ทำการสำรวจ เพราะนักวิชาการบางคนมีความใกล้ชิดกับรัฐบาล บางคนรับเงินจากรัฐบาลในการทำการสำรวจวิจัย และเวทีสานเสวนาให้กับรัฐบาล ขณะที่บางคนก็สนิทสนมกับบางพรรคการเมืองอย่างแยกไม่ออก"
ขณะที่ นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. อีกคนหนึ่ง ก็เข้าขอให้กกต.พิจารณาการทำโพลที่มีการชี้นำ โดยเฉพาะชี้นำไปที่ 2 พรรคการเมืองใหญ่ ทั้งที่ในความเป็นจริงมีคะแนนส่วนหนึ่งที่ประชาชนให้การสนับสนุนผู้สมัครอิสระ แต่ไม่ได้รับการเผยแพร่ จึงขอความเป็นธรรมให้กับตน และผู้สมัครคนอื่น โดยให้กกต.สั่งยุติการเผยแพร่โพล
นอกจากนี้ ยังขอให้สื่อให้ความเป็นธรรม อย่านำตนในฐานะผู้สมัครอิสระ ไปร่วมกับผู้สมัครอิสระคนอื่นที่อาศัยกระแสเพื่อคลื่นไหวโดยอิงการเมือง เพราะตนต้องการเข้ามาทำงานเพื่อคนกทม.
**กกต.ชี้ห้ามเผยแพร่ก่อนเลือกตั้ง7วัน
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) กล่าวว่า การทำโพล สำรวจการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. สามารถทำการศึกษาและเผยแพร่ก่อน 7 วัน ที่ทำการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันที่ 3 มี.ค.56 แต่เมื่อเข้าสู่ระยะ 7 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ห้ามมีการเผยแพร่ ไม่เช่นนั้นจะมีความผิดฐานชี้นำเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้ง ตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ส่วนการสำรวจเอ็กซิตโพล สามารถทำการสำรวจได้นอกหน่วยเลือกตั้ง และต้องสำรวจภายหลังที่ประชาชนลงคะแนนเสียงแล้ว หากสำรวจ หรือสอบถามก่อนลงคะแนน จะถือว่ามีความผิดในฐานเดียวกัน
"ผู้ที่สำรวจต้องมีความถูกต้องตามหลักวิชาการ ไม่มีการนำเสนอข้อมูลซี้ซั้ว เพราะถ้ามีการตรวจสอบภายหลังและพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง จะมีความผิดในมาตรา 57 (5) ฐานหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใดอันเกี่ยวกับผู้สมัครใด มีโทษเช่นเดียวกับข้างต้น"
**โพลควรตั้งคำถามเรื่องนโยบาย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีผลสำรวจว่า ประชาชน 36 % ไม่เชื่อผลโพล เรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า การทำโพลสำรวจก็เป็นปกติ และคิดว่าเป็นเรื่องดี ที่ผู้สมัครของพรรคจะได้ขยันมากขึ้น แต่ก็มีข้อสังเกตว่า ในการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาผลโพล ก็บอกพรรคประชาธิปัตย์แพ้ แต่พอผลการเลือกตั้งออกมากลับได้เสียงข้างมากในกทม. และอยากให้ตั้งคำถามในเรื่องของนโยบายมากขึ้น หรือคำถามว่า คิดว่าใครจะมาทำงานเรื่องนี้ได้ เพราะอะไร อย่างเช่น การจราจร ก็ต้องดูว่าใครมีแนวคิดอย่างไร และที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เพราะในเรื่องการขนส่งมวลชน ก็มีบางเรื่องที่กทม.ต้องผลักดันเอง อย่างกรณีรถไฟฟ้าข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา หรือการสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรล สายสีเทา ที่รัฐบาลไม่ทำ แต่ให้กทม.พิจารณาเองว่าจะทำหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่า ประเด็นแบบนี้ต้องมาคุยกัน และอยากให้สื่อมวลชนวิเคราะห์ในเรื่องนโยบายให้มากขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่าเมื่อมีการลงลึกเรื่องนโยบาย และความพร้อมของผู้สมัครในการเอานโยบายไปปฏิบัตินั้น ก็มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ จะได้รับการตอบรับมากยิ่งขึ้น
** "คุณชาย"เมินโพลตาม'พงศพัศ'
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่ใสใจ เเละไม่คิดว่าโพลที่ระบุว่า คะเเนนตนตามหลัง จะเป็นการชี้ช่องให้ชาวกทม. เลือกคนที่มีคะเเนนนำ หากคิดว่า ชาวกทม.จะเลือกผู้สมัครที่ได้คะเเนนนำในการสำรวจนั้นๆ ถือเป็นการดูถูกชาวกทม. เเละตนไม่คิดว่า ชาวกทม.จะเชื่อเเบบนั้น ที่ผ่านมาในการเลือกตั้งหลายครั้ง มีการสำรวจเเละระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ตามหลังคู่เเข่ง หรือเเม้เเต่เอ็กซิตโพล ระบุว่าพรรคจะได้ ส.ส.ไม่กี่ที่นั่งใน กทม. เเต่ผลเลือกตั้งออกมากลับเป็นตรงข้าม
** "จูดี้"ชู"มุสลิมอเจนดา"หาเสียง
พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ นายพลภูมิ พิพัฒนภูมิประเทศ สส.กทม. นางสิริกร มณีรินทร์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ ลงพื้นที่หาเสียงที่โรงเรียนนวมินทราชูทิศ สตรีวิทยา 2 เขตคลองสามวา จากนั้นได้ลงพื้นที่วิทยาลัยบริหารธุรกิจและการท่องเที่ยว กรุงเทพฯ โดยมีนางณหทัย ทิวไผ่งาม อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย ตามมาสมทบเพื่อลงพื้นที่ช่วยหาเสียงด้วย
พล.ต.อ.พงศพัศ เปิดเผยหลังลงพื้นที่สถานศึกษาทั้ง 2 แห่งว่า พื้นที่ชายขอบของกทม.มีปัญหาสำคัญเรื่องการเดินทาง ประชาชนต้องรอรถโดยสารนานกว่าจะสามารถเข้าเมืองได้ ดังนั้นจึงต้องจัดระบบใหม่ โดยนำรถเมล์จากในเมืองออกจากพื้นที่ชั้นกลางของ กทม. 30% ออกมาให้บริการบริเวณชานเมืองถึงหน้าชุมชน และหมู่บ้านโดยไม่เสียค่าบริการ นอกจากจะทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการรถสาธารณะได้แล้ว ยังลดจำนวนรถเมล์ในเมืองเพื่อคืนช่องจราจรให้รถส่วนบุคคลให้มากขึ้น ทำให้ไม่แออัดเหมือนในปัจจุบัน
ทั้งนี้พล.ต.อ.พงศพัศ ยังได้เดินทางไปยังมัสยิดกมาลุลอิสลาม เพื่อเข้าพบอิหม่าม ผู้นำชุมชน และประชาชนมุสลิม โดยพล.ต.อ.พงศพัศ ได้ปราศรัยผ่านเสียงตามสายในชุมชนว่า อยากเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ยังแพร่ระบาดกว่า 60% ใน 2,038 ชุมชนในกทม. โดยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก คือ จัดทำโครงการบ้านอุ่นใจได้ลูกหลานคืนให้ครอบคลุมทุกชุมชนเน้นบำบัดผู้ติดยา 2. เสนอการเปิดยุทธการเชิงรุกเอ็กซเรย์ปิดล้อมเพื่อตรวจค้นผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในชุมชนเป็นระยะเวลา 90 วัน และ 3. ต้องมีการเฝ้าระวังกลุ่มผู้ที่บำบัดแล้วไม่ให้มีการหวนกลับไปติดยาเสพติดด้วย
อีกทั้งในส่วนพี่น้องชาวมุสลิมใน กทม.อยากจะผลักดันมุสิมอเจนดา หรือ วาระของพี่น้องมุสลิม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องมุสลิมในกทม. อาทิ ให้ กทม.มีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกให้ชาวมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ในต่างประเทศ เพิ่มศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมุสลิม ขอทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ และให้เข้าถึงการจำหน่ายสินค้าโอทอป และช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อย หรือเอสเอ็มอี มากยิ่งขึ้น
** ระดมอาสาสมัคร6พันป้องกันโกง
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานเรองโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า กองอำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ของพรรค ประเมินว่าโพลที่ออกมาสะท้อนว่า ขณะนี้ประชาชนต้องการเห็นกรุงเทพฯ เปลี่ยนแแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ผลโพลจะเป็นบวกต่อผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย แต่เราจะไม่ประมาท และจะยังคงทำงานหนัก ในการเดินหน้าชี้แจงนโบายไร้รอยต่อให้ประชาชนรับทราบให้ทั่วถึงมากที่สุด โดยในวันพุธที่ 6 ก.พ. นี้ พล.ต.อ พงศพัศ จะนำเสนอนโยบายแบบเจาะลึก ในเรื่องการสร้างความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งจะครอบคลุมเรื่องการป้องกันอัคคีภัย และการแก้ปัญหายาเสพติด โดยประเด็นในการปราศรัยย่อย และการรณรงค์หาเสียงของทีมเคาะประตูบ้านในทุกพื้นที่ ก็จะเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับผู้สมัคร ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา การปราศรัยย่อยวันละ 7 จุด ก็เป็นไปตามเป้าหมาย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรค จะเน้นรณรงค์เรื่องป้องกันการโกงโดยจะจัดติวเข้มอาสาสมัคร 6,548 คน ที่จะต้องเป็นผู้แทนของผู้สมัครประจำอยู่ที่หน่วยนับคะแนน หน่วยละ 1 คน โดยเนื้อหาการอบรม จะแบ่งเป็นเรื่องข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และวิธีสอดส่องการโกงรูปแบบต่างๆ เพื่อให้การเลือกตั้งมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม มากที่สุด
** "เหลิม"โว"จูดี้"เป็นผู้ว่าฯกทม.แน่
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลโพลที่อาจเป็นการชี้นำการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า มั่นใจว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. จากพรรคเพื่อไทยจะชนะ เพราะเก่ง และหาเสียงวันละ 7 - 8 แห่ง ส่วนม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงวันละ 2-3 แห่ง อีกทั้งการแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาจราจร หากพล.ต.อ.พงศพัศ ได้เป็นผู้ว่าฯกทม. จะทำงานกับตน เข้าใจและประสานงานกับรัฐบาลได้ ที่สำคัญคือ กทม.มีเงินส่วนตัวน้อย หากกทม.จะทำโครงการใหญ่ จะต้องประสานงานกับรัฐบาล แล้วที่บอกว่า เลือกฝ่ายค้านมาคานรัฐบาล ถามว่าจะคานอย่างไร ตอนพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นผู้ว่าฯกทม. ตอนนั้นทำไมไม่พูดบ้างว่า เป็นเผด็จการ คนไม่เลือกแล้ว มาทางพล.ต.อ.พงศพัศ หมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงโค้งสุดท้ายทางพรรคเพื่อไทย จะมีนโยบายอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่ที่มีการโจมตีไม่ให้เลือก พล.ต.อ.พงศพัศ มาจากเหตุการณ์สี่แยกราชประสงค์ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นตรงนี้ และไม่ได้วางแผน แต่ตนลงปฏิบัติ แต่ผลโพลออกมาไม่ส่งผลกระทบ
เมื่อถามว่า มีรายงานว่าบางพื้นที่ที่อ่อนสำหรับพรรค จะให้แกนนำนปช. ไปช่วยหาเสียง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มีความเห็น ส่วนที่คนพยายามยัดเยียดว่า พล.ต.อ.พงศพัศ เป็นเสื้อแดงนั้น ไม่ใช่เพราะพล.ต.อ.พงศพัศ หลายสี เมื่อถามว่า ผลโพลล์ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หลายครั้งที่ผ่านมา แม้พรรคพรรคเพื่อไทย จะนำ แต่สุดท้ายพรรคประชาธิปัตย์ก็ชนะตลอด ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า "ให้เขียนชื่อพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ว่าฯกทม.ใส่ซองไปเลย ถ้าฟันธงผิด จะหยุดให้สัมภาษณ์ 7 วัน"
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า พล.ต.อ.พงศพัศ ดูคล่อง ภาพดี และจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แพ้นายสมัคร สุนทรเวช นั้น เป็นเรื่องต้องแพ้ จากนั้นส่งนางปวีณา หงสกุล ก็ไม่ชัด ครึ่งต่อครึ่ง ต่อมามาส่งนายประภัสร์ จงสงวน คิดว่าคนรู้จัก แต่จริงๆคนไม่รู้จัก และนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ก็ถูกโจมตีว่าเป็นส.ส.สอบตก แต่พล.ต.อ.พงศพัศ นั้นครบ ถามว่าคนเลือกตน 1.7 แสนคน แล้วจะไปเลือกใคร อีกทั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ดึงนายประพันธ์ คูณมี แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ไปอยู่ด้วย ก็ได้คะแนนจากคนเสื้อเหลืองไป
**ผบ.ทบ.ชวนหาเสียงในค่ายทหาร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการให้ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. เข้าไปหาเสียในพื้นที่เขตทหารว่า ตนได้อนุมัติไปด้วยวาจามานานแล้ว ซึ่งหน่วยในพื้นที่คงกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่า จะมีบางพรรค เริ่มเข้าไปหาเสียงในค่ายทหารบ้างแล้ว ตนได้สั่งการไปแล้ว ระเบียบมีอยู่แล้วว่าหากเข้าไปในค่ายทหาร เราจะรวมคนให้พูดให้หาเสียงได้ เขตทหารจะเข้าไปเดินหาเสียงเหมือนด้านนอกไม่ได้ เพราะในค่ายทหารบางทีเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย และเป็นพื้นที่ที่รักษาความปลอดภัยด้วย ดังนั้นจึงต้องหาพื้นที่ที่เหมาะสมและไปรวมคนและครอบครัวททหารมาฟังผู้สมัครปราศรัย ซึ่งทางค่ายอาจให้ทางผู้สมัคร เดินเข้าไปเยี่ยมตรงโน้นตรงนี้ได้ไม่มาก เพราะต้องเป็นไปตามระเบียบที่ไม่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยขึ้น เพราะคนเข้ามาเยอะ และหลายพวกด้วยกันโดยตนขอเชิญชวนทุกพรรคเข้ามาตนไม่มีห้ามใครอยู่แล้ว เข้าได้เหมือนกันทุกพรรค เข้ามาได้แค่ไหนก็ได้เหมือนกันทุกพรรค
วานนี้ (4 ก.พ.) นายกฤษณ์ สุริยะผล ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 20 เข้ายื่นหนังสือต่อกกต. ขอให้สั่งระงับการเผยแพร่ผลโพล การเลือกตั้งผู้ว่่าฯกทม. โดยนำพวงหรีดที่มีข้อความว่า “แด่โพลชี้นำ” มามอบให้ โดยนายกฤษณ์ กล่าวว่า ต้องการให้กกต. พิจารณาสั่งระงับ หรือกล่าวตักเตือนไม่ให้สำนักโพลต่างๆ เผยแพร่ผลการสำรวจการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในทุกกรณีโดยทันที และออกระเบียบห้ามไม่ให้เผยแพร่ผลการสำรวจความเห็นที่เกี่ยวข้องกับคะแนนนิยมของผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพราะผลสำรวจที่ออกมาในแต่ละสัปดาห์ ไม่ว่าสำนักโพลไหน ก็ระบุถึงคะแนนนิยมของผู้สมัครบางคนอย่างชัดเจน สร้างกระแสให้ผู้สมัครบางคน ซึ่งเท่ากับเป็นการชี้นำ
"ผมไม่มั่นใจในความน่าเชื่อถือของนักวิชาการ และสำนักโพล ที่ทำการสำรวจ เพราะนักวิชาการบางคนมีความใกล้ชิดกับรัฐบาล บางคนรับเงินจากรัฐบาลในการทำการสำรวจวิจัย และเวทีสานเสวนาให้กับรัฐบาล ขณะที่บางคนก็สนิทสนมกับบางพรรคการเมืองอย่างแยกไม่ออก"
ขณะที่ นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. อีกคนหนึ่ง ก็เข้าขอให้กกต.พิจารณาการทำโพลที่มีการชี้นำ โดยเฉพาะชี้นำไปที่ 2 พรรคการเมืองใหญ่ ทั้งที่ในความเป็นจริงมีคะแนนส่วนหนึ่งที่ประชาชนให้การสนับสนุนผู้สมัครอิสระ แต่ไม่ได้รับการเผยแพร่ จึงขอความเป็นธรรมให้กับตน และผู้สมัครคนอื่น โดยให้กกต.สั่งยุติการเผยแพร่โพล
นอกจากนี้ ยังขอให้สื่อให้ความเป็นธรรม อย่านำตนในฐานะผู้สมัครอิสระ ไปร่วมกับผู้สมัครอิสระคนอื่นที่อาศัยกระแสเพื่อคลื่นไหวโดยอิงการเมือง เพราะตนต้องการเข้ามาทำงานเพื่อคนกทม.
**กกต.ชี้ห้ามเผยแพร่ก่อนเลือกตั้ง7วัน
พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) กล่าวว่า การทำโพล สำรวจการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. สามารถทำการศึกษาและเผยแพร่ก่อน 7 วัน ที่ทำการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันที่ 3 มี.ค.56 แต่เมื่อเข้าสู่ระยะ 7 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง ห้ามมีการเผยแพร่ ไม่เช่นนั้นจะมีความผิดฐานชี้นำเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้ง ตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 - 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ส่วนการสำรวจเอ็กซิตโพล สามารถทำการสำรวจได้นอกหน่วยเลือกตั้ง และต้องสำรวจภายหลังที่ประชาชนลงคะแนนเสียงแล้ว หากสำรวจ หรือสอบถามก่อนลงคะแนน จะถือว่ามีความผิดในฐานเดียวกัน
"ผู้ที่สำรวจต้องมีความถูกต้องตามหลักวิชาการ ไม่มีการนำเสนอข้อมูลซี้ซั้ว เพราะถ้ามีการตรวจสอบภายหลังและพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง จะมีความผิดในมาตรา 57 (5) ฐานหลอกลวง หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรื่องใดอันเกี่ยวกับผู้สมัครใด มีโทษเช่นเดียวกับข้างต้น"
**โพลควรตั้งคำถามเรื่องนโยบาย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีผลสำรวจว่า ประชาชน 36 % ไม่เชื่อผลโพล เรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า การทำโพลสำรวจก็เป็นปกติ และคิดว่าเป็นเรื่องดี ที่ผู้สมัครของพรรคจะได้ขยันมากขึ้น แต่ก็มีข้อสังเกตว่า ในการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาผลโพล ก็บอกพรรคประชาธิปัตย์แพ้ แต่พอผลการเลือกตั้งออกมากลับได้เสียงข้างมากในกทม. และอยากให้ตั้งคำถามในเรื่องของนโยบายมากขึ้น หรือคำถามว่า คิดว่าใครจะมาทำงานเรื่องนี้ได้ เพราะอะไร อย่างเช่น การจราจร ก็ต้องดูว่าใครมีแนวคิดอย่างไร และที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เพราะในเรื่องการขนส่งมวลชน ก็มีบางเรื่องที่กทม.ต้องผลักดันเอง อย่างกรณีรถไฟฟ้าข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา หรือการสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรล สายสีเทา ที่รัฐบาลไม่ทำ แต่ให้กทม.พิจารณาเองว่าจะทำหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่า ประเด็นแบบนี้ต้องมาคุยกัน และอยากให้สื่อมวลชนวิเคราะห์ในเรื่องนโยบายให้มากขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่าเมื่อมีการลงลึกเรื่องนโยบาย และความพร้อมของผู้สมัครในการเอานโยบายไปปฏิบัตินั้น ก็มั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ จะได้รับการตอบรับมากยิ่งขึ้น
** "คุณชาย"เมินโพลตาม'พงศพัศ'
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่ใสใจ เเละไม่คิดว่าโพลที่ระบุว่า คะเเนนตนตามหลัง จะเป็นการชี้ช่องให้ชาวกทม. เลือกคนที่มีคะเเนนนำ หากคิดว่า ชาวกทม.จะเลือกผู้สมัครที่ได้คะเเนนนำในการสำรวจนั้นๆ ถือเป็นการดูถูกชาวกทม. เเละตนไม่คิดว่า ชาวกทม.จะเชื่อเเบบนั้น ที่ผ่านมาในการเลือกตั้งหลายครั้ง มีการสำรวจเเละระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ตามหลังคู่เเข่ง หรือเเม้เเต่เอ็กซิตโพล ระบุว่าพรรคจะได้ ส.ส.ไม่กี่ที่นั่งใน กทม. เเต่ผลเลือกตั้งออกมากลับเป็นตรงข้าม
** "จูดี้"ชู"มุสลิมอเจนดา"หาเสียง
พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ นายพลภูมิ พิพัฒนภูมิประเทศ สส.กทม. นางสิริกร มณีรินทร์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ ลงพื้นที่หาเสียงที่โรงเรียนนวมินทราชูทิศ สตรีวิทยา 2 เขตคลองสามวา จากนั้นได้ลงพื้นที่วิทยาลัยบริหารธุรกิจและการท่องเที่ยว กรุงเทพฯ โดยมีนางณหทัย ทิวไผ่งาม อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย ตามมาสมทบเพื่อลงพื้นที่ช่วยหาเสียงด้วย
พล.ต.อ.พงศพัศ เปิดเผยหลังลงพื้นที่สถานศึกษาทั้ง 2 แห่งว่า พื้นที่ชายขอบของกทม.มีปัญหาสำคัญเรื่องการเดินทาง ประชาชนต้องรอรถโดยสารนานกว่าจะสามารถเข้าเมืองได้ ดังนั้นจึงต้องจัดระบบใหม่ โดยนำรถเมล์จากในเมืองออกจากพื้นที่ชั้นกลางของ กทม. 30% ออกมาให้บริการบริเวณชานเมืองถึงหน้าชุมชน และหมู่บ้านโดยไม่เสียค่าบริการ นอกจากจะทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการรถสาธารณะได้แล้ว ยังลดจำนวนรถเมล์ในเมืองเพื่อคืนช่องจราจรให้รถส่วนบุคคลให้มากขึ้น ทำให้ไม่แออัดเหมือนในปัจจุบัน
ทั้งนี้พล.ต.อ.พงศพัศ ยังได้เดินทางไปยังมัสยิดกมาลุลอิสลาม เพื่อเข้าพบอิหม่าม ผู้นำชุมชน และประชาชนมุสลิม โดยพล.ต.อ.พงศพัศ ได้ปราศรัยผ่านเสียงตามสายในชุมชนว่า อยากเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ยังแพร่ระบาดกว่า 60% ใน 2,038 ชุมชนในกทม. โดยแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก คือ จัดทำโครงการบ้านอุ่นใจได้ลูกหลานคืนให้ครอบคลุมทุกชุมชนเน้นบำบัดผู้ติดยา 2. เสนอการเปิดยุทธการเชิงรุกเอ็กซเรย์ปิดล้อมเพื่อตรวจค้นผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในชุมชนเป็นระยะเวลา 90 วัน และ 3. ต้องมีการเฝ้าระวังกลุ่มผู้ที่บำบัดแล้วไม่ให้มีการหวนกลับไปติดยาเสพติดด้วย
อีกทั้งในส่วนพี่น้องชาวมุสลิมใน กทม.อยากจะผลักดันมุสิมอเจนดา หรือ วาระของพี่น้องมุสลิม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องมุสลิมในกทม. อาทิ ให้ กทม.มีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกให้ชาวมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ในต่างประเทศ เพิ่มศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมุสลิม ขอทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ และให้เข้าถึงการจำหน่ายสินค้าโอทอป และช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อย หรือเอสเอ็มอี มากยิ่งขึ้น
** ระดมอาสาสมัคร6พันป้องกันโกง
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานเรองโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า กองอำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ของพรรค ประเมินว่าโพลที่ออกมาสะท้อนว่า ขณะนี้ประชาชนต้องการเห็นกรุงเทพฯ เปลี่ยนแแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ผลโพลจะเป็นบวกต่อผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย แต่เราจะไม่ประมาท และจะยังคงทำงานหนัก ในการเดินหน้าชี้แจงนโบายไร้รอยต่อให้ประชาชนรับทราบให้ทั่วถึงมากที่สุด โดยในวันพุธที่ 6 ก.พ. นี้ พล.ต.อ พงศพัศ จะนำเสนอนโยบายแบบเจาะลึก ในเรื่องการสร้างความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งจะครอบคลุมเรื่องการป้องกันอัคคีภัย และการแก้ปัญหายาเสพติด โดยประเด็นในการปราศรัยย่อย และการรณรงค์หาเสียงของทีมเคาะประตูบ้านในทุกพื้นที่ ก็จะเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับผู้สมัคร ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา การปราศรัยย่อยวันละ 7 จุด ก็เป็นไปตามเป้าหมาย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรค จะเน้นรณรงค์เรื่องป้องกันการโกงโดยจะจัดติวเข้มอาสาสมัคร 6,548 คน ที่จะต้องเป็นผู้แทนของผู้สมัครประจำอยู่ที่หน่วยนับคะแนน หน่วยละ 1 คน โดยเนื้อหาการอบรม จะแบ่งเป็นเรื่องข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และวิธีสอดส่องการโกงรูปแบบต่างๆ เพื่อให้การเลือกตั้งมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม มากที่สุด
** "เหลิม"โว"จูดี้"เป็นผู้ว่าฯกทม.แน่
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลโพลที่อาจเป็นการชี้นำการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า มั่นใจว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. จากพรรคเพื่อไทยจะชนะ เพราะเก่ง และหาเสียงวันละ 7 - 8 แห่ง ส่วนม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงวันละ 2-3 แห่ง อีกทั้งการแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาจราจร หากพล.ต.อ.พงศพัศ ได้เป็นผู้ว่าฯกทม. จะทำงานกับตน เข้าใจและประสานงานกับรัฐบาลได้ ที่สำคัญคือ กทม.มีเงินส่วนตัวน้อย หากกทม.จะทำโครงการใหญ่ จะต้องประสานงานกับรัฐบาล แล้วที่บอกว่า เลือกฝ่ายค้านมาคานรัฐบาล ถามว่าจะคานอย่างไร ตอนพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล และม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นผู้ว่าฯกทม. ตอนนั้นทำไมไม่พูดบ้างว่า เป็นเผด็จการ คนไม่เลือกแล้ว มาทางพล.ต.อ.พงศพัศ หมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงโค้งสุดท้ายทางพรรคเพื่อไทย จะมีนโยบายอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่ที่มีการโจมตีไม่ให้เลือก พล.ต.อ.พงศพัศ มาจากเหตุการณ์สี่แยกราชประสงค์ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นตรงนี้ และไม่ได้วางแผน แต่ตนลงปฏิบัติ แต่ผลโพลออกมาไม่ส่งผลกระทบ
เมื่อถามว่า มีรายงานว่าบางพื้นที่ที่อ่อนสำหรับพรรค จะให้แกนนำนปช. ไปช่วยหาเสียง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มีความเห็น ส่วนที่คนพยายามยัดเยียดว่า พล.ต.อ.พงศพัศ เป็นเสื้อแดงนั้น ไม่ใช่เพราะพล.ต.อ.พงศพัศ หลายสี เมื่อถามว่า ผลโพลล์ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หลายครั้งที่ผ่านมา แม้พรรคพรรคเพื่อไทย จะนำ แต่สุดท้ายพรรคประชาธิปัตย์ก็ชนะตลอด ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า "ให้เขียนชื่อพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ว่าฯกทม.ใส่ซองไปเลย ถ้าฟันธงผิด จะหยุดให้สัมภาษณ์ 7 วัน"
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า พล.ต.อ.พงศพัศ ดูคล่อง ภาพดี และจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แพ้นายสมัคร สุนทรเวช นั้น เป็นเรื่องต้องแพ้ จากนั้นส่งนางปวีณา หงสกุล ก็ไม่ชัด ครึ่งต่อครึ่ง ต่อมามาส่งนายประภัสร์ จงสงวน คิดว่าคนรู้จัก แต่จริงๆคนไม่รู้จัก และนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ก็ถูกโจมตีว่าเป็นส.ส.สอบตก แต่พล.ต.อ.พงศพัศ นั้นครบ ถามว่าคนเลือกตน 1.7 แสนคน แล้วจะไปเลือกใคร อีกทั้ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ดึงนายประพันธ์ คูณมี แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ไปอยู่ด้วย ก็ได้คะแนนจากคนเสื้อเหลืองไป
**ผบ.ทบ.ชวนหาเสียงในค่ายทหาร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงการให้ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. เข้าไปหาเสียในพื้นที่เขตทหารว่า ตนได้อนุมัติไปด้วยวาจามานานแล้ว ซึ่งหน่วยในพื้นที่คงกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานว่า จะมีบางพรรค เริ่มเข้าไปหาเสียงในค่ายทหารบ้างแล้ว ตนได้สั่งการไปแล้ว ระเบียบมีอยู่แล้วว่าหากเข้าไปในค่ายทหาร เราจะรวมคนให้พูดให้หาเสียงได้ เขตทหารจะเข้าไปเดินหาเสียงเหมือนด้านนอกไม่ได้ เพราะในค่ายทหารบางทีเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย และเป็นพื้นที่ที่รักษาความปลอดภัยด้วย ดังนั้นจึงต้องหาพื้นที่ที่เหมาะสมและไปรวมคนและครอบครัวททหารมาฟังผู้สมัครปราศรัย ซึ่งทางค่ายอาจให้ทางผู้สมัคร เดินเข้าไปเยี่ยมตรงโน้นตรงนี้ได้ไม่มาก เพราะต้องเป็นไปตามระเบียบที่ไม่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยขึ้น เพราะคนเข้ามาเยอะ และหลายพวกด้วยกันโดยตนขอเชิญชวนทุกพรรคเข้ามาตนไม่มีห้ามใครอยู่แล้ว เข้าได้เหมือนกันทุกพรรค เข้ามาได้แค่ไหนก็ได้เหมือนกันทุกพรรค