xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“มาร์ค-เทือก” คู่เวร คู่กรรม ไม่มีใครหนีกรรมได้พ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ดังนั้น ทั้ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ก็ย่อมหนีไม่พ้นกฎเกณฑ์อันเป็นสัจธรรมในข้อนี้ได้

ที่สำคัญคือ ผลกรรมกำลังไล่ล่าทั้งสองคนอย่างเอาเป็นเอาตายในหลายรูปแบบ ทั้งที่พิสูจน์แล้วว่า เป็นผู้ก่อกรรมนั้นจริง และอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทางกฎหมาย

ที่ร้ายไปกว่านั้นอยู่ตรงที่ไม่เพียงแค่ทั้งสองเท่านั้นที่นอนสะดุ้งจนเรือนไหว หากแต่ยังเผื่อแผ่เจือจานไปถึง “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามพรรคประชาธิปัตย์ด้วย เพราะได้กลายเป็นประเด็นที่กระทบต่อคะแนนเสียงที่จะได้รับจากประชาชนคนกรุงเทพมหานครอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

กรรมดอกแรกที่พรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องเจอไปเต็มๆ แม้จะยังไม่เด่นชัดในกระบวนการทางกฎหมาย แต่ก็เล่นเอาดูโอแห่งพรรคประชาธิปัตย์งอมพระรามอยู่ไม่น้อย

นั่นก็คือ ปัญหาการก่อสร้าง สถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่งทั่วประเทศ และการก่อสร้างแฟลตตำรวจทั่วประเทศกว่า 163 หลัง มูลค่าของโครงการเกือบ 1 หมื่นล้านบาท ที่พรรคเพื่อไทย รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และกรมสอบสวนคดีพิเศษภายใต้การนำของ “ธาริต เพ็งดิษฐ์”

จุดล่อเป้าครั้งนี้มุ่งไปที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งได้อนุมัติเปลี่ยนโครงการ จากการประมูลรายภาคมาเป็นการประมูลที่ส่วนกลางรายเดียว โดยบริษัทที่ชนะการประมูล คือ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด

ขณะเดียวกัน จะมีการลาก “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีขณะนั้นมาร่วมรับผิดชอบด้วย เนื่องจากก่อนการประมูล บริษัท พีซีซี ที่ชนะการประมูล ได้ทำหนังสือร้องคัดค้านไปยัง “อภิสิทธิ์” ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการประมูลไว้ที่ส่วนกลางเพียงแห่งเดียว

งานนี้ “ธาริต” เตรียมเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้ปากคำชี้แจงข้อเท็จจริงในเร็วๆ นี้ คือ “สุเทพ” พร้อมด้วย 3 อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นการประเดิม ก่อนจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ปากคำต่อไป

สำหรับที่ไปที่มาโครงการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งนั้น กำเนิดขึ้นในยุคของรัฐบาล “อภิสิทธิ์” อนุมัติโครงการนี้ตามโครงการไทยเข้มแข็งในวงเงินจำนวน 5,800 ล้านบาท บริษัทพีซีซี ชนะการประมูล และมีการเบิกจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้วกว่า 800 ล้านบาท หรือ 15% ของวงเงินทั้งหมดเพื่อก่อสร้างในช่วงแรก แต่ผลที่ออกมามีเพียงเสาเข็ม และโครงเหล็กก่อสร้างที่ยังไม่คืบหน้าแม้เพียงครึ่งของการก่อสร้าง ทั้งที่กำหนดแล้วเสร็จในการก่อสร้างคือ 450 วัน นับจากวันที่ 26 มี.ค. 2554- มิ.ย. 2555

งานนี้ แม้จะมีหลายฝ่ายมองว่า เป็นการเล่นงานเพื่อหวังผลทางการเมือง คดีนี้เป็นหนังตัวอย่างอีกหนึ่งเรื่องที่ ดีเอสไอ และฝ่ายรัฐบาล ตั้งใจเชือดนักการเมืองฝ่ายตรงกันข้ามและบิ๊กตำรวจที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว เพื่อหวังเรียกความนิยมและลดคะแนนฝ่ายตรงกันข้ามในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่กำลังขับเคี่ยวกันอย่างระทึก แต่ถามว่า หากไม่มีมูลดีเอสไอ จะสรรหาหลักฐานอะไรมาฟ้อง ซึ่งเรื่องนี้ทั้งนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเอง น่ารับรู้ดีที่สุด(คลิกอ่านรายละเอียด....อัปยศ!! ฮั้วประมูลสร้างโรงพักหมัดน็อก “คู่กรรม” แห่ง “ปชป.”?)

ขณะเดียวกัน งานเข้าอีกคำรบหนึ่งของพรรคแมลงสาบ คือประเด็นที่ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ หนึ่งแกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ได้รับการอภัยโทษ เนื่องในโอกาส พระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จนโรดมสีหนุ หลังจากถูกจับกุมตัว ด้วยข้อหาเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย รุกล้ำพื้นที่เขตทหาร และข้อหาจารกรรมข้อมูล ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2553 ทำให้ถูกจองจำอยู่ใน เรือนจำเปรยซอว์ เป็นเวลา 2 ปี จากบทลงโทษทั้งหมด 6 ปี

ประเด็นที่ต้องขีดเส้นใต้และยืนอยู่บนความจริงก็คือ ต้นสายปลายเหตุของการที่ทำให้ นายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ต้องระหกระเหินไปติดคุกอยู่แรมปี หาใช่ผลงานของใคร หากแต่เกิดจากฝีมือของของพรรคประชาธิปัตย์ล้วนๆ

ความกล้าหาญของ น.ส.ราตรี หลายคนคงจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้ พร้อมด้วยนายวีระ สมความคิด และคนไทยจำนวนหนึ่งถูกจับกุม เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 53 ขณะเดินทางลงไปตรวจ พื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหาร บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพราะมั่นใจว่าพื้นที่บริเวณนั้นเป็นของไทย เนื่องจากเคยใช้เป็นที่ตั้งของ ศูนย์อพยพให้ชาวเขมรลี้ภัย ช่วงเกิดสงคราม

ที่เจ็บปวดก็คือหลังจากกลับมา น.ส.ราตรี ได้เปิดปากถึงความชั่วร้ายถึง อภิสิทธิ์-ประชาธิปัตย์ อย่างรู้ไส้รู้พุง ตอนเป็นฝ่ายค้านรู้ทุกเรื่อง พอเป็นรัฐบาลไม่ทำอะไร แล้วยังขยายปัญหาให้บานปลายด้วยซ้ำไป

“รัฐบาลที่ผ่านมาไม่ช่วย และปล่อยให้สู้โดยลำพัง ทั้งยังรับรองให้ทางการกัมพูชาในการบอกว่าคนไทยหาเรื่องเข้าไปในพื้นที่เอง”

"ไม่โกรธ(พรรคประชาธิปัตย์)ว่าทำไมไม่ช่วยเรา แต่โกรธว่าทำไมไม่ดูแลประเทศชาติ เหมือนจะเอาประเทศชาติใส่พานไปถวาย ตนและนายวีระถูกกระทำมันเป็นการเสียอิสรภาพของเรา แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แค่นั้น ยิ่งกว่านั้นคือผลประโยชน์ประเทศชาติ ที่รัฐบาลไม่ดูแลรักษาไว้ทั้งที่เป็นหน้าที่ ตรงนี้ที่น่าโกรธมากกว่า เรียกว่าเจ็บปวดรวดร้าวแทงใจดำพรรคแมลงสาบเข้าอย่างจัง ที่ถูกแฉว่า รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นคนตอกย้ำการันตีดินแดนให้ประเทศกัมพูชา" น.ส.ราตรี กล่าวพร้อมน้ำตาที่นองหน้า(คลิกอ่านรายละเอียด....สันดาน “แมลงสาบ” ซ้ำเติม “วีรสตรีราตรี” แทน “กราบเท้า” ขอขมา)

แน่นอนว่า ทั้งสองเรื่องดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบกับศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าอีกด้านหนึ่งอาจไม่ทำให้ฝ่ายเพื่อไทยได้คะแนนเพิ่มแต่รับรองว่าย่อมส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของชาวบ้าน อย่างน้อยกับความรู้สึกของคนกรุงเทพฯและโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพในอดีตเมื่อครั้งที่วีระ-ราตรี ถูกจับกุมและถูกขังฟรีในคุกเขมร กลับมาตอกย้ำภาพของพรรคประชาธิปัตย์ที่บริหารประเทศในหลักสูตร “ดีแต่พูด” อีกครั้ง

ประกอบกับในช่วงเวลาเดียวกันที่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานครกำลังผ่านพ้นช่วงโค้งที่ 2 เข้าสู่โค้งที่ 3 ก่อนโค้งสุดท้าย ก็มีผลสำรวจออกมาจากทุกสำนักตรงกันว่าผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย คือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ มีคะแนนทิ้งห่างผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ คือ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร มากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะมีเสียงทักท้วงว่าเป็น "โพลปลอม" หรือ"รับจ้าง" ก็ตาม แต่ก็มีนัยสำคัญทางการเมืองไม่น้อย

ทั้งนี้ เอแบคโพล เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ต้นเหตุการเมืองระดับชาติ กับ การเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ใครนำใครตามในโค้งที่ 2 โดยเฉพาะคำถามที่ว่า ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ท่านจะเลือกใคร พบว่า ความนิยมของสาธารณชนคนกรุงเทพมหานครต่อ พล.ต.อ.พงศพัศ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีนัยสำคัญทางสถิติ คือ จากร้อยละ 32.1 ก่อนวันรับสมัคร มาอยู่ที่ร้อยละ 41.8 ในโค้งที่ 1 และร้อยละ 43.1 ในโค้งที่ 2 ในขณะที่ สัดส่วนของประชาชนที่ตั้งใจจะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์มีแนวโน้มลดลงจากร้อยละ 37.6 ในโค้งที่ 1 มาอยู่ที่ร้อยละ 33.1 ในโค้งที่ 2 ส่งผลทำให้ พล.ต.อ.พงศพัศ ทิ้งห่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ออกไปอีก จาก 4.2 จุด เป็น 10 จุด

ขณะที่สวนดุสิตโพล ได้สำรวจความเห็นประชาชนในเขต กทม. 3,214 คน เรื่อง "ต้นเหตุการเมืองระดับชาติ กับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ใครนำใครตามในโค้งที่สอง" พบว่า อันดับ 1 เป็น พล.ต.อ.พงศพัศร้อยละ 41 อันดับ 2 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ร้อยละ 36.12

ขณะที่กรุงเทพโพลล์เผยผลสำรวจเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม เมื่อถามว่า ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คนใดเข้าถึงประชาชนมากที่สุด ร้อยละ 58.9 พล.ต.อ.พงศพัศ ร้อยละ 34.3 ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์

ส่วนนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “คนกรุงฯ กับการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. โค้งที่ 3" จากการสำรวจ เมื่อถามว่า “หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง ท่านจะเลือกใครเป็นผู้ว่า กทม." พบว่า คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 24.47 ระบุว่า จะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศเป็นผู้ว่าฯ กทม. รองลงมาร้อยละ 22.87 จะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์

เรียกว่าแพ้เรียบวุธ ทุกสถาบัน

ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้องยอมรับในจุดหนึ่งว่าประเด็นแต่ละเรื่องที่กล่าวมาย่อมมีผลไม่มากก็น้อย ที่ส่งผลทำให้คะแนนนิยมตามหลัง พล.ต.อ.พงศพัศ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยอยู่ ยิ่งหากไปประกอบกับผลงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ที่ผ่านมา 4ปี ก็จะพบได้ว่าไม่ได้มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน อาทิ ปัญหาการต่อสัญญาบีทีเอส ก็มีชนักติดหลังในเรื่องความโปร่งใสที่กำลังถูกดีเอสไอตามสืบสวนสอบสวนอยู่ การติดกล้องวงจรเปล่าหรือกล้องดัมมี่ กล้องCCTVทั้งแบบจริงและแบบดัมมี่ที่ติดตั้งไปแล้วนั้น ช่วยให้คนกทม.ปลอดภัยเพิ่มขึ้นอย่างไร อุโมงค์ยักษ์มูลค่าหลายหมื่นล้านได้ช่วยระบายน้ำไปบ้างหรือยัง สนามฟุตซอลมูลค่านับพันล้านที่สร้างเสร็จไม่ทัน ไม่ได้ใช้แข่งขันแม้แต่แมทช์เดียว ฯลฯ

เอาเป็นว่าแม้แต่ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผอ.ศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ยังต้องออกมาแถลงแสดงอาการตัดพ้อเลยว่า พรรคต้องทำงานหนักขึ้น รวมไปถึงคุณชายหมู ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็เรียกว่าออกอารมณ์หน้าบูดเลยทีเดียวเมื่อเจอสื่อซักถามถึงประเด็นคะแนนที่ตามไล่หลัง พล.ต.อ.พงศพัศ อยู่ในขณะนี้ แทบจะทุกโพล

และมาถึงตรงนี้และอีกไม่นานจากนี้ ประชาธิปัตย์ขายตัวเองไม่ได้แล้วคงจะต้องหันไปขุดวิชาก้นกุฏิแบบเดิมก็คือ ขายพรรคเพื่อไทยขายความเกลียดความกลัวระบอบทักษิณ เพื่อจูงใจให้คนมาเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ดังเช่นที่เริ่มเห็นมาลางๆในกรณีที่มีการโพสต์รูปภาพรถเมล์ที่ถูกไฟไหม้และคนใส่เสื้อแดงยืนโบกธงชาติอยู่ พร้อมข้อความประกอบ "นโยบายเผารถเมล์ฟรี ทำแล้ว" ในเฟซบุ๊กของ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา รวมถึงรูป พล.ต.อ.พงศพัศ พร้อม น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางปวีณา หงสกุล ยืนอยู่บนรถหาเสียง โดยมีภาพเบื้องหลังเป็นภาพไฟไหม้ ในเฟซบุ๊กของ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต

ดังนั้น ถ้าบอกว่าปรากฏการณ์คะแนนฝั่งเพื่อไทยพุ่งติดลมลบนอยู่ขณะนี้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องไปโทษใคร ต้องโทษเป็นกรรมเก่า คือผลจากการกระทำและผลงานอันแสนห่วยแตกของบรรดาคนในพรรคประชาธิปัตย์เอง ซึ่งขณะนี้กรรมเก่ากำลังจะส่งผลกระทบทางการเมืองเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร อย่างหลีกหนีไม่ได้

ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ใช่หรือไม่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ



กำลังโหลดความคิดเห็น