วรรษมน - กลับมาติดตามรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิกันต่อ
จินดารัตน์ - ติดเวลา
วรรษมน - น้องใหม่นิดนึง ยังน้องใหม่ครั้งที่ 2 นะคะ เมื่อสักครู่เราก็ได้เห็นแล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของอย่างเช่นที่ ทางคุณสนธิได้บอกว่า คุณลุงจำลองคือ มหาบุรุษแห่งประเทศไทยจริงๆ
จินดารัตน์ - กลับมาช่วงนี้เตรียมตัวได้แล้วค่ะ
วรรษมน - หมายความว่าให้เตรียมตัวเตรียมใจ
จินดารัตน์ - คือเรื่องของเรื่องที่คุณสนธิเกริ่นไปช่วงต้นรายการว่า ทำไมเราจะต้องมาคุยกันถึงเรื่องนี้อีก เรื่องของพรรคการเมืองนึงที่ตอนนี้ออกอาการมากเสียจนฟาดงวงฟาดงา ฟาดหนวดมาที่ชาวบ้านเขาอย่างไม่ลดละโดยเฉพาะคุณราตรี คุณสนธิคือถามมันมีเรื่องโยงใยกันหลายประเด็นใช่ไหมคะ เริ่มจากข่าวลือก่อนที่ไปปล่อยข่าวว่าพันธมิตรฯ
สนธิ - คือผมเวรกรรม ความจริงแล้วผมสนิทกับพรรคประชาธิปัตย์มาก คุณชวน หลีกภัยเป็นคน จ.ตรัง เป็นคนจังหวัดเดียวกับอาจารย์ปุ๊เรา คุณพ่ออาจารย์ปุ๊เขารู้จักคุณชวนดี แล้วคุณชวนให้ความเคารพคุณพ่ออาจารย์ปุ๊มากบ้านของคุณพ่ออาจารย์ปุ๊ อยู่บนเนินเขา ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด คนโบราณ ใครก็ตาม ที่บ้านอยู่เนินเขาตรงข้ามศาลากลางจังหวัด ต้องเป็นคนที่มีอิทธิพลพอสมควร ป๋าสุด ช่องดารากุล ก็เป็นทนายความอยู่ที่จังหวัดตรัง หลายคนรู้จัก คนโบราณจะรู้จักท่านเป็นคนตรง เป็นไม้บรรทัดเลย ว่าความดูแลคนยาก คนจน ใครไม่มีก็จะว่าความให้ เป็นทนายที่มีชื่อมาก คุณชวนก็จะได้รับอิทธิพลจากคุณป๋าสุด คุณป๋าสุดก็ส่งคุณชวนไปสนับสนุนให้คุณชวนเล่นการเมือง ญาติพี่น้องของอาจารย์ปุ๊เขาพี่เมี้ยน คนพวกนี้ เขาสนิทกับคุณชวนมาก ถ้าจะถามว่าสนิทกันไหมสนิทมาก คุณชวนมีน้องชาย คนหนึ่งชื่อคุณระลึก หลีกภัย ที่ผมเรียนอยู่ที่ยูทาห์เสตท คุณระลึกก็ไปอยู่ที่นั่น ระลึกก็มีอยู่ช่วงหนึ่งก็ไปอาศัยอยู่กับผม ก็คือสนิทกันบัญญัติ บรรทัดฐาน คุณพ่อคุณบัญญัติ ก็เป็นเหมือนกับญาติคุณพ่อผม ถามว่าสนิทมั้ย สนิทมาก ครั้งหนึ่งนานมาแล้วตอนผมกลับจากเมืองนอกใหม่ๆ ผมเองก็ช่วยคุณดำรง ลัทธพิพัฒน์ ในเรื่องทางการเมือง ให้ข้อคิด ผมเป็นผู้จัดการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร ของพรรคประชาธิปัตย์ นานมาแล้ว สมัยที่คุณดำรง ลัทธพิพัฒน์ ยังอยู่กับคุณสมัคร สุนทรเวช ยังอยู่พรรคนั้น ทีนี้พอเหตุการณ์มันพัฒนาไปเรื่อยๆ สังคมมันเริ่มเจริญก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ก็ปรากฏว่าพอผมเริ่มเข้ามาในวงการสื่อมวลชนเมื่อสมัยที่นานมาแล้ว ตั้งแต่ผมอายุ 28 - 29 ปี ก็ 38 ปี จะ 40 ปีแล้ว โดยพื้นฐานตัวเองทำสื่อมวลชนมาตั้งแต่สมัยอยู่อเมริกา ก็เข้ามาทำงานในอาชีพที่ตัวเองชอบ ยืนหยัดอยู่ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง โดยไม่กลัวเกรงอิทธิพลใดๆทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นการทำข่าวที่ธรรมศาสตร์ตอนที่ยุค 6 ตุลาฯ ที่พวกกระทิงแดง ที่พวกทหารบุกธรรมศาสตร์ ผมก็เป็นนักข่าวคนเดียวที่หลบอยู่ในธรรมศาสตร์ ผมเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังแล้ว เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง พอเริ่มเจริญเติบโตมาในเส้นทางทางสื่อมวลชน ความที่เป็นคนตรงไปตรงมาไม่ยอมเป็นเครื่องมือใคร และอะไรถูกว่าไปตามถูก อะไรผิดว่าไปตามผิด โดนแม้กระทั่งพวกทหารรุ่น 5 มงคล โดยที่ผ่านการยุยงส่งเสริมของเจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ก่อนที่เขามีการปฏิวัติครั้งนั้น โดยที่ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นหัวหน้า และ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์เป็นหัวหน้า มีการส่งทหารไปจับตัวผม ทั้งหมดมันได้หล่อหลอมตัวเราให้เรายึดถือเอาความถูกต้องเป็นหลักอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งมาถึงยุคพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ช่วงรู้สึกจะเป็นช่วงก่อนปี 2540 นิดนึง ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี และเกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นมา พล.อ.ชวลิตก็ลาออก คุณชวน หลีกภัย เลยขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี
ช่วงนั้นเป็นช่วงซึ่งก็ยังรู้สึกว่าตัวเองเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ใช้ได้ คุณชวนตอนนั้นจะแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ก็ไปดึงเอาคุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ซึ่งภาพดี อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ คือพรรคนี้จะเป็นพรรคที่เน้นในเรื่องภาพดี มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็เหมือนเวรกรรม ตอนที่เริ่มต้นมีความรู้สึกว่า น่าจะสนับสนุนเขานะเป็นภาพที่เน้นในเรื่องภาพก่อน
จินดารัตน์ - ภาพดี
สนธิ - มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็เหมือนเวรกรรม ตอนที่เริ่มต้นก็มีความรู้สึกว่า เออ น่าจะสนับสนุนเขานะ เขาตั้งใจมาแก้ปัญหาจริงๆ แต่พอทำไปทำมาเรามีความรู้สึกว่า เอ๊ะ เหมือนกับว่า เขามีวาระซ่อนเร้นกัน ในเรื่องของการล่มสลายทางเศรษฐกิจ เราหงุดหงิดมาแต่แรกแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วเอา ดร.อำนวย วีรวรรณ มาเป็นรัฐมนตรีคลัง แล้ว ดร.อำนวย ก็ลาออก แล้วเอาทนง พิทยะ เข้ามาเป็นรัฐมนตรีคลัง เราเริ่มหงุดหงิดตั้งแต่ทนง พิทยะ แล้ว เรามีความรู้สึกว่า อะไรกัน ทำไมถึงยอมฝรั่งมากนัก เพราะทนงออกมาประกาศบอกว่า รัฐบาลไทยจะรับผิดชอบหนี้สินทุกบาททุกสตางค์ ซึ่งเราคิดในใจว่า รัฐบาลไทยไม่ควรจะไปรับ ถ้าเอกชนมันพัง ให้มันพังไป ถูกมั้ย แล้วก็เป็นหน้าที่เอกชนจะต้องเจรจากับเจ้าหนี้ คือธนาคารต่างชาติ
จินดารัตน์ - คือรัฐไม่ต้องเข้าไปอุ้ม
สนธิ - รัฐไม่ต้องไปอุ้ม เจ้าหนี้ในที่สุดแล้วมันเห็นว่าเอกชนไม่มีตังค์ มันก็จะต้องยอมตัดหนี้ 100 บาท เหลือ 10 บาท มันก็จะเจรจากันได้ แต่ไม่ กลับไปอุ้มหมดเลย พอไปอุ้มหมดก็เปลี่ยนมาเป็นคุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ คุณธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ก็เลยรับเงื่อนไขของไอเอ็มเอฟเข้ามาหมดเลยทุกข้อ รวมที่สำคัญที่สุดคือเรื่องกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ซึ่งเราค้านมาตั้งแต่ต้นเลย เพราะกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับนั้นเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ไทยต้องตกเป็นอาณานิคมทางเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบของไอเอ็มเอฟ แล้วกรอบไอเอ็มเอฟตอนนั้นมันได้ขยายตัวนอกเหนือจากเรื่องเกี่ยวกับขอบเขตทางการเงิน เข้าไปสู่ขอบเขตทางพลังงาน ขอบเขตทางน้ำมัน ขอบเขตทางการเมืองระหว่างประเทศ ผมก็เลยมีความรู้สึก ตอนนั้นผมทำหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ผมก็เขียนบทความหนังสือพิมพ์ ก็จะเป็นคนซึ่งไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ปรส. ไม่เห็นด้วยกับการซึ่งเชื้อเชิญฝรั่งเข้ามาซื้อทรัพย์สินของคนไทยในราคาถูก ผมยังจำได้ว่า ผม เอกมล คีรีวัฒน์ อดีตรองผู้ว่าฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย วิโรจน์ นวลแข ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ กินข้าวเย็นกัน 3-4 คน รู้สึกจะเป็นร้านอาหารลีการ์เด้นส์ อะไรไม่รู้แถวซอยทองหล่อ ดึกๆ คุยกันเรื่องนี้ ผมในฐานะเป็น บก.หนังสือพิมพ์ ผมก็บอกว่า ผมเรียกแกว่าพี่น้อย ทำไมเราไม่แยกหนี้ดีหนี้เสียออกล่ะ ทำไมเราต้องให้ทุกคนล้มไปหมด ฝรั่งมันต้องการให้ล้มหมด ทำไมเราต้องทำตามฝรั่ง ผมก็บอกว่า เอางี้มั้ย วิโรจน์เก่ง ให้วิโรจน์เข้ามาบริหารหนี้เสียซิ แยกหนี้เสียมาแล้วให้วิโรจน์เข้ามาเจรจา คุณมีหนี้เท่านี้ ลดหนี้ได้เท่าไหร่ ตอนหลังเขาถึงมาตั้ง บสก.แต่ตอนนั้นเป็นช่วงที่วิกฤตที่สุด เอกกมล คีรีวัฒน์ ก็เห็นด้วย ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ก็เห็นด้วย นั่นเป็นจุดแรกที่ผมเริ่มรู้จักพรรคประชาธิปัตย์ ในเนื้อแท้ เห็นด้วยแต่ไม่ทำ ผมเอะใจมาตั้งแต่นั้น แล้วผมมีความรู้สึกว่าเขากำลังจะให้ฝรั่งมาปล้นคนไทยทั้งหมดเลย ทีนี้ผมก็เลยมาดู ผมก็เป็นคนชอบศึกษาข้อมูลเก่าๆ ผมก็ดูว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเกิดขึ้นเพราะพรรคประชาธิปัตย์โดย ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ เป็นคนเริ่ม BIBF เป็นการเปิดประตูให้ต่างชาติมาปล่อยกู้ในเมืองไทยได้ ในราคาที่ถูกมาก ตอนนั้นดอกเบี้ยทั่วโลกมันถูก 2% 3% ดอกเบี้ยในประเทศไทย 12% คนก็ไปกู้เมืองนอกกัน แบงก์เมืองไทยก็กินส่วนต่าง แบงก์กู้มา 3 % ปล่อยในเมืองไทย 6% 8 % กินส่วนต่าง 5 % ในขณะที่ดอกเบี้ยในประเทศ 12% คือพูดง่ายๆว่าในที่สุดแล้ว ก็เป็นการที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ คนที่เริ่มต้นคนแรกคือ พรรคประชาธิปัตย์ เพียงเพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการร่วมกับผู้ว่าแบงก์ชาติ ตอนนั้นคือ นายวิจิตร สุพินิจ ต้องการที่จะแสดงออกให้เห็นว่า เมืองไทยพัฒนาการเงินไปถึงขั้นสากลแล้ว สามารถบีไอบีเอฟได้ โดยไม่ได้พิจารณาว่า ตัวเองนั้นแข็งแรงไม่อ่อนแอ นั้นคือจุดเริ่มต้นที่ผมเจอ ตอนหลังผมเลยจะบ่นกับคุณเอกกมล คีรีวัฒน์ วิโรจน์ นวลแข บอกทำไมพี่น้อยเขาเป็นคนอย่างนี้ ไปๆมาๆ จนกระทั่งเขามีการเอามอร์แกน สแตนเลย์ เข้ามา โกลด์แมน แซคส์เข้ามา แล้วปรากฏว่า ไอ้คนพวกฝรั่งพวกนี้ ผูกพันและสนิทสนมกับสายการเงินของพรรคประชาธิปัตย์หมดทุกคน เปรียบเสมือนกับว่า คนพวกนี้ถูกคนในพรรคประชาธิปัตย์เชิญเข้ามา เพื่อมากระทืบคนไทย ผมก็ตะขิดตะขวงใจ และนโยบายหลายนโยบายออกมาในลักษณะที่มันเอื้อฝรั่งอย่างเดียว
ซื้อหนี้มาก้อนนึง 100 บาท เอาอย่างนี้ หนี้สินเชื่อ หนี้ผ่อนรถยนต์ 2,000 ล้านบาท หนี้ 2,000 ล้านบาท หมายความว่าคนยังเป็นหนี้ 2,000 ล้าน มันซื้อไปในราคา 200 ล้าน พอมันซื้อเสร็จเรียบร้อยไอ้คนที่เป็นลูกหนี้มันยังอยู่ครบ และมันมาเก็บคนที่ผ่อนรถในราคา 2,000 ล้านเหมือนเดิม แทนที่มันจะซื้อมา 200 แล้วมันก็บอกเอาละ
จินดารัตน์ - ลดหนี้ให้
สนธิ - ลดหนี้ให้ แล้วคิดแค่ 400 ก็พอ แทนที่มันจะเป็น 2,000 ไม่มันเก็บเต็มเลย และมันก็มาตั้งกองทุนกัน และเอากองทุนพวกนี้ไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ ไอ้ผู้จัดการกองทุนของฝรั่งที่มันมาปล้นคนไทยตอนนั้น ในที่สุดมันรวยจนกระทั่งมันอยู่ได้ 1-2 ปี มันลาออกจากบริษัทมันแล้วไปซื้อบ้านที่ภูเก็ตมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท นี่ไงคือฝีมือของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์เอาคุณอมเรศ ศิลาอ่อน มาเป็นประธาน ปรส. จนกระทั่งมีเรื่องมีราวฟ้องร้องกันตั้งไม่รู้กี่ปี จนที่สุดศาลบอกคุณอมเรศผิด ศาลขั้นต่ำซึ่งตัดสินผิดและจำคุก และคุณอมเรศก็อุทธรณ์อยู่ตอนนี้ นี่คือสิ่งซึ่งเกิดตั้งแต่เริ่มต้น ตอนนั้นค่อนข้างเริ่มที่จะเกลียดผมและ เกลียดถึงขนาดที่เรียกว่า เวลากระทรวงการคลังเวลาจะออกข่าว จะเชิญนักข่าวไปทำข่าวอะไรพิเศษ จะไม่เชิญผู้จัดการ เพราะฉะนั้นแล้วไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณ พล.อ.ประยุทธ์ เคยลั่นปากบอกว่า จะไม่ให้หนังสือพิมพ์ผู้จัดการเข้ามาทำข่าว มันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว อันนี้เป็นเรื่องที่ดุเดือดมาก มันพัฒนามาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงยุคทักษิณ ชินวัตร พอมาถึงยุคทักษิณ ชินวัตร แล้ว พรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้ง ตอนที่แพ้การเลือกตั้งในตอนนั้นพรรคประชาธิปัตย์ยังคาดหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิพากษาคดีซุกหุ้นของคุณทักษิณ ให้ทักษิณแพ้ ตอนนั้นก็ต้องยอมรับว่าลึกๆ ผมก็เชียร์พรรคประชาธิปัตย์ ไอ้เราก็ยังค่อนข้างจะอ่อนหัดอยู่นิดหนึ่ง เราก็มองว่าทักษิณน่ากลัว แต่ไม่เป็นไร เขาชนะไป พอเขาชนะแล้วเราก็มามองว่า เอ๊ะ ถ้าอย่างนั้นแล้วเราลองดูซิว่าเขาจะทำยังไงได้บ้าง เพราะว่าก่อนที่ทักษิณจะลงเลือกตั้งเขามากินก๋วยเตี๋ยวกับผม นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ นั่งรออยู่ข้างนอก ไม่มีสิทธิเข้ามาข้างในนะ เขาบอกว่าเขาจะเล่นการเมือง เขาบอกว่าเขาพร้อมที่จะเสียสละ เพราะเขารวยแล้ว เขาพอแล้ว ก็เหมือนที่แกไปหลอก พล.ต.จำลอง
จินดารัตน์ - วลีเด็ด
สนธิ - วลีเด็ดเขาเลยนะ ผมรวยแล้ว ผมพอแล้ว พอ ณ เวลานี้ แต่เวลาหน้าจะไม่พอ พอตอนหลังผมก็ไปทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ พอทำไปเรื่อยๆ แล้วผมมีความรู้สึกว่า ลักษณะทักษิณมันเริ่มทะแม่งๆ ผมก็เลยตัดสินใจไม่ยอมใครแล้ว ถึงแม้จะเป็นรายการช่อง 9 ผมก็เลยสู้ เอาความจริงขึ้นมาเผย การซึ่งเขาไปล่วงละเมิด ไปจัดพิธีใหญ่ที่วัดพระแก้ว ผมก็เอามาเปิดเลย ไม่มีใครกล้าเปิด ผมเปิด แล้วในที่สุดผมก็ถูกปลดกลางอากาศ ที่เหลือก็เป็นประวัติศาสตร์ พอเป็นประวัติศาสตร์แล้ว ตอนที่เราสู้กับทักษิณ เราก็จำได้ว่า ในการสู้กับทักษิณครั้งนั้น ที่วิกฤตที่สุดก็คือว่า ในช่วงการเลือกตั้งที่ทักษิณได้เข้ามา 377 เสียง ในช่วงนั้น ที่ทักษิณยุบสภาแล้วให้มีการเลือกตั้งใหม่ เราหวังว่าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย ทุกพรรค จะไม่ลงสมัคร แล้วให้ทักษิณลงพรรคเดียว ในที่สุดทักษิณก็ไปจ้างนอมินีมา ตอนนั้นเรามีความรู้สึกว่า เออ พรรคประชาธิปัตย์ในที่สุดก็ตัดสินใจที่ถูกต้อง เราคิดว่าเราชมเขา เพราะมันก็ให้เกิดเหตุวิกฤตทางการเมืองขึ้นมา แต่พอเรามามองย้อนหลัง เราก็รู้ว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจไม่ลงเลือกตั้งเพราะว่าลงยังไงก็แพ้ ก็เลยตัดสินใจบอยคอตวิธีนี้ดีกว่า แต่ผมก็ถือว่าเขาก็กล้าตัดสินใจ ผมอยากจะให้เก็บตรงนี้เอาไว้นะ แล้วเปรียบเทียบกับตอนที่เขามาเป็นรัฐบาลร่วมกับเนวิน ชิดชอบ จะได้ให้เห็นว่าคนเรามันเปลี่ยนไปเยอะ อุดมการณ์มันหายไปแล้ว
พอทักษิณเป็น ทักษิณเป็นตั้งแต่ปี 2544 (45-46-47-48-49) เกือบ 6 ปี 5 ปีกว่าที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาลเลย ผมคิดว่าอดอยากปากแห้งกันเยอะมาก เราต้องยอมรับความจริงว่านักการเมืองถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาล จน ไม่ได้จนหรอก ก็มีเงินเท่าที่มี
จินดารัตน์ - กินน้อยไป
สนธิ - กินน้อยไป ผลประโยชน์ไม่มี คอมมิชชั่นจากสัมปทานไม่มี เงินงบประมาณไม่มี เงินค่าก่อสร้างไม่มี เงินเรียกค่าแต่งตั้งตำรวจไม่มี อะไรไม่มีหมดเลย อำนาจวาสนาก็ไม่มี ทีนี้ 6 ปีที่มี ตั้งแต่ 44-45-46-47 พอเริ่ม 48 ปั๊บ มันไม่มีใครสู้ทักษิณ ไม่มี เขาพยายามสู้ด้วยหลายวิธี เดี๋ยวคนนั้นชุมนุมบ้าง คนนี้ชุมนุมบ้าง อ.เจิมศักดิ์ ออกทีวีบ้าง ก็ถูกปิด ออกวิทยุก็ถูกปิด ผมนี่ถูกเตะออกมาจากช่อง 9 แต่ในที่สุดผมก็สู้ด้วยเอเอสทีวี ทีวีผ่านดาวเทียม ผมจำได้ว่าวันที่เราชุมนุมครั้งแรก ออกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่หอประชุมเล็กธรรมศาสตร์ วันนั้นคนมาล้นหอประชุมเลย ตกใจ นึกไม่ถึงว่าคนจะร่วมอุดมการณ์เยอะขนาดนี้ พอไปหอประชุมใหญ่ เต็มอีก ล้น ก็เลยไปที่สวนลุมฯ พอไปที่สวนลุมฯ นั่นคือวงจรวงล้อประวัติศาสตร์เริ่มเดินแล้ว ก็ปรากฏว่าความที่พรรคประชาธิปัตย์อดอยากปากแห้งมา 44-45-46-47-48 อดอยากปากแห้งมา ที่สำคัญที่สุดในช่วงก่อน ทำไมคุณทักษิณถึงได้เป็นนายกฯ ที่ทักษิณได้เป็นนายกฯ เพราะคนเบื่อพรรคประชาธิปัตย์ แล้วคนเห็นนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ที่ยกทรัพย์สินของไทยไปเลหลังขายราคาถูกให้กับฝรั่ง แล้วให้ฝรั่งกลับมากระทืบคนไทย คนไทยหลายคนไม่พอใจมาก หลายคนไม่พอใจอย่างยิ่ง แล้วยิ่งท่านนายกฯ ชวน อดีตนายกฯ ชวนไม่กล้าตัดสินใจเรื่องใดทั้งสิ้นเลย โยนทุกอย่างให้กับทางรัฐมนตรีคลัง และอีกประการหนึ่ง ช่วงนั้นเอ็มโอยู 2543 ยังไม่มีใครรู้นะ เขาเซ็นกันปี 2543 แล้วทักษิณขึ้นมา 2544 ทักษิณถึงมาเริ่มเอ็มโอยู 2544 ต่อ มาต่อยอดจาก 2543 ตอนนั้นยังไม่มีใครแตะ เพราะว่ายังไม่มีเรื่องกัน
พอเราจุดติด เราก็รวมพลเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มันติดขึ้นมาปั๊บ พรรคประชาธิปัตย์ก็แห่แหนเข้ามาร่วมเลยทันที ส.ส.ภาคใต้ เอาพรรคพวกขึ้นมา มาร่วมชุมนุมกัน โอ๊ย ตอนนั้นรักกันดี ชุมนุมที่สนามหลวง เดินขบวน มีพวกไฮโซ ไฮซ้อ ที่มานั่งฟังแล้วก็เอาปลาแซลมอนมากินกับชีส ยัยเบ๊อะบ๊ะ ยัยประสาทแดกก็มา มาที่บ้านพระอาทิตย์ มาพาไปวัดอรุณฯ ไปทำพิธงพิธี อย่างโน้นอย่างนี้ คือทุกคนเทไปหมดเพื่อต้องการล้มทักษิณอย่างเดียว เพื่อต้องการที่จะล้มทักษิณ ทีนี้ไอ้เราสู้ทักษิณในฐานะเป็นแกนนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตอนนั้น ที่เราต้องการเปลี่ยนทักษิณเหตุผลเพราะว่าทักษิณไม่เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะได้สร้างระบอบทักษิณที่โกงกินประเทศชาติขึ้นมา แต่เมื่อเรามองย้อนหลังกลับไปแล้ว พวกที่อยู่เบื้องหลัง พรรคพวกที่มาจากสายประชาธิปัตย์ ก็คือต้องการจะล้มทักษิณอย่างเดียว เพื่อให้ประชาธิปัตย์ขึ้น เขาจะมองเราคนละประเด็นแล้ว เรามองว่าการเมืองแบบนี้ไปไม่ได้ มันต้องเอาทักษิณออก แล้วหาทางปฏิรูปการเมือง แต่ประชาธิปัตย์บอกว่า เฮ้ย พันธมิตรฯ ไล่ทักษิณออกไป แล้วให้ประชาธิปัตย์ขึ้น คล้ายๆ พฤษภาฯ ทมิฬ ช่วง 2535 ที่ลุงลองออกไปสู้กับสุจินดา คราประยูร ออกไปสู้กับอิสระพงศ์ หนุนภักดี มีการยิงคนตาย จับลุงลองขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ตอนนั้นจริงๆ แล้วถ้าประเทศจะหยุดอยู่นิ่งแล้ว พัฒนาการเมืองใหม่ ตอนนั้นซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่ได้สู้อะไรเลยหลบมุมอยู่ รอจังหวะ พี่ลองขึ้นปังปั๊บ มีปัญหาปังปั๊บ เขาเสียบเข้ามาทันที แล้วความที่เขากลัว ว่าพี่ลองจะเป็นฮีโร่ จะดึงมวลชนได้ ก็เลยเกิดวลีที่บอกว่าจำลองพาคนไปตาย นี้มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ทำลายว่าพาคนไปตาย เหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์ ยุคหนึ่งสมัยนั้นนานแล้ว ที่ให้คนวิ่งเข้าไปโรงหนัง ตะโกนบอกปรีดีฆ่ารัชกาลที่ 8 นี้คือผีมือพรรคประชาธิปัตย์ เพราะนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการใส่ร้ายคน อย่างหน้าด้านๆ เป็นมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว แล้วมันก็ถ่ายทอดมาตลอด ไม่หยุดเลย ไม่ว่าจะเป็นเด็กรุ่นใหม่จบจากออกซฟอร์ด เหี้ยเหมือนกันหมด ในเรื่องของการใส่ร้าย
ที่นี้พอพรรคประชาธิปัตย์เป็น ก็อย่างที่บอกผลัดไปผลัดมาจนในที่สุด ก็มาต่อพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เสร็จเรียบร้อย ตอนที่เลือกตั้งตัวเองคิดว่าตัวเองได้ เขาไม่รู้ว่าประชาชนเบื่อพรรคประชาธิปัตย์ ทักษิณนี้ภาพดี นักธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จในการค้าขาย ที่จริงตำหนิใครไม่ได้ต้องตำหนิประชาชนคนไทยที่โง่ วันนั้นประชาชนนึกอะไรไม่ออกประชาธิปัตย์ไม่ดี ตัดสินใจไม่เด็ดขาด ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ เลือกทักษิณดีกว่า พอทักษิณไม่ดีเลือกประชาธิปัตย์ดีกว่า คือประชาชนไทยโง่ มีอยู่แค่นี้ ซ้ายกับขวา ขวากับซ้าย เพราะว่าปัญญาในเรื่องการมองการเมือง ว่าต้องปฏิรูปการเมืองยังไง มองไม่ทะลุ ไม่รู้จะมองยังไง คือกบเลือกนายอยู่ 2 นาย คิดว่าชีวิตนี้อยู่แค่นี้ ทำตัวเป็นทาสอยู่ด้วยความกลัว ที่นี้พอทักษิณเข้ามา ทุกคนก็รู้แล้วว่าทักษิณมีผลประโยชน์ พรรคพวก เครือญาติ ทุจริตเชิงนโยบายออกมา แต่ไม่มีใครสู้ทักษิณ ยกเว้นพวกเรา และผมก็เป็นหัวหอกคนแรก ตอนที่ผมสู้ครั้งแรกยังมีคนจับตาดูอยู่ NGO หลายๆ คนก็จับตา พี่พิภพก็ดูผมอยู่ หลายคนดู สุริยะใสก็ดู จำได้มั้ย วันที่ผมประท้วง วันที่ผมไปออกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ที่สวนลุมฯ เสร็จเรียบร้อยโดนทักษิณแจ้งความจับผมเอาส่งทหารมาข่มขู่ผม คุณรู้ไหมใครเอาดอกไม้มาให้ผม หมอเหวง โตจิราการ เอาดอกไม้มาให้ ให้กำลังใจ มากันเป็นแถวเลย สหภาพโน้นมา สหภาพนี้มา เพราะว่าผมดึงคนออกมาต่อสู้ แล้วคนพวกนี้ก็อยากให้ผมนำต่อ ก็เลยนำต่อ จนกลายเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแล้ว พอจัดการเรื่องทักษิณเสร็จ หมายถึงทักษิณออกไปนอกประเทศ แล้วมีการปฏิวัติเกิดขึ้น ทุกคนมองเหมือนกันหมด ประชาธิปัตย์ก็มองว่าทักษิณไปแล้วจบ รีบเลือกตั้งใหม่ ผู้ปฏิวัติสุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็บอกว่าไปแล้ว จบแล้ว รีบเร่งให้มีการเลือกตั้ง แต่ลืมนึกไปว่า รากเหง้าที่ฝังอยู่มันลึกมาก ลึกจริงๆ ลึกถึงขนาดที่ว่าเครือข่ายเขายังสามารถจะจุดติดได้ทันทีเหมือนเชื้อไฟที่ยังไม่มอด แค่โยนถ่านเข้าไปก้อนสองก้อนมันก็ติดขึ้นมาทันที และที่คือความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากทักษิณไป นี่คือที่มาของสมัคร สุนทรเวช เมื่อสมัครมาแล้วพันธมิตรฯ ก็ยอมรับ เพราะถือว่าคุณเลือกตั้งมา ช่างคุณ แต่เราออกแถลงการณ์เตือน คุณอย่าทำนี้นะ ตลอดเวลา ไปดูประวัติศาสตร์ได้ มีหลักฐานหมดทุกอย่าง ตอนนั้นประชาธิปัตย์แพ้ อุตส่าห์รอให้ทหารปฏิวัติ ปฏิวัติเสร็จแล้วยังเสือกแพ้อีก ก็ไม่รู้จะพึ่งใครก็ต้องพึ่งไอ้สนธิ พี่ลอง พี่พิภพ สมเกียรติ แล้วตอนนั้นสมศักดิ์ โกศัยสุข ก็อยู่ด้วย ก็หวังว่าพวกเราจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ผิดหวัง เพราะว่าพวกเราเป็นตัวขับเคลื่อนจริงๆ เพราะว่าพวกเราไม่มีผลประโยชน์ ก็เลยสู้ให้ สู้จากสมัคร มาสมชาย จากสวนลุมฯ ไปลานพระรูปฯ จากลานพระรูปฯไปสนามหลวง จากสนามหลวงไปสะพานมัฆวาน และไปทำเนียบ ตอนนั้นอยู่ทำเนียบจำได้ทั้ย คนเยอะ คนใต้บางคนมาจากสุราษฎร์ฯมาจากสมุย เฮียค้ง เฮียแคก เป็นเด็กของสุเทพ เทือกสุบรรณ มาตั้งโรงครัว เลี้ยง นี่คือจุดหนึ่งทางสายสุเทพเขาอ้างว่า เขาก็ส่งคนมาช่วย ไม่เป็นไร
คนใต้บางคนมาจากสุราษฎร์ มาจากสมุย เฮียค้ง เฮียแคก เป็นเด็กของสุเทพ เทือกสุบรรณ มาตั้งโรงครัวเลี้ยง นั้นคือจุดนึงซึ่งทางสายสุเทพเขาอ้างว่า เขาส่งคนมาช่วย ไม่เป็นไรช่วย แต่ช่วยของเขา กับการสู้ของเขาออกเราไม่เหมือนกัน เขาสู้เพื่อให้ประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาล แต่เราสู้เพื่อหลักการ เพื่อการเมืองที่ดีขึ้น มันแย่ตั้งแต่ตรงนี้แล้ว แล้วก็มีอุบัติเหตุทางการเมืองเรื่องพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งก็จบไปเพราะว่าผมถอนตัวไป เพราะเห็นแล้วว่า มันไม่เวิร์ก ผมถึงถอนออกมา คุณสมศักดิ์เขาเชื่อว่า การเมืองไปแล้วเขาก็ไปของเขา เมื่อไปแล้วเราก็ไม่ยุ่งแล้ว เราเดินหน้าต่อไป
อันนี้ก่อนที่จะมีเรื่องมีราวกัน เสร็จเรียบร้อยแล้วจุดเปลี่ยนจริงๆ คือเปลี่ยนที่การชุมนุมที่สนามบิน พอชุมนุมที่สนามบินเสร็จ แทนที่คนอย่างอนุพงษ์ เผ่าจินดา จะมองว่า ความขัดแย้งทางการเมืองแบบนี้มันเป็นเพราะว่า ระบบการเมืองมันใช้ไม่ได้ ควรจะยุติให้นักการเมืองพัก อย่างน้อย 2-3 ปี และมาจัดระบบให้ใหม่มาสร้างความโปร่งใสให้การเมือง มาขจัดคนซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนาทางการเมืองออกไป ปรากฏว่ากลับไปแอบจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องแอบจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์เพราะว่า วันนั้นเนวิน ชิดชอบ หลังจากที่อยู่กับสมัคร สุนทรเวชแล้ว พรรคของเขา หรือกลุ่มของเขาได้ผลประโยชน์เต็มตัว เขามาเริ่มสูญเสียผลประโยชน์เมื่อสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี เขาไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เขาเลยอยากจะถอน เลยมีการติดต่อคนที่เขาติดต่อตลอดเวลาคือ สุเทพ เทือกสุบรรณ เพราะสุเทพอยากเป็นรัฐบาลมานานแล้ว สุเทพจะแตะคนโน้นที คนนี้ที จังหวะมันเหมาะพอดีเลย ที่สมชาย วงศ์สวัสดิ์หลุดพ้นออกมา จากคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อหลุดพ้นแล้วมันมีช่องว่างต้องเลือกนายกฯ ใหม่
ตรงนั้นแหละที่เนวินถือโอกาสใช้ช่องว่างนี้ ยกพลพรรคของเขาเองให้ผลประโยชน์กับคนที่ออกมาจากพวกพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชาชนออกมา มาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยคนที่อยู่เบื้องหลังคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เพราะเขามองว่า ถ้าเขาจับคนพวกนี้มาอยู่โดยที่เขาเป็นคนบริหารจัดการ เขาคือหัวหน้าพรรคทหาร เมื่อเขาเป็นพรรคทหารเป็นตัวการซึ่งวางหลักอันนี้ไว้ เขาก็สามารถที่จะกำหนดได้ว่าอย่างเช่น รัฐมนตรีกลาโหมต้องเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าใจไหม งบประมาณ งบทหารจะต้องจัดให้ผมอย่างนี้อย่างนั้น งบทางใต้ต้องเพิ่มอย่างนี้อย่างนั้น เขามองกันอยู่แค่นี้ เขาไม่ได้มองภาพรวมว่า สังคมทางการเมืองมันต้องมีการเปลี่ยนแปลง ใช่ไหมครับ เนวินเองก็วางตัวคนเอาไว้ ให้โสภณ ซารัมย์ มาเป็นรัฐมนตรีคมนาคมอันโน้นอันนี้ ความที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาลมาตั้งแต่ปี 44- 45- 46- 47- 48- 49
จินดารัตน์ - 6 ปี
สนธิ - 50 ด้วย เพิ่งจะได้เป็นตอนปี 50 6ปีคนอย่างเช่นสุเทพ อยากเป็นรองนายกรัฐมนตรี คนโน้นอยากเป็นคนนี้อยากเป็นทุกคนลืมหลักการหมดเลย ทุกคนลืมว่าครั้งหนึ่งเขาเคยปฏิเสธการเลือกตั้ง เพราะเขาเห็นว่า ทักษิณกำลังจะผูกขาดการเลือกตั้ง จุดตรงนั้นคือ จุดอุดมการณ์ว่า การเมืองแบบนี้ใช้ไม่ได้ แต่เขามองว่ากูเป็นรัฐบาลแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วกูเกาะเอวเนวินได้ เข้าใจไหม นี่คือการเกี๊ยะเซี๊ยะ และเนวินคือใคร เนวินแท้ที่จริงแล้วคือตัวการที่สร้างกลุ่มเสื้อแดงขึ้นมา
จินดารัตน์ - บิดาแห่งเสื้อแดง
สนธิ - บิดาแห่งเสื้อแดงเลยเนวิน ใช่ไหม ทีนี้อภิสิทธิ์ก็อยากเป็นนายกฯ ความใฝ่ฝันของคนที่เล่นการเมือง อายุยังน้อยเป็นนายกฯ ยังน้อยมันเท่ แล้วเขามีความรู้สึกว่า เขาจบออกซฟอร์ดมามีการศึกษาคุณวุฒิดี วัยวุฒิดีเขาน่าจะเป็นนายกฯ ได้ดี เพราะฉะนั้นแล้วเขาเลยลืมอุดมการณ์ไปเลย
จินดารัตน์ - คือทุกคนมีความกระเหี้ยนกระหือรือ
สนธิ - กระเหี้ยนกระหือรือเขาลืมอุดมการณ์ไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซ้ำร้ายสุเทพ เทือกสุบรรณยังมาพูดอีกบอกว่า เขาไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คนที่ทำให้เขาเป็นรัฐบาลได้คือ เนวิน ชิดชอบ เขาเป็นหนี้บุญคุณ เนวิน ชิดชอบ เขามองเห็นข้าวที่เขามาหุงในหม้อหุงข้าว แต่เขาลืมชาวนาที่ปลูกข้าวอย่างพวกเรา เข้าใจไหม ทีนี้พวกสาวกพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกแม่ยกทั้งหลาย พวกไฮโซไฮซ้อพวกอีบ้า 2-3 ตัวที่เป็นโรคประสาท
จินดารัตน์ - ดิ้นพล่านอยู่ในเฟซบุ๊ก
สนธิ - ดิ้นพล่านเป็นนักร้องคาเฟ่เก่าเลยพวกนี้ ไอ้พวกนี้ก็ต้องพยายามที่จะหาความชอบธรรมที่อภิสิทธิ์เข้าไป ชุดภาษาเลยเกิดขึ้น ชุดภาษาเช่น เขาเข้าไปเป็นอย่างดีกว่าให้คนอื่นเป็น อย่างน้อยเขาเข้าไปเป็นเขาจะมีรัฐบาลที่โปร่งใสมีความซื่อสัตย์ เขาควบคุมเนวินได้ อย่างน้อยที่สุดจะทำให้การต่อสู้ต่อต้านทักษิณชัดเจนขึ้น ทำให้ทักษิณไม่สามารถที่จะเจริญเติบโตได้ นี่คือชุดภาษาเขานะ ถ้าไม่เข้าไปเป็นแล้วยังไงจะเป็นฝ่ายค้านตลอดไปหรอ ให้พวกพรรคพลังประชาชนมันเลือกคนของมันขึ้นมาอีกหรอ แล้วพวกเราต้องประท้วงกันตลอดไปหรอ อันนี้คือชุดภาษาเขานะ เพื่อสนับสนุนความชอบธรรม ปรากฏว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงข้ามกับที่เขาเชื่อหมดเลย เช่น เข้าไปแล้วควบคุมเนวินได้ ตรงกันข้ามเนวินมาควบคุมพวกเขา ไม่ใช่เขาควบคุมเนวิน เกิดความซื่อสัตย์ ตรงกันข้ามทุจริตเต็มไปหมดเลย ทุกเรื่อง เป็นคนเด็ดขาดบริหารชาติบ้านเมืองได้ ไอ้เสื้อแดงไปเผาองค์พัทยาทำไรไม่ได้เลยวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ไม่กล้าตัดสินใจตำรวจเป็นเสื้อแดง สนธิแม่งโดนยิง วันที่ 17 เมษายน จับคนร้ายไม่ได้ พอมาตอนหลัง ถึงรู้ว่าเขาเริ่มสืบแล้วว่า มันเริ่มเข้าไปถึงรัฐมนตรีคนหนึง ที่นั้งอยู่ในรัฐบาลเก่าแล้ว เขาสั่งให้หยุด การทุจริตเต็มไปหมด สุพจน์ ทรัพย์ล้อมเกิดขึ้นยุคไหนละ ถ้าไม่ใช่ยุคเขา ปลัดกระทรวงคมนาคมถึงเขาจะอ้างคมนาคมมันไม่ใช่โควตาเขาเป็นโควตาพรรคเนวิน ไหนมึงบอกมึงคุมเนวินได้ไง รถเมล์เอ็นจีวีที่โกงกันฉิบหาย ที่อภิสิทธิ์บอกมาไม่มีอะไรร่วม ซื่อสัตย์
มาจนถึงรัฐบาลยุคนี้ การเจรจาเขมรเจรจาลับกัน จนในที่สุดโดนไอ้ฮุน เซน เอาไม้หน้าสามตีแสกหน้า บอกว่าอภิสิทธิ์ให้สุเทพกับประวิตรไปเจรจา ทุกงานเงียบๆ 3 ครั้ง ไอ้ฮุน เซน มันด่าเข้าไปเลย อึ้งเลย มาเจอวีระ ราตรีอีก กรณีที่ไปยืนอยู่บนแผ่นดินไทยแล้วขี้ขลาดตาขาว ไม่กล้าสู้เพื่อแผ่นดินไทย ไม่กล้าสู้เพื่อคนไทย ไม่กล้าปกป้องรักษาดินแดนไทย กับสมรู้ร่วมคิดกับนายประวิตร วงษ์สุวรรณ ชี้แผนที่ว่า นี้คือที่ของเขมร ทำให้ไทยเสียอธิปไตย เสร็จเรียบร้อยแล้วเอ็มโอยู 2543 ตัวเองไม่สามรถยกเลิก ตัวเองบอกเอ็มโอยู 2544 ตัวเองจะยกเลิก ก็ไม่ยกเลิก ถอดยศทักษิณก็ไม่ถอด แล้วยังหน้าด้านให้สาธิต วงศ์หนองเตย มาอภิปรายด่าเฉลิม ว่าทำไมไม่ถอดยศทักษิณ ดีเขาไม่สวนกลับมาว่า ทำไมมึงไม่ถอดละ มันเลยทำให้ผม มีความรู้สึกว่าไอ้พรรคนี้ ทำไมมันเป็นพรรคที่ตอแหลลงตับ ไม่สำคัญว่าเรียนจบที่ไหน เป็นผู้ดีมาจากไหน ตระกูลผู้ดีเก่ายังไง แม่งโกหกเก่งฉิบหายเลย ผมลูกเจ๊กธรรมดายังอายมันเลย มันโกหกจนกระทั่งได้ใจหมาเลย
จินดารัตน์ - กำลังลำดับความรุนแรงอยู่ว่า โกหกได้ใจหมานี้มันขนาดไหน
สนธิ - เวลาหมามันมาขออะไรเรากิน มันกระดิกหาง มันเหมือนกับว่า อยากได้อะไร พอเราให้มันกิน มันกินเสร็จไปเลย ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ไปตลอดเวลา เพราะมันเป็นอย่างนี้ไปแล้ว มารุนแรงมีเรื่องแตกหักที่ 158 วัน เพราะว่าเขามองว่าพันธมิตรประชาธิปไตยนี้ คือเด็กในบ้านเขา เขามองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่มีคน มีแต่พวกเขาทั้งนั้น
จินดารัตน์ - หมดแรงแล้ว
สนธิ - หมดแรงแล้ว เขาพูดตลอดเวลา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเหรอ 100 คน มีอย่างมากก็ 20 คน ที่เหลือพันธมิตรประชาธิปัตย์ทั้งนั้น มันก็เลยมีเรื่องวัดใจกัน คือเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ที่ลุงลองมาบอกว่า สนธิ ผมจะต้องไปประท้วงนะ คุณไม่ไปก็ไม่เป็นไร บอกไม่ได้พี่ลอง เรื่องชาติบ้านเมือง เราต้องไปด้วยกัน เป็นไงเป็นกัน ก็ไป 158 วัน ตรงนั้นล่ะที่เป็นจุดเปลี่ยน เป็นจุดเปลี่ยนตรงไหน เป็นจุดเปลี่ยนตรงที่ว่า เป็นครั้งแรกที่เราจับโกหกอภิสิทธิ์ได้รายวัน เพราะว่าอภิสิทธิ์พูดวันนี้เรื่องเขาพระวิหาร ปานเทพขึ้นพรุ่งนี้ โต้อภิสิทธิ์ สุเทพพูด คนอื่นพูด กษิตพูด คนอื่นก็ขึ้นพูดโต้ โต้ตลอดเวลา แล้วโต้ด้วยหลักฐาน โต้ทุกอย่าง จนกระทั่งอภิสิทธิ์รับไม่ได้ ต้องไปชุมนุมที่ดินแดน ที่เราชุมนุมกัน แล้วประกาศสัจจวาจาที่โกหกมาตลอด ว่าผมจะไม่ยอมเสียดินแดน ถ้าผมเสีย ผมไม่ใช่ชื่ออภิสิทธิ์ ผมไม่ควรเลยแม้กระทั่งมาอยู่ในดินแดนไทย โกหกตลอดเวลา นี่คือหลักฐานที่อภิสิทธิ์โกหก และพรรคประชาธิปัตย์โกหก เพื่อที่จะ คล้ายๆ ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอให้เชื่อนะ ในที่สุดเราก็เริ่มจับโกหกได้ เราก็ไม่ยอม พอเราไม่ยอม เราก็เริ่มสู้ต่อ ใครจะไปนึกล่ะ คนที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ใช่รัฐบาลพรรคโน้น แต่กลายเป็นพรรคประชาธิปัตย์ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อมาเล่นงานเรา
คนอย่างชำนิ ศักดิเศรษฐ์ คนอย่างนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ การเมืองมันต้องเล่นในสภา มาเล่นการเมืองนอกถนน ริมถนน บนถนนได้ยังไง เห็นมั้ย พอเป็นรัฐบาลก็การเมืองต้องเล่นในสภา พอตัวเองโดนพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลปัง ตัวเองยุให้ทุกคนมาเล่นการเมืองริมถนน จะเห็นว่าความตอแหลลงตับของคนพวกนี้มันมีอย่างชนิดที่เรียกว่ามันโกหกแบบหน้าด้านๆ แบบเช้าโกหก เย็นพูดอีกอย่างหนึ่ง พรุ่งนี้ลืมแล้วว่าพูดอะไร ขอให้กูได้พูด ขอให้กูได้แก้ตัว ด้วยเหตุนี้มันก็เลยทำให้เรามีความรู้สึก อย่างน้อยที่สุด ผมนี่มีความรู้สึก พี่ลองมีความรู้สึก อ.สมเกียรติ มีความรู้สึก และพันธมิตรฯ หลายคนเริ่มมีความรู้สึก เฮ้ยประชาธิปัตย์ทำไมถึงเป็นคนอย่างนี้ และในขณะเดียวกัน พวกที่เป็นสาวกประชาธิปัตย์ ก็ออกมาปกป้องประชาธิปัตย์ โดยที่ไม่ได้ดูเนื้อหาเลยว่าสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราสู้ เราสู้ในเรื่องของดินแดน เราสู้ในเรื่องความถูกต้อง พวกนี้จะปกป้องพรรคประชาธิปัตย์อย่างหน้ามืดตาลาย โดยไม่สนใจว่าถูก หรือไม่ถูกต้อง กูขอให้พวกกูถูกอย่างเดียว คือพูดง่ายๆ ว่าถ้าประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล พันธมิตรฯ ต้องกล้ำกลืน ถ้ากูจะโกง ถ้าเขาจะโกง ปล่อยมันโกงไปเถอะ อย่างน้อยมันโกง มันก็ยังโกงน้อยกว่าพรรคเพื่อไทยโกง ก็คือวลีเด็ด ชุดภาษาคือว่า ถ้าเลวก็น้อยกว่าพรรคเพื่อไทย ยอมรับความเลวของฉันเถอะ แล้วนั่งเฉยๆ เฮ้ย ผมนั่งเฉยๆ ไม่เป็น เพราะว่าผมไม่ใช่หมา ที่นึกจะให้กระดูกผมกิน ก็เรียกผมมาให้กินกระดูกซะ เออได้กระดูกไก่แล้วนะ ไปๆๆ ไอ้ตูบ ไปนอนไป
จินดารัตน์ - อย่าโวยวายนะ
สนธิ - อย่าโวยวาย มันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง เรื่องของความจงรักภักดี เรื่องการจาบจ้วงก็ไม่จัดการอย่างเด็ดขาด ไม่ทำอะไรเลย ทุกเรื่อง ทุกเรื่องไม่ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว นี่ยังไม่นับกับเรื่องที่ยิงผม
จินดารัตน์ - เรื่องแกนนำเสื้อแดงอีก
สนธิ - เรื่องแกนนำเสื้อแดงไปเกี้ยเซียะเขาตลอดเวลา ตอนที่เหตุการณ์การเผาบ้านเผาเมืองจบ จับแกนนำเสื้อแดงไป
จินดารัตน์ - ไปอยู่ชายหาด บ้านพัก
สนธิ - ไปอยู่รีสอร์ตที่ค่ายนเรศวร มีอินเทอร์เน็ตให้เล่น มีหนังสือพิมพ์ให้ดู ดูสิ ภาพเห็นชัดเจน วิภูแถลงนั่งอยู่
วรรษมน - มี นปช.ไปเยี่ยมด้วย
สนธิ - นปช.ไปเยี่ยมด้วย คือมันไม่เหมือนผู้ต้องหา แสดงว่าเกี้ยเซียะกัน เพราะฉะนั้นแล้วเขาเกี้ยเซียะกันมาตลอด ทุกเรื่องเลย แล้วแอบเจรจากัน ส่งกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ไปคุย ส่งกรณ์ จาติกวณิช ไปคุยกับพวกเสื้อแดง คุยตลอดเวลาเพื่อหาทางที่จะประนีประนอมกัน
จินดารัตน์ - ส่ง เสธ.หนั่น ไปประกันตัวอีก
สนธิ - ส่ง เสธ.หนั่น ไปประกันตัว ส่งไอ้ผู้การแต้มไปยืนยันกับศาลว่าพวกนี้ควรจะปล่อยให้ประกันตัวได้ ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นแล้ว แอน จะเห็นชัดว่าไอ้คนที่เกี๊ยะเซี๊ยะเสื้อแดงไม่ใช่เรา แต่เป็นพวกนี้ตลอดเวลา จนกระทั่งมาวันนี้เป็นศัตรูกันแล้ว ไม่เผาผีกัน จะเผาผีกันได้ยังไง เพราะว่าพวกพรรคเพื่อไทยมันจะฆ่าพรรคประชาธิปัตย์ให้ตายให้หมดเลย มันก็เดือดร้อนกันแล้วสิ ธาริต เพ็งดิษฐ์ จัดการตามใบสั่ง เฉลิม อยู่บำรุง ก็ออกมาลุยทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรงพัก ซึ่งมันผิดหมด โรงพักนี่ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งพรรคเพื่อไทย เกี่ยวข้องหมด ผบ.ตร.ทุกรุ่น ตั้งแต่พัชรวาท มาจนกระทั่งถึงอดุลย์ แสงสิงแก้ว เกี่ยวข้องหมด เพราะฉะนั้นแล้วที่น่าอุบาทว์ และน่าทุเรศที่สุดคือเรื่องคุณราตรี อันนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ผมรับไม่ได้ วันนี้คงต้องยาวสักนิดหนึ่ง
คือเรื่องคุณราตรี ผมคิดว่าประชาธิปัตย์เลว แล้วไอ้คนที่รุมด่าคุณราตรี นี่บัดซบ โดยเฉพาะอีนังที่ทำตัวเป็นไฮโซ อีนี่นะ ขอโทษต้องพูดหยาบหน่อย คุณค่าในตัวมัน ไม่ได้ขี้ตีนคุณราตรีเขาหรอก ความรักชาติรักแผ่นดินมันก็สู้เขาไม่ได้ มันมาพูดได้ยังไงว่า ทำไมราตรีต้องไปเยือนยิ่งลักษณ์
จินดารัตน์ - ไปขอบคุณนายกฯ
สนธิ - ขอบคุณยิ่งลักษณ์ จะบอกให้รู้ทำไมเขาต้องไปขอบคุณยิ่งลักษณ์ อย่างน้อยที่สุด การที่ไปหายิ่งลักษณ์จะบอกให้รู้ว่าทำไมเขาต้องไปขอบคุณยิ่งลักษณ์ อย่างน้อยที่สุดการที่ไปหายิ่งลักษณ์นั้น ถ้ากระโหลกคุณไม่หนาจนเกินไป คุณน่าจะดูออก ว่าเขาไปตามมารยาทในฐานะที่ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ที่เจ็บกว่านั้น ถ้าคุณดูเป็น และคุณไม่โง่ มานั่งกินไวน์ กินปลาเเซลมอนทาชีส คุณจะรู้ว่า เขาไปยืนยันว่าเขายืนอยู่บนแผ่นดินไทย เขาไปยืนยันต่อหน้ายิ่งลักษณ์ ว่าเขาไม่ได้ผิด เขายืนอยู่บนแผ่นดินไทย และเขาไปพูดมัดตัวยิ่งลักษณ์ว่า เขาหวังว่ายิ่งลักษณ์จะปกป้องชาติบ้านเมือง อย่าให้เหมือนกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่อุบาทว์ที่สุดคือนายพนิช นายพนิชวันที่เดินเข้าไปที่พื้นที่ที่มีปัญหา โทรศัพท์
จินดารัตน์ - มีเสียงค่ะ
(VTR พนิช)
จินดารัตน์ - อย่าให้ใครรู้ เพราะมีนายกฯรู้อยู่คนเดียว
สนธิ - ต่อซิ
จินดารัตน์ - หลังจากนั้นคุณอภิสิทธิ์ก็ยอมรับว่า สั่งให้คุณพนิชไปจริง มีเสียงค่ะ
(VTR อภิสิทธิ์)
สนธิ - วันที่พนิชพูดที่บ้านหนองกระจาน โทรศัพท์วันที่ 2 มกราคม ที่อภิสิทธิ์พูดคือวันที่ 5 มกราฯ คือสรุปพนิชให้บอกอภิสิทธิ์ แล้วอภิสิทธิ์ก็มายืนยันว่ารับทราบแล้ว แต่พอมาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 พนิชบอกรัฐบาลอภิสิทธิ์ และคุณอภิสิทธิ์ ไม่รู้เรื่องนี้เลย
วรรษมน - มีเสียงนะคะ ฟังมั้ยคะ
สนธิ - ฟัง
(VTR พนิช)
จินดารัตน์ - นี่คือวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานี่เอง ที่สุวรรณภูมิ
สนธิ - ตอแหลลงตับมั้ยเนี้ย ผมเลยอยากให้คนที่เป็นสาวกประชาธิปัตย์ ตามเรื่องนี้ให้ดีๆ แต่ละขั้นตอนจะเห็นชัดเจนว่าผมไม่ได้โกหก พวกคุณโกหกหมดทุกเรื่อง และคุณเป็นของคนแบบนี้มานานแล้ว มันเป็นห่า มันเป็นสันดานจริงๆ พวกคุณ ไม่ใช่เฉพาะนักการเมืองพรรคพวกคุณ ไอ้พวกสาวกพรรคพวกคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีนางติ๊งต๊อง โง่แล้วเสือกทำฉลาด ควาย แล้วตัวเองไม่ได้รักชาติบ้านเมืองอะไรหรอก รักอภิสิทธิ์ ก็ไปกอดตงกอดตีนเขาร้องไห้ เอาน้ำตาล้างตีนเขาสิ คุณมาเล่นงานคุณราตรีเขาได้อย่างไง เพียงแต่ลำพังเขาออกมาจากคุกแล้วเขาบอกว่า เขายืนอยู่บนผืนแผ่นดินไทยเท่านั้นเขาก็ชนะใจคนไทยทั่วประเทศแล้ว คุณเคยรักชาติรักบ้านรักเมืองหรือเปล่า อีบ้า ทำเป็นเก่งๆ อยู่แค่นี้ เห็นยืนหน้าซีดเผือดอยู่ตรงแถวรัฐสภา ตอนนั้นทำเก่ง ไม่เห็นเก่งตลอดไปเลย
เอาละสรุปด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่ผมเล่าให้ฟังเรื่องทุจริต เมื่อผมมาดูแล้วมันเลวพอๆ กับพรรคเพื่อไทย เลวพอๆ กัน ไอ้โครงการไทยเข้มแข็งก็โกง เหมือนกับไอ้โครงการจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทย มันก็โกง มันโกงกันทั้งนั้นไอ้พรรคการเมืองระยำ คือขอให้เป็นนักการเมืองมันระยำทั้งสิ้น แล้วมันระยำพอๆ กัน ไม่มีใครระยำมากกว่าใคร ระยำน้อยกว่าใครเลยนะ คือพอระยำแล้วความระยำเกิดขึ้นมาระยำทั้งนั้น ผมเลยจะมาบอกว่า อย่างนี้ได้ไหม ผมดูปัญหาด้วยปัญญา ผมตัดสินใจด้วยปัญญาผมไม่ได้ตัดสินใจด้วยความกลัว พวกเราจะเลือกผู้ว่าฯ กทม.คนไหนก็ได้ พอใจจะเลือกสุขุมพันธุ์ก็เลือก พอจะเลือกพงศพัศก็เลือก พอใจจะเลือกเสรีก็เลือก พอใจจะเลือกสุหฤทก็เลือก พอใจจะเลือกโฆสิตก็เลือก และจริงๆ แล้วที่วันนี้คุณเสรีกับคุณประพันธ์มาออกไม่ใช่เพื่อมาโปรโมทย์คุณเสรี คุณประพันธ์ เพราะวันต่อไปจะมีคุณสุหฤทมา ก็จะมีทุกคนมา คุณโฆสิตก็จะมา เราให้โอกาสเท่าเทียมกันหมด
ประเด็นผมอยู่ตรงนี้ คุณพอใจใครเลือกก็เลือก แต่ผมจะเลือกหรือไม่เลือก มันเป็นอิสระเสรีภาพที่ผมต้องการ ชีวิตผมไม่ต้องการเป็นทาสใคร ไม่ต้องการเป็นทาสความคิดใคร ไม่ต้องการเป็นทาสความกลัวใดๆ ทั้งสิ้น ผมตัดสินใจยืนอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องที่ผมคิดว่า การเลือกของผมนี่ถูกต้องแล้ว และความถูกต้องของผมคือความเป็นอิสระเสรีในใจผมในจิตของผม ผมไม่ยอมเป็นทาสใคร และผมไม่ยอมเลือกใครเพียงเพราะว่า ผมกลัวอีกคนจะได้ ถ้าจะเลือกผมจะเลือกเพราะคนๆ นั้นเป็นคนดี มั่นใจในตัวเขา ถ้าผมจะเลือกสุหฤท เพราะผมเห็นว่าเขามีความกล้าหาญ ถึงเขาจะไม่ได้ แต่ผมอยากให้กำลังใจเขา ผมไม่ต้องการ ผมไม่เคยคิดว่า ถ้าสมมุตินะว่าผมไม่ได้บอก ว่าจะเลือกใครนะ สมมุติผมเลือกสุหฤท ผมไม่ต้องการให้คะแนนเสียงผมออกมาในรูปแบบ คนมาด่าผมบอกว่า เสียคะแนนไม่มีประโยชน์ไม่มีชนะ ประเด็นไม่ได้อยู่ชนะไม่ชนะ ประเด็นอยู่ที่ผมใจเป็นอิสระที่จะเลือกเขา ไม่ตกเป็นทาสความคิดของใคร ถ้าผมจะเลือกสุหฤท ผมจะเลือกด้วยเหตุผลข้อเดียว ผมเห็นว่าต้องให้กำลังใจเขา ถึงเขาจะแพ้แต่อย่างน้อยที่สุด 1 เสียงของผมให้เขาเพื่อพิสูจน์ให้เห็น ว่าเขาเป็นคนที่ดีควรแก่การให้กำลังใจ เพื่ออีกหน่อยคนดีๆจะได้กล้าออกมาบ้าง แต่ไม่ได้ว่าผมจะเลือกเขานะ แค่ยกตัวอย่างให้ฟัง อย่าตกอยู่ในหลุมพรางแห่งความกลัว
วรรษมน - แต่ถ้าปลดแอกตัวเองไม่ได้จริงๆ ก็แล้วแต่บุญแต่กรรม
สนธิ - ถ้ายังวนเวียนอยู่ในวัฏจักรเน่าๆเหมือนเดิม ผมช่วยอะไรไม่ได้แล้วนะ เราต้องเป็นผู้ตื่น ผู้รู้ ผู้เบิกบาน เราผ่านเหตุการณ์ต่างๆมาแล้ว ต้องคิดเป็น เพราะว่า คนที่คิดไม่เป็น และโง่ถูกชุดภาษาและวาทกรรมหลอกไปอย่างนี้ วนอยู่เพียงแค่นี้ ถ้าไม่ชอบแล้วยังไง ถึงไม่ชอบก็ต้องเลือก เพราะอีกฝ่ายมันเผาบ้านเผาเมือง แล้วยังไง ก็อธิบายให้ฟังแล้วไง ไอ้ 2 ตัวนี้ มีตัวไหนดี เลวพอๆกัน ไม่มีเลวกว่าใคร
จินดารัตน์ - เขาบอกอีกฝ่ายเผาบ้านเผาเมือง อีกฝ่ายปล่อยให้เขาเผาบ้านเผาเมือง
สนธิ - คุณไม่เลือกคนที่เผาบ้านเผาเมืองแต่เลือกคุณจะเลือกคนที่ปล่อยให้เผาบ้านเผาเมือง ตรรกะคุณก็หัวแม่ตีน เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผมเกลียดหรือรักพรรคประชาธิปัตย์หรือผมเกลียดหรือรักพรรคเพื่อไทย ผมรักตัวผมเอง ผมอยากเป็นอิสระ ไม่อยากเป็นทาสใคร เคารพความคิดตัวเอง ผมเคารพในตัวเอง เอาธรรมนำหน้า ผมรู้ว่าตัดสินใจตรงนี้ ทำให้นอนผมหลับสบาย ผมมองตาคนได้สะดวกถึงใครจะเป็นรัฐบาลไปก็ช่างหัวมันผมได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ทำถูกต้องแล้ว
จินดารัตน์ - ก็มีบางคนบอกว่าเลือกไป มันจะเลวร้ายไปกว่านี้ไหม มันคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว มันถึงช่วงพอๆกัน
สนธิ - ชั่วมาตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว
วรรษมน - เราพักกันก่อนสักครู่นะคะ ช่วงหน้ามาช่วงของการตอบคำถามนะคะ
วรรษมน - กลับมาติดตามในช่วงของสุดท้ายคุยทุกเรื่องกับสนธินะคะ มากันที่คำถามเลยแล้วกัน ขอคำถามเดียวนะคะ คำถามจากคุณธนรัช บอกว่า ผมเป็นคนบ้านนอก เป็นคนยโสธร มีลูกชาย 2 คน 3 ปีที่แล้ว ลูกชายคนโตจมน้ำเสียชีวิตตั้งแต่ลูกเกิดมาได้ 14 ปี ผมไม่เคยให้ลูกไปใกล้กับแม่น้ำ หรือหัดว่ายน้ำเลย เพราะมีคนจมน้ำตายทุกปี ผมเสียใจจนถึงทุกวันนี้ว่า ถ้าลูกว่ายน้ำเป็นคงไม่ตาย ส่วนเรื่องลูกคนเล็กที่มีปัญหาตอนนี้ 10 ขวบ อยู่ ป 5 เรียนอยู่บ้านนอกจริงๆ แล้วก็ย้ำว่าบ้านนอกจริงๆ โรงเรียนในหมู่บ้านมีถึงแค่ ม.3 แล้วลูกเรียนไม่เก่งเลย คำถามที่จะถามคุณสนธิก็คือถ้าจบ ม.3 แล้วจะให้ลูกเรียนอะไรดี สายอาชีพหรือปริญญา แต่ว่าผมมีเงินส่งอยู่บ้าน 3- 4 แสน ตอนนี้มีรถกระบะผ่อนหมดแล้ว 1 คัน มีนา 5 ไร่ ทำนาเอง ไม่ต้องซื้อข้าวกิน ส่วนภรรยาก็เปิดร้านขายของชำที่หมู่บ้าน ตอนนี้ผมทำงานอยู่ที่อียิปต์ เป็นช่างทำทอง คิดว่าเก็บเงินอีกสักปี ก็จะกลั้นใจกลับมาอยู่กับลูก ทำพออยู่พอกิน เหมือนที่พ่อหลวงสอน คำถามก็คือ จะทำอย่างไรดีครับให้ลูกได้อยู่กับเรา ถ้าเรียนน้อยก็กลัวอนาคตลูกจะลำบาก แต่ถ้าจะให้เรียนสูงเขาก็ต้องจากอกเราไปอยู่ไกลๆ กราบเรียนคุณสนธิแนะนำหน่อยนะครับ สรุปคือพอลูกผมโต เสีย ก็สอนใจผมว่า มัวห่วงแต่หาเงินไม่ได้ดูแลลูก ไม่ให้ลูกหัดว่ายน้ำ ส่วนลูกคนเล็กก็กลัวเรื่องแผนการเรียนในอนาคต
สนธิ - เรื่องการที่ลูกจมน้ำตาย ถ้ามองในหลักพระพุทธศาสนามันก็เป็นเรื่องเวรกรรมถึงเวลาที่เขาต้องไป แต่คำพูดนึงที่คุณพูดมาแล้วกินใจมากคือว่า มัวแต่หาเงิน ความจริงแล้ว ลักษณะการเปิดร้านขายของชำ และมีรถกระบะคันนึงไม่ติดหนี้มีเงินสดอยู่ 3-4 แสนบาท มีที่นา 5 ไร่ ก็ถือว่าเป็นระดับคหบดีคนหนึ่งแล้ว ผมกลับมองว่าถ้าเหลือลูกคนนึง เรียนไม่ค่อยเก่ง ความจริงเรียนเก่งหรือไม่เก่ง ประเด็นมันไม่สำคัญเท่ากับทำให้เขาเป็นคนดีได้หรือเปล่า ผมว่าอย่าไปมัวลุ่มหลงหลงใหลกับปริญญาบัตร เด็กผู้หญิงที่พ่อแม่กัดฟันส่งลูกออกจากบ้านนอกเข้ากรุงจบปริญญาไปเป็นกระหรี่ก็เยอะแยะไป เป็นหมอนวดก็ไม่น้อย เป็นไซด์ไลน์เพื่อมาซื้อไอโฟน 5 ผมว่าเอาลูกชายคนนี้ไปสายวิชาชีพดีกว่า แต่สายวิชาชีพผมไม่อยากให้ไปในลักษณะที่ไฮโซ คอมพิวเตอร์ สู้เขาไม่ได้หรอก ไปสายวิชาชีพที่ทำด้วยมือ ในสายช่าง ถ้าจะเป็นช่างก็เป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ที่เก่งไปเลย ถ้าจะเป็นช่างไปฟฟ้าก็เก่ง ช่างเครื่องที่เก่ง แต่จริงๆ แล้วถ้ามีสถานะที่พอดีพอสมควรถ้าเป็นช่างไฟฟ้าหรือช่างเครื่องก็เปิดอู่เล็กๆ ที่บ้าน และรับซ่อมรถให้กับหมู่บ้านข้างๆก็ได้ มีเงิน 3-4 แสน ผมว่าเรียนช่างก็ใช้เงินไม่เท่าไรหรอก แต่ขอให้ลูกเราเรียนและเก่งจริงๆ ต้องบอกลูกเลยบอกว่า นี่คืออาชีพที่จะเก็บต่อไปในอนาคต อย่างน้อยที่สุดก็มีเงินซื้อเครื่องมือมา หรือถ้าจะเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ก็ไม่เลว ช่างเฟอร์นิเจอร์ที่ทำเฟอร์นิเจอร์มีฝีมือ ไม่ต้องทำอะไรขายแค่หมู่บ้าน ตำบล อำเภอก็ขายได้แล้ว ขอให้ดีแล้วกัน ผมมั่นใจว่า ถ้าไปในสายช่างแล้วอยู่กันพ่อ แม่ลูก 3 คน ที่สำคัญคือให้ความอบอุ่นแก่ลูก ให้ลูกมีความรู้สึกว่า ชีวิตนี้มีพ่อมีแม่เป็นบุญเป็นวาสนาที่ใหญ่หลวง ชีวิตพ่อแม่เหลือลูกอยู่คนเดียว ถือว่าเป็นบุญเป็นวาสนาที่ได้อยู่ร่วมกันกินข้าวเย็นด้วยกัน เช้าๆ ลูกไปทำงาน พ่อไปทำงาน แม่ไปดูร้าน ผมว่าเป็นชีวิตที่มีความสุข อย่างนี้มีความสุขมาก บางคนอยู่บ้านเป็นคฤหาสน์ใหญ่โตมีรถคันละ 20-30 ล้าน แต่ทะเลาะกันทุกวัน เถียงกันในเรื่องเงินเรื่องทอง พ่อกลุ้มใจในเรื่องหนี้สิน แม่กลุ้มใจในเรื่องเมื่อไรเงินออกมาจะได้ไปจ่ายค่าเพชรที่ค้างเอาไว้ อยู่ในคฤหาสน์ใหญ่โตเหมือนอยู่ในนรก
สู้คนมีนา 5 ไร่ แล้วถ้าคุณสนใจคุณมากลับจากอียิปต์ คุณแวะมาที่สันติอโศก คุณมาดูวิธีทำเกษตรกรรมที่ใช้ปุ๋ยอินทรี ออแกนิก วิธีบำบัดทางธรรมชาติ เผลอๆ คุณอาจจะไปได้ดีก็ได้ ที่ยโสธรดีกว่า คุณมีที่ 5 ไร่ ถ้าคุณปลูกข้าว คุณตัดสินใจปลูกนาข้าว 5 ไร่ ด้วยปุ๋ยอินทรีทั้งหมด และเป็นข้าวออแกนิกหมดเลย ข้าวที่ไม่มีสารเคมีเลยแม้แต่นิดเดียว และคุณประกาศขาย ผมช่วยคุณขายยังได้เลยรับรองราคาข้าวคุณจะสูงกว่าราคาตลาดเยอะเลย
จินดารัตน์ - แล้ววางแป้บเดียวหมดแน่นอน
สนธิ - นั้นแหละผมแนะนำให้ทำแบบนี้
จินดารัตน์ - เรื่องโรงเรียนนะคะ คุณวิสุทธิ์ถามว่า โรงเรียนเด็กระหว่างโรงเรียนดังแต่ไกลมาก แต่โรงเรียนไม่ดังแต่อยู่ใกล้บ้านเลือกอย่างไรดีครับ
สนธิ - คุณวิสุทธิ์ต้องถามตัวเองว่า มีเวลาให้ลูกมากไหม ถ้าคุณและเมียคุณพร้อมที่จะใช้เวลาตอนเย็นอยู่กับลูก แล้วก็แนะนำลูกสอนลูกให้เรียนโรงเรียนไม่ดังแต่อยู่ใกล้บ้าน เพราะมันจะดีกับสภาพจิตใจเด็ก และเด็กจะได้ความรู้เพิ่มเติมจากคุณ หรือถ้าคุณมีฐานะดีพอสมควร อะไรที่เด็กขาดค่อยจ้างครูมาสอนเสริมที่บ้านก็ได้ แต่การที่อยู่ใกล้บ้านมันประหยัด ที่สำคัญมันประหยัดในเรื่องอารมณ์
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ สุขภาพจิตดีและใกล้บ้าน
สนธิ - ถ้าลูกสุขภาพจิตดี คุณก็สุขภาพจิตดี คุณหลับตาวาดภาพถึงอยู่ไกลบ้าน เช้าๆ คุณกับเมียคุณต้องไปส่งลูกคุณไปโรงเรียนแล้วรถติด แล้วเย็นต้องไปรับแล้วรถติด คุณเอาเวลาแต่ละชั่วโมงที่คุณเสียไป ทั้งไปและกลับ คุณคูณจำนวนปีที่ลูกคุณจะต้องโตต่อไป นั่นคือเวลาที่คุณจะต้องอยู่กับลูกคุณที่บ้าน
จินดารัตน์ - อีกสักนิดค่ะคุณสนธิ เรื่องเบาๆ จากคุณวสิน ผมอยากให้คุณสนธิแนะนำภาพยนตร์ในดวงใจของคุณสนธิสักเรื่อง ถ้ายังไม่เคยชมผมจะได้ไปหามาชมบ้าง
สนธิ - ไม่รู้ว่าคุณจะเห็นว่าผมแก่ไปหรือเปล่า ผมยังคิดว่าเรื่อง Doctor Zhivago ดีที่สุด แอนเคยดูหรือเปล่า มันเป็นภาพยนตร์ในช่วงปฏิวัติรัสเซีย มันเป็นเรื่องของความรักของหมอคนหนึ่ง ซึ่งแสดงโดยโอมาร์ ชารีฟ นักแสดงชาวอียิปต์ หนังเรื่องนี้ได้ตุ๊กตาทอง และมีเพลงที่มีชื่อมาก Somewhere my love. There will be songs to sing...... มันเป็นความรักของหมอที่มีภรรยาแล้ว และก็ไปในช่วงของเหตุการณ์ปฏิวัติก็ไปเจอผู้หญิงอีกคน มันเป็นวัฒนธรรมแสดงให้เห็นถึงชนชั้นศักดินาชุดพระเจ้าซาร์ กับชนชั้นปฏิวัติ ซึ่งมันขัดแย้งกันมาก แล้ว ดร.ชิวาโก ยืนอยู่ตรงกลาง และมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง
จินดารัตน์ - ถ้าหนังอมตะขนาดนี้หาดูได้ไม่ยากแน่นอน
สนธิ - มีครับ แต่เก่ามากแล้ว เก่าจริงๆ
จินดารัตน์ - หมดเวลาแล้วนะคะ คำถามเราจะรวบรวม
สนธิ - แต่ก่อนจบเดี๋ยวผมอยากจะฝากนิดหนึ่ง วันนี้ผมอาจจะพูดจาแรงไปหน่อยนะสำหรับคนที่รักพรรคประชาธิปัตย์ แต่ด้วยเจตนาผม เจตนาดี คือผมจะทำอย่างไรที่จะไม่ให้ไปลุ่มหลงหลงใหลกับพรรคใดพรรคหนึ่งหรือคนใดคนหนึ่งอย่างไม่มีเหตุผล ติดกับความคิดวลีอันนั้นไม่ได้เลย ผมคิดว่าถ้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูด คุณค่าของคนที่รักประชาธิปัตย์กับคุณค่าของพวกเสื้อแดง ไม่ต่างกันแม้แต่นิดเดียว คือถ้าคิดเองไม่เป็น ถ้าไม่สามารถจะสลัดพันธะที่ทำให้ตัวเองเป็นทาสของความเชื่ออย่างงมงายได้ คุณก็ไม่ต่างอะไรกับคนเชื่อคนทรงเจ้า แทนที่คุณจะไปเคารพในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เท่านั้นที่ผมจะพูด
จินดารัตน์ - หมดเวลาแล้วขอบคุณสำหรับการติดตามชม เดี๋ยวคำถามเราจะรวบรวม ก็สะสมไปสัปดาห์หน้า ก็ค่อยๆทยอยถาม ที่คุณสนธิบอกว่าต่อไปอาจจะมีรายการเพื่อตอบคำถามโดยเฉพาะ แต่ผมกำลังเลือกวันอยู่ ว่าควรจะเป็นวันไหนของอาทิตย์ ตอบคำถามจะตอบยาว 2 ชั่วโมงเต็มๆเพื่อตอบคำถาม
จินดารัตน์ - เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งน้อยใจนะคะว่าคำถามถามมาไม่ได้ตอบเลย เวลาบางอาทิตย์ก็จะมีเรื่องคุยกันเยอะ
วันนี้หมดเวลาแล้ว ลาไปก่อนนะคะ ขอบคุณคุณสนธิ ขอบคุณคุณผู้ชม ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ