กกต.กทม.เลื่อนพิจารณากรณีร้องสั่งระงับทำ-เผยแพร่โพลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เป็น 8 ก.พ.นี้ รอ 2 ผู้สมัครอิสระตอบกลับ ผอ.กกต.กทม. ชี้ไม่มีอำนาจเรียกเตือน-สั่งห้าม หวั่นถูกมองไม่เป็นกลาง พร้อมประสาน บช.น.จับตาตั้งโต๊ะพนันผลเลือกตั้ง ส่วนเลขาฯ กกต.เผยเตรียมเชิญ กกต.ติมอร์-ภูฏาน-10 เอกอัครราชทูตอาเซียนสังเกตการณ์เลือกตั้ง ขณะที่กรณี “ศิริโชค-ชวนนท์” โพสต์ภาพโจมตี “พงศพัศ” ยังไม่มีผู้ร้องเรียน ผอ.ศูนย์นักรบไซเบอร์ กกต.ระบุยังไม่พบมีการทำผิด กม.ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก
วันนี้ (6 ก.พ.) นายวีระ ยี่แพร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) กล่าวถึงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 มี.ค.ว่า ขณะนี้ทางกรุงเทพมหานครได้จัดพิมพ์บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว และจะนำไปติดประกาศที่หน่วยเลือกตั้งเพื่อที่ประชาชนจะสามารถตรวจสอบได้ และภายในวันที่ 10 ก.พ. สำนักงานเขตจะมีหนังสือแจ้งไปยังเจ้าบ้านว่าบุคคลในบ้านใครเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งบ้าง หากพบว่าในหนังสือแจ้งเจ้าบ้านไม่มีชื่อผู้มีสิทธิรายใด สามารถแจ้งขอเพิ่มชื่อได้ภายในวันที่ 20 ก.พ. อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น จึงไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าในและนอกเขตจังหวัด รวมทั้งไม่มีการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ซึ่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งคนใดที่ในการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งที่ผ่านมาขอใช้สิทธิในกรณีดังกล่าว การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ก็จะต้องมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 3 มี.ค. ณ หน่วยเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ตนเองมีสิทธิอยู่
นายวีระยังกล่าวถึงการเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีลักษณะชี้นำในขณะนี้ว่า การทำและเผยแพร่ผลโพลสามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 50 แต่กรณีนี้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง แนะนำวิธีการและลักษณะต้องห้ามเกี่ยวกับการเปิดเผยหรือเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ปี 2551 ที่ขอความร่วมมือว่าไม่ควรเผยแพร่ผลโพลช่วง 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง เพราะถ้าพบว่าเป็นการดำเนินการจัดทำโดยไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการก็อาจจะเข้าข่ายหลอกลวง จูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครผิดมาตรา 57 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ที่ดำเนินการระมัดระวังในการทำและเผยแพร่ด้วย
“ตอนนี้แม้จะมีการมองว่าผลโพลที่เผยแพร่ออกมามีลักษณะชี้นำ แต่ตามกฎหมายแล้ว กกต.ไม่มีอำนาจที่จะไปตักเตือนหรือสั่งให้ระงับ รวมถึงถ้าไม่มีคนร้องแล้วเราไปเชิญผู้จัดทำมา ก็อาจกลายเป็นประเด็นว่า กกต.ไม่กลางหรือเปล่า เราจึงต้องทำตามระเบียบสืบสวนสอบสวน คือถ้ามีการยื่นร้องเรียนมา และ กกต.พิจารณารับเป็นคำร้อง เมื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนจึงจะสามารรถออกหนังสือเรียกผู้ที่ทำมาให้ข้อมูลได้ แต่ขณะนี้ที่มีผู้สมัคร 2 รายยื่นเรื่องเข้ามาขอให้พิจารณาสั่งระงับการทำโพล ดูแล้วเรื่องที่ยื่นยังไม่เข้าข่ายร้องเรียน จึงได้มีหนังสือสอบถามกลับไปยังผู้สมัครทั้ง 2 รายแล้วว่าประสงค์ที่จะยื่นเป็นเรื่องร้องเรียนร้องคัดค้านหรือไม่ ซึ่งยังไม่ได้รับการตอบกลับมา ที่ประชุมกกต.กทม.จึงเลื่อนพิจารณาเรื่องการเผยแพร่โพลจากที่จะพิจารณาในวันนี้ (6 ก.พ.) เป็นไปเป็นวันศุกร์ที่ 8 ก.พ. เพื่อพิจารณาจะรับเรื่องดังกล่าวเป็นคำร้องหรือไม่” นายวีระกล่าว
เมื่อถามว่า กกต.สามารถหยิบยกขึ้นพิจารณาเองโดยไม่ต้องมีผู้ร้องได้หรือไม่ นายวีระกล่าวว่า เห็นเองก็ได้ แต่ต้องรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจนแล้วเสนอต่อที่ประชุม กกต.กลางพิจารณาว่าจะรับเป็นเรื่องความปรากฏหรือไม่ ซึ่งเรื่องที่มีการยื่นอยู่ยังไม่ถือว่าเข้าข่าย
ส่วนกรณีที่ขณะนี้มีข่าวการตั้งโต๊ะพนันผลการเลือกตั้ง ก่อนหน้านี้ กกต.กทม.ได้หารือกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้ช่วยดูแลในเรื่องที่มีการทายผลการเลือกตั้งผ่านทางเว็บไซด์ และดูว่าผู้ดำเนินการเกี่ยวข้องกับข้าราชการ ส.ส. ส.ว.หรือไม่ หากพบว่าเป็นการทำเพื่อกลั่นแกล้งผู้สมัครรายใดก็จะเข้าข่ายผิดมาตรา 57 (5) ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งก็จะมีความผิดตามมาตรา 131 ของ พ.ร.บ.เดียวกัน โดยมีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับสองหมื่นถึงหนึ่งแสนบาง หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิ กถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ยังผิด พ.ร.บ.การพนัน และ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
สำหรับกรณีที่มีการโพสต์รูปภาพรถเมล์ที่ถูกไฟไหม้และคนใส่เสื้อแดงยืนโบกธงชาติอยู่ พร้อมข้อความประกอบ “นโยบายเผารถเมล์ฟรี ทำแล้ว” ในเฟซบุ๊กของนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา รวมถึงรูป พล.ต.อ.พงศพัศ พร้อม น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางปวีณา หงสกุล ยืนอยู่บนรถหาเสียง โดยมีภาพเบื้องหลังเป็นภาพไฟไหม้ ในเฟซบุ๊กของนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์นั้น ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเข้ามา ซึ่งการร้องเรียนก็สามารถกระทำได้ โดยผ่าน กกต.กทม. เพื่อพิจารณาว่าจะรับร้องเรียนหรือไม่ หากรับก็จะทำการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนสรุปเป็นความคิดเห็นไปยัง กกต.กลางเพื่อทำการพิจารณาวินิจฉัยต่อไป
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพบข้อเท็จจริงว่าการโพสต์รูปภาพ หรือข้อความดังกล่าวนั้น เป็นการกลั่นแกล้งผู้สมัครใด และมิชอบด้วยอำนาจหน้าที่ กกต.ก็มีอำนาจ หรือมอบหมายให้ กกต.ส่วนท้องถิ่น สั่งให้ยุติหรือระงับการกระทำนั้นได้ ตามมาตรา 29 ประกอบ มาตรา 57 ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ เนื่องจากบุคคลทั้งสองอยู่ในฐานะสมาชิกพรรค และ ส.ส.
ด้านนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมาในการเลือกตั้งท้องถิ่นของจังหวัดทางภาคใต้เมื่อปี 2547-2548 เคยมีการเผยแพร่ผลโพลในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นช่วง 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง ปรากฏว่าผู้ดำเนินการถูกดำเนินคดีอาญามาแล้ว และการเผยแพร่ดังกล่าวยังมีผลกระทบต่อตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วย จึงอยากให้ผู้ที่ดำเนินการจัดทำโพลในการเลือกตั้งครั้งนี้มีความระมัดระวัง แต่ในส่วนของ กกต.นั้นก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หาก กกต.หยิบเรื่องดังกล่าวขึ้นพิจารณาเองก็ต้องหยิบในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง และเชิญทุกสำนักโพล เพราะหากเชิญมาไม่ครบ กกต.ก็อาจถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งทุกวันนี้โพลออกมารายวัน ส่วนในเรื่องของการพนันผลการเลือกตั้งนั้นมีในการเลือกตั้งทุกระดับ ทาง กกต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยชุดหาข่าว ชุดป้อมปรามที่ลงพื้นที่กำลังหาข่าวนี้อยู่ แต่พบว่ายังเป็นลักษณะของการพูดกันไป ยังไม่รู้เป็นจริงหรือไม่ เและที่ผ่านมาการพนันขันต่อกันก็จะเป็นระหว่างบุคคลเท่านั้น อย่างไรก็ตามในการเลือกตั้งครั้งนี้ กกต.ได้มีการเชิญ กกต.ประเทศภูฏาณ กกต.สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์เลสเต ที่ขณะนี้กำลังจะมีการจัดการเลือกตั้ง และเอกอัครราชทูต 10 ประเทศของกลุ่มประเทศอาเซียนเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ส่วนนายวีระศาสตร์ นริศบุญสนอง ผู้เชี่ยวชาญสำนักงาน กกต. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าติดตามการเลือกตั้งทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (นักรบไซเบอร์) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะทำงานของศูนย์ฯ ได้รวบรวมประเด็นเนื้อหาและความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ทั้งในฝ่ายกลุ่มที่สนับสนุน พล.ต.อ.พงศพัศ กลุ่มผู้สนับสนุน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มผู้สนับสนุนผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ ที่โพสต์ข้อความต่างๆ ผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีแนวโน้มว่าจะเข้าข่ายการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง อาทิ ประเด็นที่นายศิริโชคโพสต์รูปภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว รวมถึงกระแสข่าวที่มีการเปิดพนันทายผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งยังพบว่าเป็นเพียงการเสนอข่าวผ่านทางสื่อมวลชนเท่านั้น ยังไม่พบว่ามีผู้ใดเปิดการพนันทายผลการเลือกตั้งผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คจริง ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ซึ่งทางศูนย์ฯ ได้ติดตามเฝ้าระวังและรวบรวมข้อมูลอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะเสนอเรื่องให้ กกต.กลางพิจารณาต่อไป
“จากการติดตามเห็นว่าช่วงนี้ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.มีการใช้สื่อทางโซเชียลเน็ตเวิร์กหาเสียงกันอย่างเข้มข้น รวมถึงมีการเสนอผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนหรือผลโพลออกมาเป็นรายวัน จึงทำให้ช่องทางสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์กถูกหยิบยกขึ้นมาใช้เป็นช่องทางในการหาเสียงมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีกรณีใดที่มีแนวโน้มว่าจะขัดต่อกฎหมาย” นายวีระศาสตร์กล่าว
มีรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธาน กกต.กทม. กล่าวว่า ที่ประชุม กกต.กทม. ได้มีการพิจารณากรณีนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 6 ร้องเรียน กกต.กทม. ให้ตรวจสอบการทำผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนของสำนักโพลล์ต่างๆ เนื่องจากมีการชี้นำ โดยเห็นว่า คำร้องดังกล่าวยังเป็นลักษณะร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาของ กกต. โดยจากที่ประสานไปยังนายสัณหพจน์ได้รับแจ้งว่าต้องการยื่นเป็นเรื่องร้องเรียนและจะเข้ามายื่นเรื่องต่อ กกต.กทม.ในวันพรุ่งนี้
ส่วนในประเด็นข้อกฎหมายเบื้องต้นที่ประชุมฯเห็นว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 45 ให้สิทธิเสรีภาพในเรื่องนี้ไว้ แต่ขณะเดียวกันมาตราดังกล่าวก็บัญญัติในเรื่องการจำกัดเสรีภาพ จะกระทำได้เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ซึ่ง กกต.ก็เห็นว่าบทบัญญัติดังกล่าวทำให้ กกต.สามารถหยิบยกกรณีนี้ขึ้นมาพิจารณาเองได้โดยไม่ต้องมีผู้ร้อง ซึ่งก็จะมีการนำประเด็นทั้งหมดเข้าหารือในการประชุม กกต.กทม. วันที่ 8 ก.พ. แต่ทั้งนี้ กกต.กทม. ยังไม่ได้มีแนวคิดที่จะเชิญเจ้าของสำนักโพลล์ใดมาชี้แจง เพราะยังไม่มีการเจาะจงว่าสำนักโพลล์กระทำการเข้าข่ายผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ ที่ประชุมในวันนี้ยังมีคำวินิจฉัยกรณีนายประทีป วัชรโชคเกษม อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 14 ร้องขอให้คืนสิทธิการเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.และได้ส่งให้ กกต.กลางพิจารณาแล้ว หลังจากที่ได้เชิญปลัด กทม. ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งท้องถิ่นประจำกรุงเทพมหานคร และนายประทีป มาชี้แจงข้อเท็จจริงเรียบร้อย