กกต.กทม.เตรียมสรุปปมผู้สมัครที่ถูกตัดสิทธิเป็นผู้สมัครหรือไม่พรุ่งนี้ ก่อนส่ง กกต.กลางชี้ขาด พร้อมพิจารณากรณีขอให้สั่งระงับเผยแพร่ผลโพลชี้นำ ด้าน ผอ.กกต.กทม.เผยแม้ประกาศ กกต.ไม่ห้ามเผยแพร่เด็ดขาด แต่หากพบทำไม่ถูกหลักวิชาการ ชี้นำ ก็มีสิทธิเข้าข่ายผิดกฎหมาย ด้าน ปธ.กกต.กทม.เผยมีผู้ร้องสั่งระงับโพล อยู่ระหว่างตรวจสอบ
วันนี้ (5 ก.พ.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อาคารศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ นายวีระ ยี่แพร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กต.กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กกต.กทม.ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณากรณีนายประทีป วัชรโชคเกษม ซึ่งถูกตัดสิทธิในการลงสมัครรับเลือกตั้ง ยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานขอให้พิจารณาให้เป็นผู้มีสิทธิรับเลือกตั้ง โดยที่ประชุมได้มีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานในเบื้องต้นและจะมีการประชุมเพื่อให้ได้ข้อยุติในวันที่ 6 ก.พ. ก่อนจะเสนอความเห็นให้ กกต.กลางพิจารณา เพื่อวินิจฉัยชี้ขาดให้ทันก่อนการลงคะแนนเลือกตั้ง โดยกรณีดังกล่าวไม่ต้องยื่นเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาเหมือนกรณีผู้สมัคร ส.ส.ที่ถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นได้กำหนดให้เป็นอำนาจของ กกต.กลาง
นายวีระยังกล่าวถึงกรณีเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า กกต.มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องแนะนำวิธีการและลักษณะต้องห้ามเกี่ยวกับการเปิดเผยหรือเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2551 ซึ่งในข้อ 5 ของประกาศดังกล่าว ใช้ถ้อยคำว่า ผู้สมัครหรือผู้ใด ไม่ควรเปิดเผยหรือสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการลงคะแนนการเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ในระยะเวลา 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง จนถึงเวลาปิดการลงคะแนนเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ตามประกาศแม้จะไม่ใช้ถ้อยคำที่มีลักษณะห้ามเด็ดขาด แต่หากมีหลักฐานว่าผลสำรวจความคิดเห็นที่มีการเปิดเผยในช่วงเวลาที่ห้าม ไม่ได้กระทำโดยยึดหลักวิชาการ ก็จะเข้าข่ายเป็นการหลอกลวง จูงใจให้เข้าใจผิด ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิไปลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือให้ผู้มีสิทธิงดเว้นการลงคะแนนให้กับผู้สมัครรายใด ซึ่งถือว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 57 (5) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น มีโทษตามกฎหมาย และถ้าพบว่าการทำผลสำรวจดังกล่าว มีผู้สมัครอยู่เบื้องหลัง ผู้สมัครรายนั้นก็มีสิทธิถูกใบเหลืองใบแดงได้ แต่หากพบว่าเป็นการกระทำของบุคคลที่ไม่ใช่เป็นผู้สมัคร ก็จะอยู่ในความหมายของผู้ใด ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีอาญา
ด้าน พล.ต.ท.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนเรื่องการหาเสียงของผู้สมัครเข้ามา เห็นมีแต่ร้องผ่านสื่อมวลชนเท่านั้น ส่วนที่มีการร้อง กกต.กทม.มีเพียงเรื่องขอให้ กกต.พิจารณาสั่งระงับการเผยผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพราะเป็นการชี้นำ ซึ่ง กกต.กทม.อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุม กกต.กทม.วันนี้ ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องที่ผู้สมัครขอให้สั่งระงับการเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน (โพล) แม้จะอยู่ในวาระพิจารณา เนื่องจากที่ประชุมใช้เวลาในการพิจารณาเรื่องนายประทีปขอให้พิจาณากรณีถูกตัดสิทธิลงสมัครค่อนข้างนาน เพราะตามหลักฐานการใช้สิทธิเลือกตั้งที่ทางปลัด กทม. ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งท้องถิ่นประจำกรุงเทพมหานครส่งรายงานมา พบว่ามีลายเซ็นนายประทีปที่ต้นขั้วบัตรลงคะแนน แต่ไม่พบลายเซ็นนายประทีปในบัญชีผู้มาใช้สิทธิ ที่ประชุมจึงให้ ผอ.กกต.กทม.ทำการตรวจสอบเพิ่มเติมและให้นำเข้ามาให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (6 ก.พ.) โดยจะพิจารณาร่วมกับเรื่องขอให้ กกต.สั่งระงับการเผยแพร่ผลสำรวจฯ ด้วย